บทที่2 จูบแรกที่ถูกขโมย 2
หญิงสาวรู้สึกว่าจะทนไม่ไหวกับคำถากถางของชายหนุ่มร่างบางสมส่วนกระโดดโครมลงไปยืนข้างเตียง ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าที่อำภานำมาแขวนไว้ให้ก่อนเธอหลับ
“ คุณเลิกพูดจาแบบนี้กับฉันเถอะ อีกสิบนาทีฉันถึงห้องอาหารแน่นอน”
พูดจบไม่รอให้ชายหนุ่มพูดอะไร เธอรีบเดินจะเข้าห้องน้ำ แต่เสียงทุ้มนุ่มของเขาก็ยังคงดังมารบกวนเธอจนได้
“ แน่ใจเหรอว่าสิบนาทีจะพอ ผมให้คุณยี่สิบนาทีเลยคุณหนู”
เสียงประตูห้องน้ำปิดดังโครม!! พร้อมกับเสียงร้องกรี๊ดที่ดังลอดออกมา ภูตะวันหัวเราะหึๆอย่างชอบใจที่คำพูดของเขาทำให้ผู้หญิงอย่างเอมวิกากรี๊ดได้
ร่างสูงหันไปมาอยู่หน้าห้อง ก่อนจะหันไปบอกให้อำภาออกไป เขาจะอยู่รอเอมวิกาเอง เด็กสาวก้มหน้าซ่อนรอยยิ้มออกจากห้องไปเงียบๆ
หลังจากได้อาบน้ำเย็นจนชื่นใจแล้ว เอมวิกาก็ออกจากห้องน้ำมาด้วยท่าทางที่สดชื่น แต่ความเย็นสดชื่นอยู่กับเธอไม่นานนัก เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นคนที่ยืนรอเธออยู่ในห้องไม่ใช่อำภา
กรี๊ดดด
เสียงกรีดร้องของหญิงสาว ทำเอาชายหนุ่มที่กำลังหันมามองเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด ยกมือขึ้นปิดหูแทบไม่ทัน
“ เป็นบ้าอะไรกันคุณหนูจะร้องทำไม”
“ก็คุณมาอยู่ทำไมในห้องนี้ล่ะ”
“ อ้าว! ผมรอพาคุณไปห้องอาหารยังไงล่ะคุณหนู”
“ แล้วทำไมคุณไม่ให้อำภามารอ คุณมารอเองทำไม” เธอทำเสียงเหมือนว่าเขาเป็นนัยๆ
“อำภามีงานต้องทำ ไม่ได้ว่างมานั่งรอใครนะสิ”
เสียงกวนๆที่ตอบมาของชายหนุ่มที่ตอบมา ทำให้หญิงสาวกัดฟันกรอด ก่อนจะรีบเดินไปหาเสื้อผ้าในตู้ จากนั้นจึงวิ่งผละเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว
ภูตะวันหัวเราะหึๆอย่างชอบใจ ผู้หญิงที่ดูเหมือนเป็นคนมีความเชื่อมั่นสูงอย่างเอมวิกาก็หน้าบางเป็นเหมือนกัน
“เอ้า เร็วๆเข้านะคุณ เวลาที่คุณขอ บวกกับที่ผมแถมให้จะหมดลงแล้ว”
เสียงฟืดฟาดในห้องน้ำเหมือนคนอารมณ์เสียดังลอดออกมา คนข้างนอกได้แต่หัวเราะอย่างขบขัน พลางคิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้มีทุกอารมณ์จริงๆ อยู่ด้วยคงไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด
เสียงประตูที่กระแทกเปิดและปิดดังแรงจนร่างสูงต้องหันไปมอง
“ เบาๆสิคุณหนู เดี๋ยวประตูบ้านผมพังหมดพอดี”
“ จะไปกันได้หรือยังคุณ ฉันพร้อมแล้ว”
ร่างสูงกวาดสายตาคมมองไปทั่วเรือนร่างหญิงสาวอย่างจงใจให้รู้ว่ามอง
“ นี่พร้อมแล้วเหรอ หน้าไม่ทาแป้งปากไม่ทาลิปสักหน่อยหรือคุณ”
“ ไม่ค่ะ ฉันพร้อมแล้วที่จะไป แล้วคุณล่ะคะ พร้อมที่จะนำฉันไปหรือยัง”
ภูตะวันมองใบหน้าอ่อนใสไร้เครื่องสำอางอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะก้มศีรษะทุยๆของเขาและผายมือให้หญิงสาวเล็กน้อยเป็นการกล่าวเชิญโดยไม่มีคำพูด
ร่างสูงระหงกระแทกเท้าเดินนำหน้าชายหนุ่มไปอย่างกระฟัดกระเฟียด ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเจ้าของไร่แสงตะวันทำท่าทางล้อเลียนเธอเมื่อครู่นี้
ชายหนุ่มเดินตามร่างบางไปอย่างอารมณ์ดี มองตามสะโพกที่หนั่นแน่นผึ่งผายกลมมนของเธอยามเยื้องย่างกระแทกเท้าเดิน พาเอาหัวใจหนุ่มหล่ออย่างเขาเกิดอารมณ์ขึ้นมาอย่างง่ายดาย เห็นแล้วมันเขี้ยวน่าจะจับมากอดรัดและบีบสะโพกกลมมนให้สมใจ
เป็นแค่ความคิดเท่านั้นยังทำเอาชายหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับตัวเอง ก่อนรอยยิ้มจะจางลง เมื่อร่างบางของสาวหน้าใสหยุดเดินกึก ก่อนจะหันมามองเขาตาถลน
“ มองอะไรคะ..คุณหื่น”
“หือ คุณเรียกผมว่าอย่างไรนะ”
“ ได้ยินไม่ชัดหรือคะ คุณหื่นๆๆ” เอมวิกาแกล้งเรียกคำว่าคุณหื่นเสียงดังฟังชัด จนภูตะวันต้องยกมือใหญ่มาปิดปากเธอ
“ เรียกอย่างนี้เลยเหรอคุณหนู ได้..เมื่อคุณเรียกผมว่าหื่น ผมก็จะหื่นให้คุณดูว่าความหื่นที่แท้จริงมันเป็นไง”
“นี่คุณจะทำอะไรฉัน” เสียงอู้อี้ถามทั้งที่ปากยังถูกมือใหญ่ปิดอยู่
“ก็จะทำแบบนี้ไงคุณหนู”
ริมฝีปากสวยได้รูปของชายหนุ่มฉกวูบมาที่ซอกคอของหญิงสาว ก่อนจะบดขยี้ด้วยการดูดและซุกไซร้ไปทั่วลำคอ ใบหูก่อนจะไต่ขึ้นมาที่แก้ม คาง สุดท้ายมาจบที่ริมฝีปากเรียวบาง
ร่างบางดิ้นขลุกขลักแต่เพียงครู่เดียวหญิงสาวก็มีอาการตัวอ่อน ยอมรับความเร่าร้อนที่ชายหนุ่มมอบให้อย่างเต็มใจ
ภูตะวันเกือบจะเพริดใจไปมากกว่านี้ หากไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังมาแต่ไกล ชายหนุ่มรีบผละปล่อยร่างเอมวิกาให้เป็นอิสระ แต่หญิงสาวกลับตัวอ่อนระทวยยืนด้วยขาของตัวเองไม่ได้ พอชายหนุ่มปล่อยหญิงสาวจึงเซ หากไม่มีอ้อมกอดแข็งแรงของชายหนุ่มมากอดรั้งเอาไว้ร่างบางคงทรุด
เอมวิกาตัวสั่นระริกเหมือนสนต้องลม ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น ตั้งแต่ใบหน้าลงมาเธอรู้สึกว่ามันร้อนผ่าวเหมือนกับจะเป็นไข้
ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยความเอ็นดู ที่ใบหน้าและลำคอของเธอแดงและมีรอยถูกดูดแดงเป็นจ้ำๆอย่างเห็นได้ชัด เสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ทำให้ชายหนุ่มเงยหน้าจากลำคอของหญิงสาวขึ้นไปมองผู้ที่เดินมา
“ พี่ภูอยู่ที่นี่เอง ดาวตามหาทั่วบ้านเลยนะคะกว่าจะเจอตัว”
หญิงสาวคนมาใหม่ทักทายชายหนุ่มอย่างสนิทสนม และถือโอกาสที่ชายหนุ่มยืนเงียบ เธอจึงตรงเข้าไปคว้าแขนของเขามากอดอย่างถือสิทธิ์ พร้อมกับปรายตามามองหญิงสาวที่ภูตะวันยืนโอบกอดด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
“ นี่ใครคะพี่ภู ใช่คนที่เคยขอถอนหมั้นพี่ภูหรือเปล่า”
หญิงสาวนามว่าดาวฉวยโอกาสโจมตีผู้หญิงหน้าจืดซีดปากแดงก่อนทันที ภูตะวันกระแอมเล็กน้อยก่อนจะหันไปบอกคนมาใหม่
“ นี่คือคุณเอมวิกา คู่หมั้นพี่เองแหละดาว และคุณหนูครับ นี่นับดาวญาติห่างๆของผม”
เอมวิกาหันไปยิ้มให้นับดาวเล็กน้อยพอเป็นพิธี จากนั้นก็เบียดตัวกระแซะเข้าหาชายหนุ่มข้างกายอย่างมีจริต ในเมื่อผู้หญิงคนนี้มองเธออย่างไม่เป็นมิตรเธอก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมิตรตอบ
นับดาวได้ยินคำแนะนำของชายหนุ่มที่ตนแอบหลงรักมานานเช่นนั้นก็นิ่วหน้า และยิ่งเห็นการกระทำที่หญิงสาวเบียดอกอวบเข้าหาอกชายที่ตนมีใจให้ ไฟริษยาก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาอย่างรุนแรง
“ เป็นอะไรหรือคะคุณเอมวิกา คุณถึงยืนตัวตรงไม่ได้เลหรอ ต้องเอาตัวไปซุกซบไหล่พี่ภูของฉันขนาดนั้น”’
เอมวิกาเหลือบมองหน้านับดาวนิดหนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปซ้อนมองภูตะวันด้วยสายตาฉอเลาะ
“ ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะคุณดาว ที่ฉันต้องซบภูขนาดนี้ เพราะว่าคนเป็นคู่หมั้นกันย่อมอยากที่จะใกล้ชิดกันค่ะ ใช่ไหมคะภู”
“ ไม่ต้องมาเรียกฉันอย่างสนิทแบบนั้น ฉันไม่ใช่เพื่อนเธอ คนที่จะเรียกฉันแบบนั้นได้มีแต่คนสนิทกันเท่านั้น และฉันอยากถามเธอ”
ภูตะวันหรี่ตามองหญิงสาวสองคนอย่างนึกสนุกและมีความสุข ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะเขาชอบที่มีสาวๆมารุมแย่งชิงตัวเขา แต่ที่เขามีความสุขเพราะมีอกนิ่มๆของสาวชาวกรุงมาเบียดกระแซะอยู่ต่างหาก
“ เหรอคะ” เอมวิกาเลิกคิ้วให้นับดาวด้วยท่าทีกวนๆ
“ใช่” นับดาวเชิดหน้าตอบ
“ ค่ะ ฉันจะได้จำไว้ว่าเธอเป็นคนอื่น..ที่เผอิญได้มารู้จัก อ้อ ว่าแต่เธอจะถามอะไรฉันหรือนับดาว ฉันรอตอบคำถามเธออยู่”
นับดาวอยากจะร้องกรี๊ดให้ลั่นบ้าน ผู้หญิงหน้าจืดคนนี้ไม่ได้ติ๋ม และไร้พิษสงอย่างที่คิดในตอนแรกเสียแล้ว แต่ก็ดีแบบนี้จะได้สนุก เธอจะทำให้แม่คนนี้กระเด็นออกไปจากชีวิตพี่ภูตะวันของเธอจนได้
“ ว่าไงคะคำถาม รอนานจนเมื่อยแล้วนะคะ หากว่าเปลี่ยนใจไม่ถามแล้วฉันกับภูจะได้ไปทานข้าวกัน ป่านนี้คุณป้าคงรอแย่แล้วนะคะภู”
ประโยคหลังหญิงสาวเงยหน้าไปส่งยิ้มหวานให้ภูตะวัน จนชายหนุ่มรู้สึกตาพร่ากับรอยยิ้มนั้น
“ นั่นสิดาว มีอะไรจะถามเอมวิกาก็ถามเร็วๆสิ แม่พี่รอทานข้าวอยู่”
นับดาวกัดฟันข่มอารมณ์อยู่เป็นครู่ก่อนจะหันไม่ถามเอมวิกา
“ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะพี่ภู ดาวแค่อยากจะรู้ว่าคู่หมั้นกำมะลอของพี่จะอยู่ที่นี่กี่วัน ไหนตอนแรกส่งคนมาบอกว่าจะถอนหมั้นไงคะ”
เจอคำถามที่ตรงประเด็นแบบนี้เล่นเอาเอมวิกานิ่งไปนิดหนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มมาให้ผู้หญิงที่ตนเองไม่ชอบตั้งแต่เห็นหน้า
“ อ๋อ ความจริงมันก็ไม่ใช่กงการอะไรที่เธอต้องรู้หรอกนับดาว แต่หากเธออยากจะรู้จริงๆ ฉันตอบให้ฟังเลยก็ได้เธอจะได้หายสงสัย”
เอมวิกายักคิ้วยียวนให้คู่สนทนาอารมณ์เสียเล็กน้อย ก่อนจะเอนศีรษะไปแนบอกชายหนุ่ม
“ ตอนแรกที่ให้คนมาขอยกเลิกการแต่งงานก็เพราะฉันยังไม่เคยเจอภู ยังไม่รู้ว่าภูทั้งหล่อ ทั้งรวยขนาดนี้ แต่พอเห็นและรู้อย่างนี้ ฉันไม่ปล่อยเขาไปให้หมาคาบไปแดกหรอกค่ะ”
คำตอบของเอมวิกาทำให้ชายหนุ่มอึ้งเพราะคิดไม่ถึง ถึงแม้เขาจะคาดเดาอยู่แล้วว่าผู้หญิงคนนี้ร้าย..แรง แต่ไม่คิดว่าจะตรงขนาดนี้ เธอกล้าที่จะบอกคนอื่นต่อหน้าเขาว่าเพราะเขารวยการแต่งงานจึงไม่ต้องยกเลิก ภูตะวันยกริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อยอย่างพอใจ
ส่วนนับดาวพอได้ยินคำตอบถึงกับตัวสั่นด้วยความโกรธผู้หญิงคนนี้ร้าย ร้ายกว่าที่เธอคิดไว้มาก
“ ได้คำตอบแล้วใช่ไหมดาว ไปทานข้าวกันเถอะ แม่พี่รอนานแล้ว”
ภูตะวันพยักหน้าให้นับดาวก่อนจะมารวบมือที่วางบนอกของเขาไปจับกุมเอาไว้
“ ไปทานข้าวกันคุณหนู”
ทั้งคู่เดินจากไปแล้วปล่อยให้นับดาวยืนคว้างหน้างออยู่เพียงลำพัง