2 ลูกแกะหลงฝูง
ยิ่งดึกบรรยากาศก็ยิ่งครึกครื่น หกหนุ่มนั่งดื่มบนชั้นสองแต่สายตาก็จับจ้องลงมาทางด้านล่างซึ่งวันนี้มีสาวๆ ให้พวกเขามองละลานตาไปหมดเนื่องจากเป็นคืนเลดี้ไนท์ทางร้านจะมีส่วนลดให้กับสาวๆ เป็นพิเศษส่วนหนุ่มๆ ที่มาในคืนนี้ก็มักจะออกมาล่าเหยื่อสาวๆ ซึ่งเป็นส่วนใหญ่ก็จะเป็นหนุ่มขาประจำกับสาวหน้าใหม่
“ดูผู้หญิงกลุ่มนั้นสิ สวยกันทั้งกลุ่มเลยวะ น่าชวนมานั่งคุยชะมัดเลย” วีรวิชญ์มองแล้วก็นึกสนุกตามประสาหนุ่มโสด
“กูว่ามึงคิดช้าไปนะวีร์” นุกูลหัวเราะร่วนเมื่อเห็นว่าสาวๆ กลุ่มนั้นกำลังมีหนุ่มเดินเข้าไปจีบ
“รอดูก่อน เดี๋ยวเขาก็ถอย”
“มึงรู้ได้ยังไงวะเกื้อ” วีรวิชญ์มองหน้าอธิษหุ้นส่วนที่รับหน้าที่บริหารผับถามด้วยความแปลกใจ
“ก็ไอ้คนที่เข้าไปจีบนะมันขี้โม้มาก ผู้หญิงเดี๋ยวนี้เขาฉลาดมองออกว่าของจริงเขาไม่โม้กันหรอก”
แล้วก็เป็นอย่างที่อธิษพูดเพราะผ่านไปห้านาทีผู้ชายคนนั้นก็กลับมานั่งที่เดิม
“เฮ้ย ผู้หญิงคนนั้นทำไมหน้าคุ้นจังวะเหมือนเคยเห็นที่ไหน”
“คนไหนวะวิน” เมฆาถามแล้วมองลงไปด้านล่าง
“คนนั้นไง สายเดี๋ยวสีดำ”
“กูว่าน่าจะเป็นคนที่อยู่ในรูปที่ไอ้กันต์ให้ดูนะ มึงว่าใช่คนเดียวกันไหม” เขาหันมาถามพีรกันต์ที่กำลังมองลงไปด้านล่าง
“ใช่เลย พรหมลิขิตชัดๆ” พีรกันต์พูดแล้วยิ้มตาเป็นประกายเขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับเธอในถิ่นของตนเองแบบนี้
“ลงไปสิ” ธนวินท์เชียร์เพื่อนเต็มที่
“ยังก่อน”
“ทำไมวะ”
“ถ้าเข้าไปตอนนี้เดี๋ยวก็แห้วเหมือนคนเมื่อกี้หรอก ผู้หญิงเวลาอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มน่ากลัวจะตาย แต่ถ้าอยู่คนเดียวก็ลูกแกะดีๆ นี่เอง”
“แต่มันยากนะโอกาสที่เธอจะอยู่คนเดียว”
“รอดูไปก่อนถ้าโอกาสมาถึงช้าเราก็สร้างโอกาสเองก็ได้มันไม่ยากหรอก” พีรกันต์บอกเพื่อนทั้งที่ตอนนี้ตนเองก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าทำยังไงถึงจะแยกผู้หญิงคนนั้นออกจากกลุ่มเพื่อนได้
“จะให้พวกกูช่วยไปแยกสาวๆ ออกจากกันไหม”
“ยังก่อนอีกตั้งสองชั่วโมงผับจะปิดกูว่ายังไงเธอก็ต้องเดินไปเขาห้องน้ำบ้าง”
“งั้นก็ตามใจมึงนะ” เมื่อเพื่อนปฏิเสธวีรวัชญ์ก็นั่งดื่มต่อ
เหมือนว่าทุกอย่างจะเข้าข้างพีรกันต์ไปหมดเพราะหลังจากเวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที่ผู้หญิงที่เขาจ้องอยู่ก็เดินแยกออกมาจากกลุ่มเพื่อนและตรงไปยังด้านหลังของร้านซึ่งเป็นส่วนของห้องน้ำ
เขารีบวางแก้วในมือก่อนจะเดินลงมาดักรอเธอที่ทางเชื่อมระหว่างห้องน้ำชายและห้องน้ำหญิง เมื่อเห็นเธอกำลังเดินออกมาเขาก็ก้มหน้ามองพื้นก่อนจะเดินช้าๆ กะจังหวะที่เธอเดินมาถึงแล้วก้าวเท้าออกไปทันที
“อุ๊ย...ขอโทษค่ะ” หญิงสาวอุทานเมื่อจู่ๆ เธอก็เดินชนคนอื่นทั้งที่มองแล้วว่าไม่น่าจะมีใคร
“ขอโทษครับเป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าค่ะ” หญิงสาวเงยหน้าแล้วยิ้มอย่างเป็นมิตร
“หน้าคุณคุ้นจังนะครับเราเคยเจอกันไหม” เขารู้ว่ามันเป็นมุกจีบสาวที่โบราณมากแต่ที่ทักทายออกไปแบบนั้นเพราะรู้ว่าเธอจะต้องคิดเหมือนเขาและจะทำให้บทสนทนานั้นยาวขึ้น
“คิดว่าไม่ค่ะ”
“แต่ผมมั่นใจนะว่าเราเคยเจอกัน”
“คุณคะ มุกจีบสาวแบบนี้ไม่คิดว่ามันเชยไปเหรอคะ”
“แล้วมันได้ผลไหมล่ะครับ”
“คิดว่าไม่ค่ะ”
“แย่จังผมก็จีบผู้หญิงไม่เก่งซะด้วยสิ แบบนี้ทำยังไงถึงจะได้รู้จักคุณล่ะครับ”
“ลองบอกเหตุผลมาสิว่าทำไมถึงอยากรู้จักฉัน”
“แน่ใจนะครับว่าอยากฟังเหตุผลจริงๆ”
“ลองบอกมาก่อนสิคะ”
“ถ้าผมบอกเหตุผลกับคุณ คุณจะยอมบอกชื่อผมไหมล่ะครับ”
“ก็ต้องดูก่อนว่าเหตุผลของคุณมันฟังขึ้นไหม”
“ถ้าฟังไม่ขึ้นก็จะไม่ยอมบอกชื่อเหรอครับ”
“ค่ะ”
“ผมรู้สึกว่าผมกำลังเสียเปรียบอยู่นะ”
“ยังไงคะ”
“ถ้าผมยอมบอกเหตุผลคุณก็น่าจะยอมบอกชื่อแลกกันไงครับยุติธรรมดีนะ”
“แล้วฉันจะอะไรจากเรื่องนี้ละคะ”
“เราก็จะได้ทำความรู้จักกันไงครับ”
“แต่ฉันไม่อยากรู้จักคุณนี่ค่ะ” หญิงสาวไม่เคยคิดจะทำความรู้จักกับใครในสถานที่แบบนี้อยู่แล้วเพราะที่ออกมาเที่ยวก็แค่อยากพักผ่อนสมองไม่ใช่ออกมาหาเพื่อนหรือแฟน เธอจำคำสอนของคุณยายได้ดีว่าการเจอกันในสถานที่อโครจรนั้นยากที่จะเจอคนจริงใจเพราะมารดาของเธอเจอบิดาในสถานบันเทิง
เรื่องนี้คุณยายของเธอเล่าให้ฟังตั้งแต่จำความได้ว่ามารดาของเธอนั้นเจอกับบิดาที่สถานบันเทิงและคบหากันอยู่นานจนกระทั่งตั้งครรภ์ถึงได้รู้ว่าตนเองนั้นเป็นภรรยาน้อยมาตลอดเกือบสองปี หญิงสาวไม่เคยเจอผู้เป็นบิดาเลยเพราะไม่มีใครยอมบอกว่าเป็นใครมาจากไหน และเมื่อมารดาเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุโอกาสจะได้เจอบิดาก็หายไปกับชีวิตของมารดา เธอเพียรถามคุณยายแต่ท่านก็ไม่ยอมบอกจนถึงวาระสุดท้ายที่จากไปเมื่อสองปีก่อนความลับเรื่องชาติกำเนิดจึงหายพร้อมกับลมหายใจของท่าน
“แต่ผมอยากรู้จักคุณนะครับ”
“พยายามกว่านี้สิคะ”
“อย่าท้าทายผมนะครับคุณพยาบาล”
“คุณรู้เหรอว่าฉันทำงานอะไร”
“ผมรู้ว่าคุณเป็นพยาบาลอยู่ที่วอร์ดอายุรกรรมชายของโรงพยาบบาล XXX” พีรกันต์บอกไปตามที่ตนเองรู้
“แต่ฉันมั่นใจว่าเราไม่เคยเจอกัน” ที่หญิงสาวมั่นใจก็เพราะเธอตั้งแต่ทำงานมายังไม่เคยเจอผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยที่หน้าตาดีจนถึงขั้นหล่อแบบนี้เลยสักคน
“นั่นมันเรื่องของอดีตครับแต่ผมว่าอนาคตเราคงได้เจอกันบ่อยขึ้น พนันได้เลยว่าเจอกันครั้งหน้าผมจะต้องรู้ชื่อคุณให้ได้”
“ใครอยากพนันกับคุณกันล่ะคะ”
“กลัวแพ้เหรอครับ” เขาถามอย่างท้าทายเพราะเห็นแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนไม่ยอมคน
“คนอย่างฉันไม่เคยกลัวอะไรแบบนั้น”
“ถ้าไม่กลัวก็ต้องยอมรับคำท้าสิ”
“ก็ได้ว่ามาสิจะพนันกันยังไง”
“ถ้าครั้งหน้าผมเจอคุณและเรียกชื่อคุณถูกคุณต้องเลี้ยงข้าวผมหนึ่งมื้อ”
“แล้วถ้าไม่ถูกล่ะคะ”
“ผมก็จะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีกเลย”
“ตกลงค่ะฉันรับคำท้าค่ะ” เพราะเป็นคนไม่ยอมคนหญิงสาวจึงรับคำท้าและคิดว่าตนเองกับผู้ชายที่ยืนตรงหน้าคงไม่มีทางเจอกันอีก