1 ของขวัญ
เสียงเคาะประตูในเวลาหลังเลิกงานทำให้ซีอีโอหนุ่มเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนคิ้วขมวดเข้าหากันเพราะจำได้ว่าตนเองบอกเลขาให้กลับบ้านไปพักผ่อนตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน
“เข้ามา” เสียงเข้มตะโกนบอกก่อนจะก้มหน้าทำงานต่อ
“งานยุ่งเหรอวะ”
“เฮ้ย ไอ้วิน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไหนว่าทริปยุโรปจะไปครึ่งเดือน” พีรกันต์ถามเพื่อนด้วยความสงสัยเพราะธนวินท์บอกเขาเองว่าจะพาแฟนไปเที่ยวยุโรปครึ่งเดือนแต่นี่มันผ่านมาแค่สัปดาห์เดียวเท่านั้น
“พ่อไม่สบายไอ้นุโทรไปบอก”
“คุณลุงเป็นอะไรมากไหม แล้วตอนนี้คุณลุงอยู่ที่ไหน”
“หมอบอกว่ามีเลือดออกในกระเพาะอาหารตอนนี้อยู่โรงพยาบาล” เขาบอกชื่อโรงพยาบาลตามสิทธิ์การรักษาของผู้ป่วยในเรือนจำให้เพื่อนฟัง
“ย้ายมาที่นี่สิ”
“อย่าเลยกันต์ ทางเรือนจำเขามีกฎระเบียบของเขา”
“ลองคุยกับผู้คุมดูสิ บางทีเขาอาจจะยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษนะ พ่อมึงอายุมากแล้วอีกไม่กี่เดือนก็จะรับโทษครบ” บิดาของธนวินท์ต้องโทษคดีปั่นหุ้นและศาลตัดสินให้จำคุก 4 ปีซึ่งอีก 4 เดือนก็จะครบกำหนดปล่อยตัว
“กูไม่อยากยุ่งเท่าไหร่”
“งั้นก็ตามใจมึงนะ แล้วเขาให้ไปเยี่ยมไหม”
“อือ”
“มึงไปเยี่ยมมาแล้วใช่ไหม”
“กูก็คิดเอาไว้ว่ามาถึงจะไปเยี่ยมเพราะเป็นห่วงแต่พอเห็นรูปที่ทนายส่งมากูก็เลยเปลี่ยนใจ”
“ทำไมวะ”
“มึงดูเอาเองก็แล้วกัน” ธนวินท์ส่งรูปที่นุกูลทนายของครอบครัวให้กับพีรกันต์ดู
“เธอชื่ออะไร”
“ก็น้าปรางเมียน้อยพ่อกูไง กูว่าไม่ได้ป่วยอะไรมากหรอกน่าจะยัดเงินให้หมอเพื่ออยากจะออกมาหากันมากกว่า”
“กูรู้ว่านั่นคือน้าปรางเมียน้อยพ่อมึงแต่ที่ถามว่าชื่ออะไรกูหมายถึงพยาบาลที่อยู่ด้านหลัง”
“ไม่รู้สิ ทำไมสนใจเหรอ” ธนวินท์ถามอย่างรู้ทันเพราะถ้าพีรกันต์ถามแบบนี้ก็แปลว่าชายหนุ่มกำลังสนใจ
“มากด้วย”
“กูก็เห็นมึงพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เจอผู้หญิงสวย”
“คนนี้สนใจจริง น่าจะแม่ของลูกเลย”
“นั่นก็มากไป”
“ทำไงดีกูอยากเจอ” พีรกันต์เจ้าชู้และคบผู้หญิงไปทั่วแต่ยังไม่เคยมีใครทำให้เขาสนใจได้มากขนาดนี้ แค่เพียงเห็นหน้าเขาก็รู้สึกถูกชะตา หญิงสาวในรูปหน้าคล้ายกับหญิงสาวคนหนึ่งที่เคยเจอเมื่อหลายปีก่อน
“ถ้าอยากเจอก็ไปเยี่ยมพ่อกูสิ ไปแทนกูด้วย”
“แล้วมึงจะไม่ไปดูเขาหน่อยเหรอ”
“ก็เห็นอยู่ว่าเขาไม่ได้เป็นอะไรมากจะไปดูให้เสียเวลาทำไม ไหนๆ มึงก็อยากไปเจอพยาบาลอยู่แล้วกูก็ฝากมึงเยี่ยมเลยก็แล้วกันนะ”
“ได้เลย” พีรกันต์รีบเก็บของบนโต๊ะทันที
“มึงจะรีบไปไหน”
“ก็ไปเยี่ยมพ่อมึงไง”
“ไม่ทันแล้วโรงพยาบาลรัฐเขาให้เยี่ยมเป็นเวลา ถ้าอยากไปจริงก็ไปพรุ่งนี้เที่ยง คืนนี้มึงไปกินเหล้ากับพวกกูก่อน”
“ไอ้นุไปด้วยไหม”
“ไปสิ มึงไปเจอมันก็ดีพรุ่งนี้จะได้ไปพร้อมกันเลย”
“มึงจะไปที่ร้านเลยไหม” เขาหมายถึงผับที่ตนเองและเพื่อนหุ้นกันลงทุนโดยมีอธิษหรือเกื้อเป็นคนบริหาร
“ไปเลยสิ กูติดรถมึงไปนะ”
“มึงกะเมาเต็มที่ใช่ไหม” เพราะทุกครั้งที่ธนวินท์อยากจะดื่มหนักเขาก็มักจะไม่เอารถไปเองเนื่องจากขากลับจะได้ให้พีรกันต์ไปส่งที่คอนโดซึ่งเป็นทางผ่านกลับบ้านพอดี
“ไม่ได้เมานานแล้วคืนนี้ขอหน่อยก็แล้วกัน มึงจะเมาด้วยไหมล่ะ กูจะได้บอกไอ้นุไปส่งเราสองคน”
“ไม่ล่ะ กูอยากพักตับบ้าง” พีรกันต์นั้นดื่มหนักมาหลายปีตอนนี้จึงอยากจะเพลาๆ ลงบ้าง
“พักได้มันก็ดี” อดีตหมอโรคทางเดือนอาหารและตับที่ผันตัวเองมาเป็นเจ้าของบริษัทจำหน่ายวัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์บอกเพื่อน
“มึงล่ะ เมื่อไหร่พัก”
“ขออีกนิดน่าหลังแต่งงานกูก็คงได้พักยาว”
“ถึงมึงไม่อยากพักเจ้าเอยแฟนมึงก็ต้องบังคับอยู่ดี”
“ก็เพราะกูรู้ไง ช่วงนี้กูเลยกินเต็มที่”
พีรกันต์และธนวินท์มาถึงผับก็ตรงไปยังบริเวณชั้นสองซึ่งตอนนี้เพื่อนสนิทของพวกเขามาถึงก่อนหน้าแล้ว เด็กเสิร์ฟของร้านรีบชงเครื่องดื่มมาส่งให้อย่างรู้งาน
“เป็นไงบ้างวะวีร์ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอมึงเลย
“งานยุ่งนิดหน่อย สาขาใหม่กำลังจะเปิดเดือนหน้า” วีรวิชญ์เจ้าของสถาบันเสริมความงามที่มีสาขาไปทั่วประเทศตอบด้วยใบหน้าที่อิดโรย เพราะช่วงนี้สาขาใหม่กำลังจะเปิดตัวและงานบางอย่างมันก็ไม่ลงตัว
“มึงก็ขยันเปิดสาขาจริงนะ”
“น้ำขึ้นกูก็ต้องรับตัก มึงอย่าว่าแต่กูเลยมึงก็ขยันไม่แพ้กูหรอก เข้าเวรตั้งหลายโรงพยาบาล”
“กูไม่มีบริษัทเหมือนพวกมึงกูก็เลยต้องขยันหน่อย” เมฆาเป็นเพื่อนคนเดียวในกลุ่มที่จบแพทย์มาแล้วยังทำงานตามที่เรียนมา ส่วนพีรกันต์นั้นเรียนจบแพทย์แล้วก็มาต่อบริหารโดยยอมเอาเงินส่วนใช่ทุนให้กับรัฐบาล เช่นเดียวกับธนวินท์และวีรวิชญ์ที่ชดใช้ทุนแล้วออกมาทำธุรกิจส่วนตัว
“กูยอมรับเลยว่ามึงขยันจริงแต่ก็ควรแบ่งเวลาบ้าง ถ้ายังทำงานหนักแบบนี้เมื่อไหร่จะมีแฟน วันๆ เจอแต่คนไข้กับพยาบาลไม่เบื่อเหรอเมฆ” นุกูลที่รู้ความเป็นไปของเพื่อนดีกว่าใครก็พูดขึ้น
“มันก็มีเบื่อบ้าง แต่พยาบาลที่กูเจอก็สวยๆ ทั้งนั้นมันเลยไม่เบื่อเท่าไหร่” เมฆาตอบไปตามความจริง
“เออใช่กูเกือบลืมไปเลย” พีรกันต์เพิ่งนึกได้ว่าตอนนี้ตนเองก็กำลังสนใจพยาบาลอยู่ก็พูดขึ้นมาจนเพื่อนพากันตกใจ
“นึกอะไรได้” อธิษที่นั่งใกล้ที่สุดถามขึ้น
“กูมีพยาบาลคนหนึ่งอยากรู้จัก คนนี้ไงมึงรู้จักไหม” เขาเอารูปที่ธนวินท์ส่งให้ทางไลน์ยื่นให้กับเมฆาดู
“สวยนี่หว่า น่าจะพามาเป็นพรีเซนเตอร์นะ” วีรวิชญ์ชะโงกหน้ามาดูก่อนใครแล้วพูดขึ้น
“ว่าไงหมอเมฆมึงรู้จักไหม”
“หน้าคุ้นๆ นะ น่าจะอยู่วอร์ดMedชาย” เขาหมายถึงวอร์ดผู้ป่วยอายุรกรรมชาย
“ใช่แล้ววอร์ดนั้นแหละ”
“มึงรู้ได้ยังไงกันต์”
“ก็พ่อไอ้วินแอดมิทอยู่ที่นั่น ว่าแต่มึงรู้จักใช่ไหม”
“ก็เจอตอนไปราวน์แต่ไม่สนิท” เมฆาเป็นหมออายุรกรรมประจำโรงพยาบาลจึงได้เจอกับพยาบาลแผนกนี้อยู่เกือบทุกวันแต่ก็ไม่สนิทกับใครเป็นพิเศษและพยาบาลก็มีมากจนจำชื่อได้ไม่หมด
“ถามทำไมหรือว่าสนใจเข้าแล้ว”
“โสดไหม”
“กูก็บอกไปว่าไม่สนิท”
“มึงนี่พึ่งพาไม่ได้เลยนะเมฆ”
“ถ้ามึงเจ็บป่วยแล้วกูไม่รักษามึงค่อยพูดว่ากูพึ่งไม่ได้ แต่นี่มันคนละเรื่องกันเลย” เมฆาบ่นอย่างไม่จริงจังนัก
“มึงสนใจจริงเหรอกันต์” วีรวิชญ์เห็นท่าทางของเพื่อนที่ดูจริงจังก็ถามขึ้น
“สนใจสิ พรุ่งนี้กูจะไปเยี่ยมพ่อไอ้วินมึงไปกับกูด้วยนะนุ”
“ทำไมกูต้องไป”
“ก็มึงต้องไปเยี่ยมคุณลุงแทนไอ้วินไม่ใช่เหรอ”
“กูนึกว่ามันกลับมาแล้วจะไปเยี่ยมพ่อเอง” นุกูลกันมามองธนวินท์ซึ่งนั่งทำหน้านิ่งเหมือนไม่ได้ทุกข์ร้อนกับอาการป่วยของบิดา
“ไม่ล่ะกูไม่อยากเจอน้าปราง” ธนวิทย์กับแม่เลี้ยงไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่เจอกันทีไรก็ต้องปะทะคารมกันอยู่ตลอด