ตอน "อดีตและปัจจุบัน(2)" 4
“เพลิงจะว่าอะไรไหม ถ้าพ่อจะจดทะเบียนกับหนูณี” ยิ้มพอใจเมื่อเห็นลูกชายเซ็นชื่อลงในเอกสาร
“พวกคุณยังไม่ได้จดทะเบียนกันอีกเหรอครับ?” จุกอกแค่ไหนเมื่อบิดามาขอความคิดเห็นจากเขา
“พ่อรอถามเพลิงก่อนน่ะ”
“นั่นมันเรื่องของพวกคุณ คุณจะทำอะไร จะยกย่องผู้หญิงคนนั้นให้เป็นนางฟ้านางสวรรค์ก็เรื่องของคุณ อย่ามาถามความเห็นจากผม”
ไม่อยากจะนั่งฟังเรื่องทุเรศโสมมต่ำทรามแบบนี้อีกแล้ว เพลิงพายเซ็นๆ ให้จบ แล้วลุกขึ้น จากนั้นก็โยนปากกาใส่หน้าชายสูงวัย ซึ่งกิริยาต่ำทรามแบบนี้ เขาไม่เคยทำมันมาก่อน
“หนูณีไม่ได้เป็นคนทำให้แม่ของแกตายนะ” นายศักดาเอ่ยเสียงสั่นเครือบอกลูกชาย ใช่ว่าเขาจะไม่เสียใจที่ต้องสูญเสียภรรยาที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ‘คุณหญิง ผมขอโทษ’ นี่คือคำพูดที่ดีที่สุดในตอนนี้ เอ่ยผ่านสายลมหวังให้คนที่อยู่อีกภพได้ยิน
“นั่นมันเป็นความคิดของคุณ พวกคุณทำให้คุณแม่ต้องตรอมใจตาย” เพลิงพายยืนหันหลังให้บิดา ไม่แม้แต่จะปรายหางตามอง
“พ่อจะยกบ้านหลังนี้และหุ้นส่ในบริษัทอีกเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ให้หนูณี เพลิงคงไม่ขัดใช่ไหม” นายศักดามองแผ่นหลังของลูกชาย คิดในใจอยู่แล้วว่าต้องมีเหตุการณ์แบบนี้
“หึ! สิ่งของของคุณแม่ก็ยกให้เธอด้วยสิครับ ผมทราบมาว่าคุณแม่มีเครื่องเพชรหลายชุดอยู่ในตู้เซฟ” มือทั้งสองข้างที่กำไว้แน่นนั้นผายออก แล้วยื่นเข้าไปจับสิ่งของที่ตั้งโชว์อยู่บนโต๊ะ ไม่ว่าจะเป็นกรอบรูปที่ติดอยู่ข้างผนัง โถแจกันลายครามราคาแพงหลายชิ้น ถูกชายหนุ่มจับเหวี่ยงทิ้งเหมือนของพวกนั้นไม่มีค่าเลยสักนิด…
“คุณณีคะ โทรศัพท์ค่ะ” นางจันทร์เดินผ่านผู้คนที่เข้ามาร่วมอำลานายศักดาเข้าไปหาคุณผู้หญิงของบ้าน
“บอกยายเมย์ เดี๋ยวณีโทร.กลับค่ะ” อุษณีย์ที่ยืนต้อนรับแขกหันมากระซิบเสียงเบาๆ บอกนางจันทร์
ด้านเพลิงพายถึงจะอยู่ในห้วงภวังค์เกรี้ยวกราด เสียงร้องไห้ของนางจันทร์กลับแปรเปลี่ยนเป็นเอ่ยเสียงนุ่มไพเราะที่กระซิบบอกอุษณีย์ ซึ่งทำให้เขาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้ยินอย่างชัดเจนว่าเป็น ‘อารยา’ โทร.มา
“เหนื่อยไหมครับ?” ใบหน้าคมคายกระด้างปรับเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน แกล้งทำดีกับหล่อน เพลิงพายยิ้มเยาะเย้ยภาพขาวดำของบิดา แล้วเข้าไปหาหญิงสาว มือหนาจับมือหล่อนมากุมไว้ ส่วนอีกข้างยื่นเข้าไปช่วยซับเหงื่อข้างขมับออกให้อย่างนุ่มนวล
‘ฉันจะทำให้สังคมชั้นสูงเหยียบย่ำเธอเอง อุษณีย์’
“นิดหน่อยค่ะ” หัวใจเหี่ยวเฉาต้องการคนปลอบขวัญอยู่แล้ว เมื่อเห็นรอยยิ้มและท่าทางเป็นห่วง เอาอกเอาใจของชายหนุ่ม ก็ทำให้หญิงสาวที่กำลังจะหมดที่พึ่งถึงกับน้ำตาคลอ นี่ไงคือสิ่งที่หล่อนรอคอย อุษณีย์ต้องการที่จะกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับเขา
“ณีน่าจะบอกยายเมย์ให้กลับมาทำบุญคุณพ่อนะครับ” ก่อนที่จะกลับบ้าน เพลิงพายพาหญิงสาวเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าโกศอัฐิ เขาประคับประคองกอดหล่อนโดยใช้ร่างกายอันกำยำเป็นที่ให้เธอได้ยืนพักพิง
“เพลิงจำยายเมย์ได้ด้วยเหรอคะ?” ผงกศีรษะที่ซบอยู่บนบ่าหนา เงยขึ้นเล็กน้อยมองเสี้ยวหน้าคมสัน ‘กาลเวลาไม่ได้ทำให้เขาหมดความหล่อลงเลยสักนิด ยิ่งมอง เขายิ่งดูภูมิฐานสมชายชาตรีเสียเหลือเกิน’
“หน้าตายายเมย์ตอนนี้เป็นยังไง ผมยังนึกไม่ออกเลยครับ”
เพลิงพายแกล้งตีสีหน้าก้มมองหล่อน อุษณีย์ใบหน้าผ่าวร้อนวูบวาบเมื่อลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดดวงหน้า
“ยายเมย์โตเป็นสาวแล้วค่ะ สวยด้วยนะ” อุษณีย์อายสายตาเจ้าเล่ห์ ทำไมเขาจะต้องทำหน้าเหมือนจะกลืนหล่อนไปทั้งตัว รีบหลับตาแต่ดวงหน้าแดงระเรื่อเหมือนลูกตำลึงสุกยังแหงนขึ้นเป็นอาหารตาของชายหนุ่ม
“ณีไม่ห่วงยายเมย์เหรอครับ ทำไมปล่อยให้น้องไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวแบบนั้นล่ะครับ” เพลิงพายสีหน้าเคร่งเครียดเมื่อนึกถึงดวงหน้างามของแม่สาวน้อยนั่น ว่าจะไม่คิดใส่ใจและเป็นห่วง แต่ทำไมหัวใจต้องหน่วงๆ เวลาเห็นแม่กระต่ายน้อยเดินคู่กับชายอื่นด้วย
“ณีอยากให้น้องมีความรู้สูงๆ ค่ะ เพลิงก็รู้ว่าสังคมบ้านเราสมัยนี้ เขานิยมชมชอบนักเรียนที่จบจากต่างประเทศมากกว่าจบการศึกษาที่นี่ไม่ใช่เหรอคะ”
“ทำไมจะต้องไปแคร์สังคมจอมปลอมแบบนั้นด้วยครับ ณีน่าจะห่วงความรู้สึกของยายเมย์มากกว่าคนพวกนั้นนะครับ” ยิ้มร้ายกาจ คิดแผนการทำร้ายให้อุษณีย์เจ็บปวดที่สุด
“เพลิงเป็นห่วงยายเมย์เหรอคะ?” อุษณีย์ยิ้มอย่างดีใจที่ชายหนุ่มยังจำอดีตได้ เขาไม่เคยลืมเรื่องราวของเธอ นั่นก็แสดงว่ายังรักเธออยู่
“ห่วงสิครับ ยายเมย์เป็นน้องสาวคุณ ก็เหมือนน้องของผมด้วยเหมือนกัน” เพลิงพายที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบเสียงนุ่มทุ้มชิดติ่งหูขาวด้านข้าง
“อุ๊ย!” หันหน้าไปมองเขาจนทำให้พวงแก้มของตัวเองชนเข้ากับริมฝีปากหยัก
“ผมยังรักคุณอยู่นะณี” เพลิงพายหันมองไปรอบๆ วัดไม่เห็นมีใคร เขาก็ถือโอกาสสอดแขนทั้งสองข้างสวมกอดเอวคอดจากทางด้านหลัง เสียงบอกรักกระซิบกระซาบชิดพวงแก้มที่ยังแดงระเรื่อ
“อย่าค่ะเพลิง นี่มันในวัดนะคะ” ลำคอระหงย่นหนี แต่ก็ไม่ยอมขัดขืน ยินยอมให้เขาสัมผัสแต่โดยดี
“เรากลับมาเหมือนเดิมนะณี ต่อไปนี้ ผมจะดูแลคุณ คุณพร้อมที่จะให้ผมดูแลคุณไหม” เขาจับบ่าเล็ก รั้งให้หล่อนหันมาเผชิญหน้ากัน แววตาของคนทั้งสองจ้องมองกัน คนหนึ่งมองอย่างดีใจ พร้อมที่จะสานสัมพันธ์ต่อ แต่อีกดวงซ่อนความเคียดแค้นเกลียดชังไว้ในแววตาอ่อนโยนนั้น ใจอยากจะทำลายให้ย่อยยับคามือ!
“ณีพร้อมให้เพลิงดูแลมานานแล้วค่ะ ณียังรอคุณ ยังรักคุณอยู่นะคะเพลิง ฮึก”
“ชู่ว ไม่ร้องนะคนดี เสร็จงานคุณพ่อเรียบร้อยแล้ว แต่งงานกับผมนะครับ” เพลิงพายพูดเสียงไพเราะ ขอหล่อนให้มาติดกับที่เขาวางไว้ มือหนาโอบอุ้มดวงหน้างามให้เงยสบตากัน เขาโอนอ่อนกับหล่อนโดยการใช้นิ้วโป้งเกลี่ยเช็ดน้ำใสๆ ที่ไหลผ่านพวงแก้มนวล
“เพลิง” ใบหน้างามอาบน้ำตาพยักหงึกๆ ยินดีที่จะตกเป็นของเขา ร่างอวบอิ่มรีบโผเข้าสวมกอดเอวสอบ ใบหน้าสวยก็ซบลงบนอกแกร่งแนบหูฟังเสียงหัวใจของชายหนุ่มที่เต้นแรงผิดปกติขึ้น
“หึ!” พ่นลมหายใจสะใจออกทางจมูก เขาแกล้งกอดหล่อนแล้วเกยปลายคางซบลงบนกระหม่อมบาง ดวงตาเปล่งประกายดั่งเชื้อเพลิงไหม้ไฟจ้องมองรูปภาพของนายศักดาเบื้องหน้า
‘คุณเห็นหรือยัง ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีอะไรดีเลยสักนิด เห็นไหม แค่ผมใช้คำพูดแทะโลมก็เนื้อตัวสั่นระริกเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของผม คุณเห็นไหมว่าหล่อนพร้อมที่จะเป็นทาสให้ผมใช้เท้าเหยียบย่ำมากมายแค่ไหน คุณคอยดูความผิดหวังและย่อยยับของภรรยาคนสวยของคุณได้เลย ผมจะทำให้พวกเธอไม่มีอะไรเหลือ แม้กระทั่งชีวิตพวกเธอก็จะต้องสูญเสีย และตายทั้งเป็นเหมือนอย่างที่ผมเป็นอยู่ทุกวันนี้’
ดวงหน้าเหี้ยมเกรียม ริมฝีปากหยักได้รูปกระจับแสยะยิ้มอย่างคนกำชัยชนะ เมื่อเพลิงพายได้เดินหมากรุกตัวที่สอง และถ้าอารยาเหยียบแผ่นดินไทยเมื่อไร นั่นแหละคือหมากรุกตัวที่สามที่เขากำลังวางแผนไว้...
