บทที่ 2
บ้านทรงยุโรปปนไทยประยุกต์ขนาดใหญ่ ทาสีเขียวอ่อนที่อยู่ซ่อนในดงแมกไม้ บริเวณบ้านค่อนข้างกว้างขวาง เพราะเป็นบ้านที่สร้างมาแต่เดิม ไม่ใช่บ้านที่สร้างขึ้นใหม่ในยุคที่ที่ดินแพงยิ่งกว่าทองอย่างยุคนี้ จึงมีอาณาบริเวณไว้ปลูกพันธุ์ไม้และจัดสวนค่อนข้างกว้าง ตามแต่ใจเจ้าของบ้านที่ชอบความร่มรื่นและสงบสุข แม้จะอยู่ในเขตเมืองหลวง หากแต่ก็ไม่ได้อยู่ใจกลางเมืองนัก บ้านหลังนี้จึงอยู่อย่างสงบสมใจของเจ้าของบ้าน
หญิงชราที่กำลังนั่งเอนหลังอยู่ในสวนอันร่มรื่นบนเก้าอี้หวาย ใต้ต้นสารภีที่กำลังส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ แดดยามบ่ายลับลอดทิวไม้ไปแล้ว นางกำลังสนใจหนังสือในมือ พลางพลิกดูไปเรื่อยๆ มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับตำหรับอาหารโบราณ
“จะทำอะไรกินดีนะเย็นนี้ ลองทำหลนเต้าเจี้ยวดูดีไหมนะ”
นางบ่นพึมพำเบาๆ และพลิกไปหน้าต่อไป ใจคอไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวนัก เพราะนางมีเรื่องกังวลอยู่ ใบหน้าที่เหี่ยวย่นยิ่งเครียดไปกันใหญ่ เมื่อเผลอมานึกถึงตรงนี้
“คุณท่านคะ น้ำตะไคร้เย็นๆ ค่ะแล้วเย็นนี้จะให้เตรียมทำกับข้าวอะไรดีคะ”
สาวรับใช้ยกน้ำสมุนไพรมาเสิร์ฟ นางเอ่ยขอบคุณพลางส่ายหน้าช้าๆ พลางถอนใจเฮือก
“คิดไม่ออกเลย แม่มะลิ ฉันถึงต้องมานั่งพลิกตำราดูหาทำกับข้าวเอานี่ไง เบื่อยังไงพิกล ทำไปก็ไม่มีคนกิน แม่น้องก็ไปเข้าค่ายอาสา วันเสาร์ถึงกลับ อีกคนก็ เฮ้อ...”
มะลิยิ้มแหยๆ เมื่อได้ยินนายจ้างบ่นถึงผู้เป็นนายอีกคนในบ้าน มะลิมาอยู่ที่นี่นานหลายปีแล้ว และคุณท่านเจ้าของบ้านก็เป็นหญิงชราที่แม้จะปากร้าย เจ้าระเบียบไปบ้าง หากแต่ก็เป็นคนใจดี ท่านเอ็นดูเธอมิใช่น้อย ทำให้มะลิผูกพันและสงสารท่านเกี่ยวกับเรื่องของหลานชายยิ่งนัก เรื่องที่นายท่านของเธอกำลังกลุ้มอกกลุ้มใจอยู่ตอนนี้
“เดี๋ยวคุณเพลิงก็คงจะกลับมาเองแหละค่ะ คุณท่าน”
“หวังว่ามันคงจะกลับมาก็แล้วกัน ไอ้หลานบ้านี่ โทรศัพท์ก็ไม่รับ งานการก็ไม่ไปทำ ตาวิชญ์ก็ยังไงนะ พี่ไม่ไปทำงานก็ไม่มาบอกย่า น่าตีจริงๆ”
นางบ่นพึมพำ มะลิเองนั่งรับฟังเงียบๆ เพราะรู้ว่าคุณท่านได้บ่นได้ระบายบ้าง ก็จะอารมณ์ดีขึ้น
เสียงรถยนต์คุ้นหูแล่นเข้ามาในบ้าน ทำให้หญิงชราถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้หวายทันที นางเดินก้าวยาวๆ ไปที่หน้าบ้าน และเมื่อเห็นหลานชายที่ไม่ได้เข้าบ้านเกือบอาทิตย์แล้ว เดินเข้ามา สภาพของเขาทำเอานางถึงกับยกมือทาบอกอย่างตกใจ
“ตายแล้ว! เจ้าเพลิง ไปทำอะไรมาหลานฉัน ทำไมเป็นแบบนี้”
‘แบบนี้’ ของนาง ก็คือเสื้อผ้าที่หลุดลุ่ย หนวดเคราที่ไม่ได้โกน แถมยังเหม็นเหล้าหึ่ง จนมะลิที่ตามมาห่างๆ ยังต้องยกมืออุดจมูก
“ผมขอนอนก่อนนะครับคุณย่าหญิง”
เพลิงตอบสั้นๆ เขาเดินเอื่อยๆ ขึ้นไปผ่านผู้เป็นย่าอย่างตอบแค่นั้น ทำเอาหญิงชรามองตามอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะวิ่งไปดึงแขนหลานชายอีกรอบ
“เป็นอะไรไปน่ะเรา แบบนี้ ต้องเป็นอะไรไปแน่ๆ หายไปหลายวันนี่ เรื่องของแม่วิง แม่เวียนอะไรนั่นหรือเปล่า ย่าตามข่าวสังคมอยู่นะ เห็นว่าแม่ของเค้าจะจับหมั้นหมายกับหม่อมราชวงศ์”
“...”
เพลิงไม่ตอบ หากแต่เม้มริมฝีปาก เขาฝืนยิ้มให้ท่าน และปลดมือของท่านออกอย่างละม่อม คำพูดของคุณย่าหญิงราวกับจะกระทืบหัวใจเขา ที่มันแตกร้าวให้มันยิ่งแตกพังไปกันใหญ่ ชายหนุ่มเดินก้าวยาวๆ ขึ้นไปยังชั้นสองของบ้านหลังใหญ่ทันที ทิ้งให้ย่าหญิงมองตาม แล้วส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะพึมพำว่า
“บอกแล้วไม่ฟัง ว่าอย่าไปยุ่งกับเด็กหัวนอกแบบแม่นั่น เฮ้อ...เค้าก็ล่ำลือกันทั้งวงสังคมว่าแม่นี่เจ้าชู้นักหนา ตาเพลิงนะตาเพลิง แล้วเป็นยังไงล่ะ กรรมเวร แทบจะไม่เป็นผู้เป็นคนแล้วหลานฉัน”
“สำรับข้าวเย็นนี้ คุณท่านจะให้เตรียมจัดอะไรคะ คุณเพลิงกลับมาแล้วแบบนี้”
มะลิถามขึ้นเบาๆ ทำเอาคุณย่าหญิงหันไปค้อนสาวใช้ขวับ ที่มาถามไม่รู้กาลเทศะ
“สภาพแบบนั้น มันคงจะกินข้าวลงอยู่หรอกนะยะ แม่มะลิ เฮ้อ...พวกหล่อนอยากจะทำอะไรกันก็ทำเถอะ บอกแม่ตาได้เลยว่าจัดสำรับแค่ที่เดียว ตาหลานรักของฉันคงจะอกกลัดหนอง กินน้ำตาต่างข้าวนั่นแหละ”
………………………………………………………………………………………………………………………
‘เวียร์ต้องแต่งงานตามหน้าที่น่ะค่ะเพลิง คงจะเข้าใจใช่ไหมคะ เวียร์ไม่เคยเห็นหน้าหม่อมราชวงศ์จิตรเทพเลยสักนิด แต่ก็คงต้องแต่งงานกับเขา’
ทันทีที่เข้ามาอยู่คนเดียวอีกครั้งหนึ่งได้ ภาพที่เขาและญาตาวี ตอนอยู่ในร้านอาหารด้วยกัน ก็วาบเข้ามาในความทรงจำของเพลิง ทั้งที่เขาอยากจะลืมมัน ชายหนุ่มนอนบนเตียงกว้าง ก่อนจะยกมือก่ายหน้าผาก หลับตา...ให้ความทรงจำมันหลั่งไหล เหมือนจะให้กลายเป็นเข็มที่บ่งฝีที่มันกลัดหนองในหัวใจเขาตอนนี้
‘อะไรนะครับ’
‘ก็ เรื่องเหตุผลทางธุรกิจน่ะค่ะ ทางบ้านของเขารวยมาก ก็เลยอยากจะมาเงินต่อเงินกับทางคุณแม่ของเวียร์ ตระกูลเก่าแก่แบบนั้น คุณแม่ของเวียร์ท่านก็เลยตกลง’
เธอยักไหล่เหมือนกับมันเป็นเรื่องไร้สาระธรรมดาๆ ส่วนเขากำลังหน้าซีดเผือด
‘แล้วคุณเอาผมไปไว้ที่ไหนกัน เวียร์’
เขาจำได้ว่าเขาตะโกนใส่เธอไปอย่างไร ญาตาวีมองหน้าเขาก่อนจะยิ้มหวาน เมื่อก่อนเขาอาจจะมองมันเป็นรอยยิ้มของนางฟ้า แต่ตอนนี้มันกลับเหมือนรอยยิ้มของนางมารร้ายเจ้าเล่ห์ เธอเอื้อมมือนิ่มจับมือเขาแล้วพูดเสียงหวานเย้ายวน
‘ก็ไว้ที่เดิมไงคะที่รัก เวียร์ปฎิเสธการแต่งานครั้งนี้ไม่ได้จริงๆ และเวียร์ก็ไม่อยากเลิกกับคุณ ถ้าเราจะยังเหมือนเดิมเวียร์ก็ยินดีนะคะ’
น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาทางหางตาอย่างอดไม่ได้ เมื่อนึกถึงประโยคนั้น ของคนที่เขารักอย่างสุดหัวใจ เขารักเธอ และจริงจังกับเธอ แต่เธอเห็นเขาเป็นตัวอะไรกันนะ เขาถามย้ำตัวเองไปมา เขาด้อยกว่าไอ้หม่อมราชวงศ์นั่นตรงไหน
ตระกูล ภัทรภูมิเดชา ของเขาก็เป็นตระกูลเก่าแก่ ไม่แพ้กัน ทำไมเธอจึงทำกับเขาแบบนี้ แถมมายื่นข้อเสนอเหมือนจะให้เขาเป็นเหมือนตัวสำรอง ตอบสนองยาม...
คุณพระช่วยเถอะ! เพลิงขบกรามกรอด เขาเองรัก และจริงจัง หากแต่อีกฝ่าย กลับเห็นมันเป็นแค่เกมสินะ เขาเข็ดจริงๆ กับสิ่งที่เรียกว่าความรัก และมนุษย์เพศตรงกันข้ามกับเขาอย่างผู้หญิง เขาไม่เคยรู้ซึ้งถึงหัวใจที่ไม่รู้ว่ามีกี่ห้องชั้นของพวกเธอ สาปส่งจริงๆ สองสิ่งนี้
เพลิงคิดอย่างเจ็บแค้น ก่อนจะนอนนิ่ง ไม่สนใจอะไรรอบข้าง ความรักจริงจังที่เขาเฝ้าแต่บ่มเพาะมันด้วยหัวใจทั้งหมด หวังจะสร้างอนาคตร่วมกับคนที่รักหมดใจ มันพังทลายลงแบบไม่ทันตั้งเนื้อตั้งตัว มันทำให้เพลิงถึงกับหมดอาลัยตายอยาก และพานเกลียดผู้หญิงไปแล้วทั้งโลกในเวลาไม่กี่วัน คนจริงจังอย่างเขา เมื่อเจ็บปวดหัวใจมันก็เจ็บลึกล้ำ คนที่เขารักจริงจังคนแรก ฉีกความหวัง กระทืบซ้ำความฝันของเขาอย่างไม่ไยดี ตอนนี้เขาอยากจะหนีจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ หนีจากสังคมวุ่นวาย หนีจากโลกนี้ไปได้เลยก็ดี...