3 แล้วจะมาใหม่
“หายไปนานเลยนะเนยพี่นึกว่าจะแอบกลับหอไปแล้ว ห้องน้ำคนเยอะเหรอ” พี่ผึ้งหรือนงลักษณ์ผู้ช่วยพยาบาลถามเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหายไปนานผิดปกติ
“นั่นสิ จุ๋มกำลังคิดจะไปตามเลย” จุ๋มหรือจริญญาเพื่อนสนิทที่นานๆ ครั้งจะได้ออกมาเที่ยวกันแบบนี้พูดขึ้นด้วยความเป็นห่วงเพราะรู้ว่าเนยหรือรัญรวีไม่ค่อยได้ออกมาเที่ยวตามผับบ่อยๆ
“ห้องน้ำคนไม่เยอะหรอกแต่เจอคนกวนประสาทนิดหน่อย”
“ใครนะบังอาจทำให้พี่เนยหงุดหงิดได้พาแขไปดูหน้าหน่อยสิพี่เนย”
“อย่าเสียเวลาเลย เราสนุกกันต่อดีกว่านะ” รัญรวีรีบบอกเพราะไม่อยากเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนั้นมาทำให้ทุกคนหมดสนุก
“จุ๋มอยากรู้พรุ่งนี้เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม” จริญญากระซิบ
“ได้สิพรุ่งนี้หัวหน้าหยุดเราคงได้เม้าท์มอยกัน”
วันนี้เป็นวันเสาร์ที่แผนกอายุรกรรมชายจึงไม่วุ่นวายนักเพราะไม่มีแพทย์ออกตรวจที่แผนกผู้ป่วยนอกคนไข้ที่จะแอดมิทจึงไม่มีนอกจากจะมาจากแผนกฉุกเฉินซึ่งจะไม่มากเท่ากับวอร์ดศัลยกรรม
รัญรวีเคลียร์งานRoutine (งานที่ทำเป็นประจำบนวอร์ดผู้ป่วย) เสร็จในเวลาเกือบสิบโมงเช้า พอนั่งลงก็พอดีกับจริญญาทำงานในส่วนของตนเองเสร็จพอดี
“เล่าเรื่องเมื่อคืนให้ฟังหน่อยสิ”
“เรื่องอะไร”
“อย่าแกล้งทำเป็นจำไม่ได้นะเนยเล่ามาเลยว่าเมื่อคืนเจออะไรมา”
“ก็แค่คนกวนประสาทไม่มีอะไรมากหรอก”
“ไม่มากนั่นแหละที่จุ๋มอยากรู้” จริญญาขยับเก้าอี้มาใกล้พร้อมรับฟังอย่างเต็มที่
“ก็แค่ผู้ชายกวนประสาทคนหนึ่ง” รัญรวีเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอผู้ชายคนหนึ่งให้เพื่อนฟังอย่างไม่มีปิดบังและคิดว่ายังไงก็คงไม่มีโอกาสเจอกันอีกแล้ว
“แต่แปลกนะที่เขารู้ว่าเนยทำงานอยู่ที่นี่”
“เขาอาจจะรู้จักใครในกลุ่มที่ไปกับเราก็ได้”
“ถามดูดีไหม”
“อย่าถามเลยปล่อยผ่านไปเถอะเรากับเขาคงไม่เจอกันอีกหรอก”
“ก็จริงนะ เนยไม่ค่อยได้ไปเที่ยวคงยากที่จะเจอกัน ว่าแต่ขอถามหน่อยสิเขาหล่อไหม”
“ก็พอดูได้” รัญรวีตอบแล้วนึกไปถึงใบหน้าของผู้ชายที่เจอเมื่อคืน หญิงสาวเผลอยิ้มเขาเป็นผู้ชายที่หล่อมากตัวก็สูงหุ่นก็ดีมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
“พอดูได้แล้วทำไมต้องยิ้มล่ะเนย ขอคำตอบแบบไม่อคติหน่อยสิ เขาหล่อมากใช่ไหม” เพราะคบกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมจริญญาเลยรู้ว่าเพื่อนของตนนั้นแพ้คนหน้าตาดี
“เฮ้อ จุ๋มนี่จับโกหกเก่งชะมัดเลย”
“จุ๋มรู้ว่าเนยแพ้คนหล่อ ถ้ามีสิบเนยให้คะแนนเท่าไหร่”
“เอาไปแค่ 8 พอ”
“หักคะแนนตรงไหน”
“ก็ตรงที่ไม่ถูกชะตาไง คนอะไรก็ไม่รู้เจอกันครั้งแรกก็กวนประสาทแล้วยังทำเจ้าชู้ใส่อีก เนยละเกลียดมากๆ นะเลยผู้ชายแบบนี้”
“หยุดพูดเลยนะเนย”
“หยุดทำไมก็เนยพูดจริงนี่”
“ลืมแล้วเหรอที่คนโบราณเคยพูดไว้ว่าเกลียดอะไรก็ได้อย่างนั้น”
“มันก็ใจริงเสมอไปหรอกน่าจุ๋ม” รัญรวีเป็นคนรุ่นใหม่จึงไม่คิดว่าคำพูดพวกนี้จะเป็นจริง
เมื่อคุยกันพอหอมปากหอมคอแล้วต่างคนก็แยกกันไปทำงานในส่วนที่ตนเองต้องรับผิดชอบรัญรวีส่งผู้ป่วยที่หมอสั่งให้ไปส่องกล้องเพื่อตรวจกระเพาะอาหารเสร็จก็นั่งตรวจแฟ้มผู้ป่วยคนอื่นจนกระทั่งถึงเวลารับประทานอาหารเธอดูจนแน่ใจว่าผู้ป่วยได้ทานอาหารกลางวันและทานยาจนครบหมดทุกคนแล้วก็สลับให้พยาบาลคนอื่นไปทานอาหารกลางวันตอนนี้หน้าเคาน์เตอร์จึงเหลือแค่เธอและจริญญา
“เนยอ่านไลน์กลุ่มหรือยัง” จริญญากระซิบถามเบาๆ เพราะกลัวคนอื่นจะได้ยิน
“กลุ่มไหนล่ะจุ๋ม” เพราะมีหลายกลุ่มที่เธอและเพื่อนเป็นสมาชิกรัญรวีเลยไม่ค่อยแน่ใจว่าหมายถึงกลุ่มไหน
“ก็กลุ่มรุ่นเราไง”
“อ๋อ อ่านแล้ว จุ๋มสนใจเหรอ”
“ก็น่าสนใจนะ”
“เนยก็ว่าน่าสนในใจแต่ถ้าจะลาออกก็เสี่ยงเกินไป เงินดีก็จริงแต่พออายุมากเราก็กลัวว่าเขาจะเลิกจ้าง”
“นั้นสิ แต่ตอนนี้เรารับราชการอยู่ถ้าไม่ทำผิดวินัยร้ายแรงหรือทำความผิดอะไรเขาก็จ้างเราจนอายุ 60 นั่นแหละ”
“แต่มีเพื่อนเราบางคนยอมลาออกจากที่นี่แล้วไปทำงานที่โรงพยาบาลเอกชนนะ เขาว่าเงินดีกว่าสวัสดิการดีกว่า”
“มันก็ต้องดีกว่าอยู่แล้วถ้าอย่างนั้นใครเขาจะลาออกจากงานที่มั่นคงกันล่ะ เนยคิดว่าไงจะไปกับเขาไหม”
“อยากไปอยู่เหมือนกัน แต่ไม่อยากลาออกเลย” แม้ว่างานที่โรงพยาบาลจะเงินเดือนน้อยกว่าแต่มันก็แลกมาด้วยประสบการณ์เพราะผู้ป่วยที่นี่เยอะกว่าและมีโรคที่น่าสนใจเยอะกว่า
“ลองไปสมัครพาร์ทไทม์กันดีไหม” จริญญาอยากลองออกไปหาประสบการณ์นอกโรงพยาบาลบ้าง
“น่าสนใจนะ ว่าแต่เขาจะรับพยาบาลที่ประสบการณ์แค่ 4 ปีอย่างพวกเราไหมนะ” เพราะยังไม่เคยไปรับงานที่อื่นรัญรวีเลยรู้สึกกังวล
“รับสิ ยิ่งสวยๆ อย่างเนยเขายิ่งรับเลยนะ”
“ไปทำงานเกี่ยวอะไรกับความสวยกันล่ะ”
“ก็โรงพยาบาลที่หรูหราแบบนั้นก็ต้องการพยาบาลสวยๆ เวลาผู้ป่วยมองแล้วจะได้สบายตาไงล่ะ”
“พยาบาลเวลาสวมชุดขาวเราก็ว่ามองแล้วสบายตาทุกคนนั่นแหละ แค่ยิ้มมากๆ ก็น่าจะพอแล้ว”
“แต่ถ้ายิ้มด้วยสวยด้วยก็น่ามองกว่าจริงไหมล่ะ เนยนั่งคิดไปก่อนนะจุ๋มลงไปเอาของก่อนเขามาส่งที่หน้าตึกแล้ว”
รัญรวีสรุปเวชระเบียนผู้ป่วยที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้จนเสร็จจากนั้นนั่งเขียนบันทึกทางการพบาบาลอยู่หน้าเค้าน์เตอร์
หญิงสาวทำงานเพลินจนลืมมองว่าตอนนนี้มีใครบางคนยืนยิ้มและมองเธอด้วยสายตาของผู้ชนะ
“สวัสดีครับคุณรัญรวี ยินดีที่ได้เจอกันอีกครั้งนะครับ”
“คุณ...” รัญรวีพูดไม่ออกเพราะไม่คิดว่าเขาจะตามมาถึงที่นี่แถมยังเรียกชื่อของเธอถูกอีกด้วย
“ดีใจเหรอครับที่ได้เจอผมอีกครั้ง”
“ใครจะดีใจกันแล้วคุณมาที่นี่ทำไมที่นี่มันโรงพยาบาลนะ”
“ผมรู้ว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาล”
“คุณคงไม่ตามฉันมาใช่ไหม”
“โรงพยาบาลนี้คุณคนเดียวที่ไหนกันล่ะ ผมก็แค่มาเยี่ยมญาติ”
“ถ้าอย่างนั้นก็เชิญค่ะ เยี่ยมได้ถึงบ่ายโมงนะคะ” เธอรีบบอกเพราะอยากให้เขารีบไปเยี่ยมญาติเนื่องจากยังเหลือเวลาอีกแค่ครึ่งชั่วโมง
“ผมไปที่เตียงแล้วแต่เขาไม่อยู่”
“เขากลับบ้านไปแล้วหรือเปล่า ว่าแต่คุณมาเยี่ยมเตียงไหนล่ะ”
“เตียง 18”
“คนไข้เตียง 18 ไปส่องกล้องที่ห้องส่องกล้องระบบทางเดินอาหารค่ะ”
“อีกนานไหมครับกว่าจะกลับ”
“ก็น่าจะสักชั่วโมงเพราะตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มส่องถ้าคุณจะตามไปก็ได้นะคะ ห้องส่องกล้องอยู่ชั้นสองออกจากลิฟต์แล้วไปทางขวามือค่ะ”
“ผมรออยู่ที่นี่ได้ไหม”
“คุณรอได้ถึงแค่บ่ายโมงค่ะ”
“ผมจะรอจนคนไข้กลับมาไม่ได้เหรอครับ”
“ไม่ได้ค่ะ ที่นี่มีเวลาเยี่ยมค่ะ เที่ยงถึงบ่ายโมงและหกโมงเย็นถึงสองทุ่ม”
“อ้อ ผมนึกว่าเยี่ยมได้ตลอด”
“ที่นี่เป็นโรงพยาบาลของรัฐค่ะ จะให้เยี่ยมเป็นเวลา”
“ผมเข้าใจแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนเย็นผมจะมาเยี่ยมใหม่”
“ค่ะ ฉันขอตัวนะคะ”
“เดี๋ยวสิคุณรัญรวี”
“มีอะไรอีกคะ”
“คุณลืมหรือแกล้งลืมเรื่องที่เราพนันกันไว้”
“คนอย่างฉันพูดคำไหนคำนั้นค่ะ”
“ดีครับคิดไว้เลยว่าอยากไปกินอะไรที่ไหนแล้วเย็นนี้ผมจะมาฟังคำตอบ”