บทที่2 จูบแรกที่ถูกขโมย 1
บทที่2
จูบแรกที่ถูกขโมย
หลังจากที่พาเอมวิกาไปส่งห้องแล้ว ภูตะวันก็เดินมายังห้องของคุณวรรณวลีผู้เป็นมารดา เคาะประตูเบาๆก่อนจะเปิดเข้าไปพบมารดาที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงใหญ่ ที่ช่วงขาของเธอมีผ้าแพรผืนบางคลุมเอาไว้ พอเธอเงยหน้ามาพบลูกชายรอยยิ้มกว้างก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าหญิงสูงวัย
“ พบหนูเอมวิกาแล้วใช่ไหมภู” สายตาที่มองลูกชายเต็มไปด้วยความคาดหวัง
“ พบแล้วครับคุณแม่” ภูตะวันตอบเสียงเบา ก่อนจะเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างเตียงมารดา มือหนาใหญ่เอื้อมมาบีบไปตามขาเรียวเล็กของผู้เป็นแม่อย่างอ่อนโยน
“ พบแล้วเป็นอย่างไรบ้าง ไม่เห็นภูเล่าให้แม่ฟังบ้างเลย” มือบางของคุณวรรณวลียกมาลูบไล้ศีรษะบุตรชายอย่างสุดรัก
“ ก็คงเหมือนที่แม่รู้จักนั่นแหละครับ” ชายหนุ่มตอบโดยไม่ยอมมองหน้ามารดา
“ เหมือนยังไงล่ะภู เล่าสิแม่อยากฟัง ว่าแต่หนูเอม..เธอสวยไหม”
คำถามของคุณวรรณวลีทำเอาชายหนุ่มอึ้งไปนาน หัวใจที่ยังคงเต้นแรงตั้งแต่เจอหน้าหญิงสาวมันยังแรงไม่ลดลง แต่กลับเพิ่มความแรงและเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
“ สวยครับแม่” คำตอบของลูกชายเรียกรอยยิ้มจากมารดา
“ พอใจใช่ไหม”
“ ครับ พอใจ..แต่นิสัย”
ภูตะวันยังไม่ทันเอ่ยจบ มารดาก็ยกมือขึ้นมาปิดปากบุตรชาย
“ นิสัยของหนูเอมแม่ว่าก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่เธอเป็นคนชอบเอาแต่ใจเท่านั้น แม่เชื่อว่าลูกปราบพยศเธอได้”
คุณวรรณวลีหลิ่วตาให้ลูกชาย
“ แต่เธอมีแฟนแล้วนะครับแม่ ผมไม่ชอบแย่งของใครแม่ก็รู้”ภูตะวันพูดเสียงหนักแน่น
“ แม่รู้ว่าลูกไม่ชอบแย่งของใคร แต่นี่แม่ไม่คิดว่าเป็นการแย่งนะ เพราะหนูเอมเธอยังโสด”
“ แต่การที่เธอมีแฟนก็ถือว่าเธอไม่โสดไปครึ่งหนึ่ง”
“ ไม่ใช่จ้ะ การที่เขาเป็นคู่หมั้นของภู แม่ถือว่าเธอเป็นคนของลูกครึ่งหนึ่งแล้วจ้ะ ไม่ใช่แบบที่ลูกคิด”
“ แต่”
“ ไม่มีแต่ ภูเชื่อแม่นะลูก เธอเป็นของภู และลูกไม่ได้แย่งใคร”
“ ครับแม่”
“ ข้อสำคัญ ทำให้เธอรักให้ได้นะภู”
“ครับแม่ ผมจะพยายาม ”
“ ครับแล้วต้องทำให้ได้นะภู แม่หาสิ่งดีไว้ให้ลูกแล้ว เพียงแต่ลูกจะเก็บรักษามันไว้ได้หรือเปล่าเท่านั้นเอง”
ชายหนุ่มก้มหน้าลงมองมือตัวเอง สิ่งที่คุณวรรณวลีบอกเขาว่าเป็นสิ่งดี ชายหนุ่มยังไม่รู้เลยว่ามันดีแน่หรือเปล่า แต่เขายอมรับว่าเธอทำให้หัวใจที่แข็งของเขาอ่อนยวบ และเต้นแรงได้เพียงแค่ได้สบตาเธอ
“แม่อยากออกไปดูดอกไม้ข้างนอก ภูช่วยพาแม่ไปหน่อยสิ”
ชายหนุ่มไม่พูดอะไรกับคำขอของมารดา เขาเพียงขยับตัวลุกขึ้นใช้ลำแขนที่แข็งแรงสอดเข้าใต้ขาพับมารดาอีกแขนซ้อนด้านหลัง ก่อนจะยกตัวมารดาลอยขึ้นมาแนบอกเหมือนว่าตัวคุณวรรณวลีเบาแสนเบา เดินมาไม่ไกลจากเตียงนัก ภูตะวันก็วางร่างมารดาลงบนรถเข็นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเข็นรถพาร่างบางของมารดาออกจากห้อง
ร่างบางนอนเหยียดยาวอยู่บนที่นอนหนานุ่มไม่มีทีท่าว่าจะตื่นง่ายๆ หลังจากที่กินแซนวิชรสอร่อยไปถึงหกชิ้น และหากไม่มีเสียงของใครปลุกเสียก่อน
“ ตื่นเถอะค่ะคุณ” อำภาเขย่าตัวหญิงสาวเบาๆ
“ หือ มาปลุกทำไมอำภา” เสียงงัวเงียของหญิงสาว ทำให้คนมาปลุกหัวเราะคิกคัก
“ตื่นเถอะค่ะ ใกล้เวลาอาหารเย็นแล้ว มัวนอนจะไม่ทันนะคะ”
“ ไม่ทันก็ไม่ทันสิ อำภาออกไปเถอะ ฉันจะนอนต่อ กำลังหลับสบาย”
“เขาไม่อยากตื่นก็ปล่อยเขานอนเถอะอำภา พวกคุณหนูก็ แบบนี้แหละ สบายจนเคยตัว”
เสียงทุ้มนุ่มที่พูดเนิบๆดังมาจากหน้าประตูทำเอาเอมวิกาหูผึ่งดีดตัวลุกขึ้นนั่งหันไปมองเจ้าของเสียงอย่างไม่พอใจ
“ ก็ฉันมาเหนื่อยๆอยากจะนอนพัก คุณจะต้องมาพูดแบบนี้ทำไม”
“ ผมพูดอะไรไปเหรอคนสวย ผมแค่บอกอำภาว่าคุณอยากนอนก็ให้นอน ไม่ต้องไปปลุกคนเขาจะนอน ผมพูดเสียหายอะไรตรงไหน” ภูตะวันยืนเท้าเอวถาม
เอมวิกาตัวสั่นด้วยเถียงไม่ออก คุณหนูจอมวีนอย่างเธอ ต้องมาเถียงแพ้นายรูปหล่อปากจัดอย่างนั้นหรอ
“ ไปเถอะอำภา คุณของอำภาเขาอยากนอนก็ปล่อยเขานอนไป ปล่อยให้คนแก่เจ้าของบ้านนั่งรอไปก่อน”