ตอน "อดีตและปัจจุบัน(2)" 3
สุชาติยิ้มแห้งๆ แล้วก้มศีรษะคำนับให้เกียรติพี่ชาย ก่อนหันไปสนใจถามหญิงสาวที่ยืนต้อนรับแขกอยู่ข้างๆ เพลิงพาย
“พี่ณีครับ ทำไมไม่เห็นน้องเมย์เลยครับ”
“พี่ยังไม่ได้บอกยายเมย์เลยค่ะ” ความฝันของหล่อนนั้นมีเพียงอยากให้อารยาเรียนจบจากต่างประเทศ เพื่อจะได้มีหน้ามีตาทางด้านสังคม ม่ายสาวอยากผลักดันน้องให้มีการศึกษาสูงๆ และอยู่ร่วมกับสังคมชั้นสูงอย่างผ่าเผย ไม่เหมือนหล่อน
“อ้าว น้องเมย์ยังไม่รู้เหรอครับว่าคุณลุงศักดาเสียแล้ว” สุชาติถาม
“พี่ไม่อยากให้ยายเมย์ต้องเสียการเรียนน่ะค่ะ เลยไม่ได้บอกอะไรน้อง” เมื่อเจอแววตาสงสัยของนายตำรวจ อุษณีย์ก็รีบก้มหน้าหลบสายตาคมนั้นทันที
“น้องเมย์ใกล้เรียนจบแล้วสินะครับ” สุชาติพูดยิ้มๆ เมื่อนึกถึงหญิงสาวรุ่นน้อง ย้อนคิดไปถึงวันที่เจออารยาวันแรกก็ทำให้เขาตกหลุมรักเด็กสาวที่มีดวงหน้ารูปไข่คนนั้นทันที
“ปีนี้ก็จบแล้วค่ะ” หล่อนยิ้มพิมพ์ใจเมื่อนึกถึงอนาคตอันสดใสของน้องสาว
“ผมจำได้ วันที่ไปส่งน้องเมย์ที่สนามบิน อยากให้ถึงวันที่ไปรอรับที่สนามบินจังครับ” สุชาติพูดเบาๆ เมื่อคิดถึงเด็กน้อยที่แอบรัก
“เหมือนกันค่ะ พี่ก็อยากให้ถึงวันที่ไปรับยายเมย์ที่สุวรรณภูมิ” ความทุกข์หมดสิ้นลงทันใดเมื่อเอ่ยถึงน้องสาวที่รัก
“วันก่อน ผมไลน์ไปคุยกับน้องเมย์อยู่เหมือนกัน”
“ชาติยังติดต่อยายเมย์อยู่เหรอคะ?” อุษณีย์ยิ้มให้นายตำรวจ ภูมิใจแทนน้องสาวที่ยังมีคนดีๆ รอคอย
“โธ่ พี่ณีครับ ไม่เชื่อผมเหรอครับ ผมสนใจน้องเมย์จริงๆ นะครับ” สุชาติยิ้มเล็กยิ้มน้อย นี่ถ้าอารยาไม่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาคงมีโอกาสได้จีบเธอเป็นแฟนแน่ๆ
“ชาติอย่าบอกเรื่องนี้ให้ยายเมย์รู้นะ พี่ไม่อยากให้ยายเมย์ต้องเสียการเรียน เพราะอีกไม่กี่เดือนก็จบแล้ว”
“เกือบจะหลุดปากไปเหมือนกันครับ” สุชาติพูดเบาๆ
‘ไอ้น้องคนนี้ มันจะอยู่ข้างใครวะ?’
เพลิงพายตีใบหน้าขรึม ยืนฟังสองคนคุยเรื่องแม่นกน้อยในกำมือของเขา แววตาเริ่มแดงก่ำ จ้องมองน้องชายต่างตระกูลที่คิดจะตีท้ายครัว แล้วหันไปมองโกศบรรจุอัฐิของบิดาและมารดา ภาพปัจจุบันเลือนรางแปรเปลี่ยนเป็นเรื่องราวในอดีตอันโสโครก
“เพลิง” นายศักดาตื่นแต่เช้ามืดและไม่ยอมออกไปทำงาน ชายสูงวัยนั่งอยู่ในห้องรับแขก หันใบหน้าไปทางบันไดเพื่อเฝ้ารอลูกชายที่ไม่ได้เจอและพูดคุยกันเลยตั้งแต่ภรรยาเสีย
“ครับ” เพลิงพายขานรับอย่างสุภาพทั้งที่ใจไม่อยาก
“กินข้าวเช้าด้วยกันก่อนสิ” นายศักดาวางหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะรับแขก แววตาเต็มไปด้วยความรักมองลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่กำลังยืนใส่รองเท้าอยู่ข้างประตู
“ผมมีธุระต้องรีบไปครับ” เจ็บปวดทรมานร้าวไปทั้งขั้ว เมื่อโดนบิดาและคนรักพากันใช้เท้าเหยียบย่ำหัวใจที่จงรักภักดี ไม่คิดเลยว่าคนทั้งสองจะพากันใช้มีดแหลมคมกริบทิ่มแทงข้างหลังของเขาให้เหวอะหวะ
“มีธุระอะไร จะต้องรีบร้อนออกไปแต่เช้าทุกวันเลยหรือไง”
หลังจากภรรยาเสียไปได้ไม่ถึงเดือน นายหัวศักดาก็ประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่าอุษณีย์เป็นคุณหญิงคนใหม่แทนคุณหญิงแขศรี ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เขาและลูกชายมองหน้ากันไม่ติด ถึงแม้ว่าจะอยู่บ้านหลังเดียวกันก็ตาม
“มันไม่สำคัญหรอกครับ...”
“เข้ามานี่สิ พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย” นายศักดาก้มหน้ามองภรรยาคนใหม่ที่นั่งสงบเสงี่ยมอยู่ข้างๆ ตรงปลายเท้า แล้วถอนหายใจ รู้สึกผิดที่ทำให้ลูกชายเสียใจ
“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมหรือครับ” คำว่า ‘พ่อ’ ไม่อยากจะเรียกให้เสียน้ำลาย เพลิงพายไม่ยอมถอดรองเท้า ก้าวเดินอาดๆ ตรงเข้าไป ไม่ได้สนใจว่ามีหญิงสาวนั่งอยู่บนพื้นพรมข้างบิดา
“พ่อจะเกษียณ วางมือจากงานทุกอย่าง” นายศักดาส่ายหน้าเล็กน้อยเมื่อเห็นกิริยาห่ามๆ ของลูกชายที่เดินข้ามร่างของภรรยาสาว นึกสงสารอุษณีย์อยู่เหมือนกัน แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ช่วงนี้ เขากับลูกชายกำลังไม่เข้าใจกัน เลยปล่อยเลยตามเลย
“ทำไมคุณต้องมาบอกผมด้วยครับ” เพลิงพายหย่อนก้นลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวฝั่งตรงข้ามบิดา เขาเอนหลังพิงเบาะแล้วยกขาขึ้นไขว่ห้าง ไม่ได้ใส่ใจว่าปลายเท้าจะไปโดนหน้าหญิงสาวที่นั่งไม่ไกลจากเท้าของเขา
“เซ็นรับสิ พ่อยกทุกอย่างให้เพลิง” ก่อนที่นายศักดาจะยื่นเอกสารให้ลูกชาย เขาก็สะกิดบอกให้ภรรยาสาวออกไปจากที่นี่ ไม่อยากจะให้เธอโดนย่ำยีด้วยแววตาดูถูกของเพลิงพายไปมากกว่านี้
“คุณแน่ใจเหรอที่ยกกิจการทุกอย่างให้ผมดำเนินงานต่อ คุณไม่กลัวผมจะโกงคุณเหรอครับ” เพลิงพายแสยะยิ้มอย่างร้ายกาจ แววตาดุจหินผาเหลือบขึ้นมองหน้าของบิดา แล้วเอี้ยวมองหญิงสาวที่เขาเคยรักหมอบคลานเหมือนหมาตัวหนึ่งออกไป
“เพลิง!” นายศักดาพยายามจะไม่ตอบโต้ลูกชาย
“พันไร่! เยอะอยู่นะครับ นี่ถ้าผมขายให้กับพวกนายทุนคงจะได้เงินเยอะอยู่หรอกครับ” เพลิงพายมองสำเนาโฉนดที่ดิน น.ส.4 ‘ครุฑแดงเสียด้วย’
“เซ็นตรงนี้นะเพลิง” นายศักดามองลูกชายที่เขารักดั่งแก้วตาเซ็นชื่อและนามสกุลที่ไม่ใช่นามสกุลของเขา แต่เป็นนามสกุลของภรรยาคนเก่าที่เสียไป นี่เพลิงพายเกลียดเขามาก จนต้องไปเปลี่ยนนามสกุลเลยหรือ
“ผมเตือนคุณแล้วนะ” เพลิงพายอ่านเอกสารทุกอย่าง แล้วเงยหน้าขึ้นมองบิดา มองให้แน่ใจว่าพ่อของเขาไม่ได้เสียสติ เพราะไร่ข้าวโพดที่อยู่อำเภอน้ำหนาวนั้น เป็นที่ดินที่พ่อของเขารักและผูกพันกับมันมากที่สุด
