บท
ตั้งค่า

ตอน 4

“ดูนี่สิ กล้าม ซิกแพ็ก ต๊ายตาย... ฉันอยากตาย” นิ้วเรียวเล็บยาวสีสันแบบวัยรุ่นยกลูบไล้บนกระดาษในหน้านิตยสารจากนั้นจึงยกขึ้นลูบแก้มเนียนที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเนื้อดีเบาๆ แสดงอาการเพ้อฝันถึงนายแบบมากเสน่ห์นาม... ตุลธร

นาราตั้งใจจะก้าวออกจากห้องน้ำ หากเมื่อบทสนทนาของสองสาวฉุดปลายเท้าเธอให้หยุดนิ่งแอบฟังบทสนทนากรี๊ดกร๊าดของสองสาวอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อไม่อายคุยโจ่งแจ้ง คนฟังก็ไม่กระดากหูจะฟัง

“ฉันยังรู้มาอีกนะแก... ว่าเขาชอบงานศิลปะตัวพ่อ” ฝ่ายคนรู้ข้อมูลเชิงลึกเอ่ยบอกเพื่อน ส่งสายตาวาววับเพ้อฝันไม่ต่างกัน

“นี่ไงภาพที่เขานำขึ้นเวทีเพื่อประมูลหารายได้ช่วยเด็กยากไร้ของยูนิเซฟ ตอนไปเดินแฟชั่นห้องเสื้อชื่อดังที่ปารีส”

“ผู้ชายชอบศิลปะเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ตามแบบฉบับชายราศีตุลย์จริงๆ ด้วย ทำไงล่ะแกฉันอยากได้เขาอ่ะ สักครั้งก็ยังดี ฉันอยากรู้ว่าเขาจะลีลาสะเด่าสะเด็ดอย่างลีลาการเดินแบบหรือไม่”

คนฟังอยู่ไม่ห่างเบะปากแสยะยิ้มกับวาจาก๋ากั่นของสองสาวที่คุยกันโดยไม่สนใจสิ่งมีชีวิตรอบกาย และนั่นก็มีนาราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ว่า ทำราวกับเธอไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้า... กระนั้น

เมื่อสองสาวคุยกันออกรสออกชาติสนุกปากจนพอใจ จึงขยับเท้าเดินออกจากห้องน้ำไป โดยไม่ลืมกอดนิตยสารเล่มหนาแนบอกไปด้วย

“อยากเห็นหน้าอีตานี่ซะแล้วสิ” นาราพูดกับตัวเองก่อนก้าวออกจากห้องน้ำตามสองสาวไปติดๆ ทั้งที่ชีวิตของเธอเดินทางทั้งเรียนทั้งทำงานมาหลายประเทศ เที่ยวมาค่อนโลกผ่านประเทศที่เรียกว่าการแข่งขันทางด้านแฟชั่นรุนแรงก็หลายประเทศ ทว่าไม่เคยรู้จักนายแบบที่ทั้งพี่สาวของเธอ อาซิ้ม-อาซ้อสองคนที่นั่งใกล้ชิดติดขอบเวที รวมไปถึงคุณหนูสองนางพูดคุยกันนั้นเลยสักครั้ง หรือว่าเธอกลายเป็นสาวในถ้ำเชยบรมไปแล้ว

“ไปห้องน้ำหรือไปนอนยะยัยไอซ์” วารีเย้าน้องสาวที่หายไปเข้าห้องน้ำร่วมครึ่งชั่วโมง จนบนเวทีนางแบบนายแบบทยอยเดินออกมาอวดสรีระที่มีชุดสวยจากการออกแบบของห้องเสื้อกชกรหลายรายแล้วนั้น

เสียงคลอเคล้ากับการเดินแบบของเหล่านางแบบนายแบบ ในเสื้อผ้าชุดทำงาน ที่ไม่น่าใส่ไปทำงานได้เพราะช่างอลังการเกินกว่าจะใส่เดินนวยนาดในสำนักงานแห่งใดสักแห่ง นั่นคือสไตล์การออกแบบของคุณกชกรเจ้าของห้องเสื้อชื่อโด่งดัง

“เดินเล่นมาเรื่อยไม่รีบ” หญิงสาวตอบเลี่ยงกับพี่สาว

“ว่าแต่ป่านนี้ตาพอลทำไมยังไม่โผล่มาซะที หรือว่ายังไม่ลงจากเครื่อง”

“เลยเวลานัดร่วมชั่วโมงแล้วพี่ออย”

“บางทีอาจรถติด ช่างเถอะนั่งลงดูโชว์เถอะ” วารีรั้งข้อมือบางของน้องสาวให้นั่งลง ทว่ายังไม่ทันที่นาราจะหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้

เสียงกรีดร้องทั้งชายจริงหญิงแท้ สาวแก่แม้หมายดังกึกก้องขึ้นพร้อมกันราวกับนัดหมายหรือมีใครสักคนให้สัญญาณกรี๊ดพร้อมกัน

“นั่นๆ ยัยไอซ์ ตุลธร” ไม่เว้นแม้แต่วารีที่ปกติไม่ได้แสดงกิริยาแบบนี้ให้ปรากฏแก่สายตาประชาชี

ร่างงดงามที่ยังไม่ได้หย่อนก้นลงนั่งเพราะกำลังตกใจกับเสียงกรีดร้องรอบกาย สายตาของหญิงสาวมองไปตามทิศทางนิ้วที่ชี้ไปของพี่สาว สายตาวาววับระคนฉงนปะทะกับนายแบบรูปร่างสูงสง่าผึ่งผาย ด้วยบนร่างเขาสวมเพียงเสื้อสูทสีดำ ออกแบบแปลกตาหากว่าเสื้อที่เขาสวมไม่ได้ติดกระดุม แล้วด้านในตัวเขาไม่ได้สวมอาภรณ์ชิ้นอื่นนอกจากเนื้อแท้ที่เผยต่อสายตาผู้ชมรอบเวที แผงอกแกร่งระบายไปด้วยไรขนอ่อนตั้งแต่หน้าอกลงไปถึงขอบกางเกง

นารามองตามเรือนร่างสมส่วนกำยำจนไม่อาจละสายตา พลางกลีบปากอ้าไว้ราวกับขากรรไกรค้าง ดวงตาไม่กล้ากะพริบเพราะเกรงภาพมากเสน่ห์ตรงหน้าจะเลือนหายวับไปต่อหน้าต่อตา ไม่อยากเชื่อสายตาเมื่อนายแบบที่เดินบนเวทีหันมายักคิ้วพร้อมทั้งกะพริบตาข้างขวาให้กับเธอ เพียงแค่ได้สบตากับนายแบบหนุ่ม หัวใจอ่อนบางที่มีเจ้าของแล้วพลันกระตุกวูบไม่ต่างกับร่างถูกทิ้งลงจากที่สูงด้วยความรวดเร็ว

จังหวะหัวใจเต้นรี่ระรัวเปลือกตาที่เบิกค้างกะพริบถี่ๆ เพื่อไล่ภาพมากเสน่ห์ตรงหน้าทิ้งไป แต่ไม่ว่าจะไล่สักแค่ไหน ภาพนายแบบที่เผยแผงอกและดวงหน้าคมสันหล่อเหลากลับไม่ได้หายไปจากม่านตาเลยสักนิด

“ไอซ์นั่งสิ ยืนหัวโด่อยู่ได้”

“อ้อ... ค่ะพี่ออย” ถ้าไม่ยินเสียงพี่สาวบอกให้นั่ง พร้อมทั้งรั้งข้อมือบางเธอคงยังถูกสะกดจากแววตาคมสีเทาฉาดฉายคู่นั้น

“ว่าแต่คนพวกนี้เขากรี๊ดอะไรคะ”

“นี่หล่อนตาบอดหรือสายตาพร่าเลือนยะ เขาก็กรี๊ด ตุลธร ดุจดำรงค์ อัลมาโช่ น่ะสิ นายแบบหนุ่มลูกครึ่งไทยละติน ที่พี่เล่าให้ฟังไง”

“อ๋อ... แล้วคนไหนคะ”

“ต๊าย!! คนที่ใส่ชุดสูทสีดำ ดีไซน์เก๋ๆ ติดเพชรคริสตัลเลื่อมระย้าเผยแผงอกล่ำๆ นั่นไงเล่า”

“อ๋อ... ค่ะ... คนนั้นเองเหรอ” นายแบบที่ส่งแววตาหวานเชื่อมทั้งยักคิ้วให้เธอนั่นน่ะ คือ ตุลธร ที่สาวๆ หลายนางกล่าวขวัญถึงอย่างนั้นหรือ นาราจึงคิดอะไรวุ่นวายอยู่ในใจอีกหลายอย่าง ทั้งค้านและสนับสนุนเสียงกรีดร้องรอบกายพวกนั้น

หลังจบการแสดงแบบเสื้อผู้ชายที่ได้สวมชุดโดดเด่นของห้องเสื้อซึ่งไม่พ้นตุลธรเช่นเดิม เขาก้าวออกมานอกเวทีอีกครั้งด้วยชุดฟินาเล่โดดเด่นเสริมความสง่างามในตัวเขาเข้าไปอีก อีกทั้งยังอวดนาฬิกาเรือนที่ราคาแพงที่สุดในโลกยืนเคียงข้างมอบช่อดอกไม้ให้กับเจ้าของงานในครั้งนี้

ชายหนุ่มโน้มแก้มสัมผัสกับคุณกชกรซ้ายและขวาสลับกัน แล้วสวมกอดตามธรรมเนียมต่างชาติ หากว่านาราที่ยืนอยู่ด้านล่างมองภาพตรงนั้นกลับทับซ้อนใบหน้าของตนกับใบหน้าของคุณกชกร พร่าเลือนสร้างมโนคิดไปว่าร่างที่เขาโอบกอดคือตน

แต่ครั้นเสียงปรบมือดังขึ้นจึงปลุกสติให้นาราคืนสติกลับมาเช่นเดิม เธอยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปอยู่ในอ้อมกอดของนายแบบที่เป็นได้แค่อาหารตาในความคิดของเธอแต่อย่างใด ใบหน้าสวยเฉิดฉายสะบัดไปมา เพื่อไล่ความคิดบ้าบอออกไปทั้งหมด แล้วเบนสายตากลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง ไม่ใช่ความคิดไปเองหากว่านายแบบหนุ่มคนดังยังยักคิ้วและส่งยิ้มหวานยั่วเย้าระคนเชิญชวนมายังเธออีกด้วย นาราสะบัดใบหน้าไปมาราวกับในหัวมีแมลงบินวน

“เป็นอะไรน่ะยัยไอซ์”

“ไอซ์เบื่อแล้วอยากกลับบ้าน ไหนๆ พี่พอลก็ไม่มาแล้วนี่ เรากลับบ้านกันเถอะพี่ออย” หญิงสาวบอกแก่พี่สาว

“รออีกหน่อยสิ พี่จะรอถ่ายรูปกับตุลธร”

“นี่... พี่ออยก็บ้าไปกับคนพวกนี้ด้วยเหรอ ไม่เห็นจะดีเด่อะไรนักหนา หล่อก็เท่านั้น หน้าตาบ้านๆ ตลาดทั่วไป และอีกอย่างคนพวกนี้มีไว้แค่มอง ขืนสอยมาเป็นเจ้าของรับรองได้น้ำตานองหน้า ไปเถอะ ถ้าไม่ไปไอซ์ไปล่ะ” ไม่รอพี่สาวหากแต่หญิงสาวขยับก้าวเบียดฝูงชนที่กำลังแห่แหนชื่นชมความหล่อเหลายิ่งกว่าเทพประทานกับนายแบบคนนั้น เชอะ! หญิงสาวสะบัดหน้าจากภาพความมากเสน่ห์รวมไปถึงความบึกบึนสมชาติกำเนิดแล้วก้าวจากไป

นาราออกมายืนพิงผนังห้องรอพี่สาวอยู่ด้านนอก วันนี้เธอจัดเสื้อผ้าหน้าผมมาอย่างงดงามหรูหรา เพราะคู่หมั้นสัญญาจะมาปรากฏกายพร้อมกับเธอ จนแล้วจนรอดเงาร่างเขากลับไม่ได้โผล่มาให้เธอเห็น มือบางยกชายกระโปรงค้างไว้เพราะมันยาวกรอมเท้าเดินเหินลำบาก หากว่าเธอก็ชินกับมันราวกับอยู่คู่กับชีวิตเธอตั้งแต่ลืมตาดูโลก นารากับพี่ๆ ออกงานสังคมกับบิดาและมารดาตั้งแต่อายุยังไม่สามขวบ ดังนั้นชีวิตเธอติดกับสิ่งหรูหราตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

หน้าสวยแต่งแต้มอ่อนบางหากแต่ลงตัวด้วยเครื่องสำอางเนื้อดี เชิดหน้าเล็กน้อยเมื่อมีใครเดินผ่าน เพราะรูปลักษณ์ต่อสาธารณชนสำหรับตระกูลพงศ์พิสุทธิ์ธนดล ย่อมโดดเด่นงามสง่าอยู่แล้ว การทำคอหักห่อไหล่นั่นไม่ใช่บุคลิกนางหงส์เช่นเธอ บางคนอาจไม่รู้ว่าเธอคือทายาทห้างฯ ดังใหญ่โต หากแต่ส่วนใหญ่ในสังคมชั้นสูง รวมไปถึงสื่อก็รู้จักเธอเป็นอย่างดี เพราะข่าวซุบซิบไม่เคยว่างเว้นที่จะเขียนถึงครอบครัวของเธอและตัวเธอในทุกๆ วัน ดังนั้นภาพลักษณ์ต่อสื่อจึงเป็นสิ่งสำคัญ

“พี่ออยเมื่อไหร่จะมานะ” ระหว่างที่ยืนบ่นอยู่คนเดียว ถัดไปอีกมุมหนึ่งเสียงกลุ่มผู้คนจำนวนหนึ่งราวๆ สิบคนดังขึ้น เธอมองไปยังจุดนั้นเห็นกล้องและผู้สื่อข่าวที่ถือไมค์จ่อปากใครสักคน คงเป็นสาวสังคมหรือดาราสักคน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel