บท
ตั้งค่า

3

“สินสอดอะไรกันล่ะ น้องเราเอาไปหมดแล้ว เราเป็นหนี้เขาเสียด้วยซ้ำ ถ้าเราไม่ไป เขาจะยึดบ้านเราเลยนะ” รวิดาพูดแล้วเดินหนีไม่กล้าสบตาลูกสาวคนโต

“คุณแม่หลอกบัวเหรอคะนี่” กลีบบัวแทบล้มทั้งยืน ไม่คิดว่าตัวเองจะต้องแต่งงานไปเป็นตัวใช้หนี้ขัดดอกให้ใคร

“แม่ขอโทษแล้วกัน ถ้าแม่ไม่ทำแบบนี้เราจะยอมเข้าพิธีแต่งงานเหรอ คุณพนัสก็รวย เราไปเป็นเมียเขาก็จะสบายไปทั้งชาตินะ”

“ยายดาทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้ คุณแม่ก็ยังเข้าข้างเหรอคะ”

“น้องยังเด็ก”

“ยายดาอายุยี่สิบกว่าแล้วนะคะ ไม่เด็กแล้ว”

“ช่วยแม่หน่อยนะ ถ้าเขายึดบ้านของเราแม่จะไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ”

“หนี้สินเท่าไหร่คะหนูจะช่วยผ่อนเขาเอง”

“หนี้สินตั้งสี่สิบห้าสิบล้าน จะไปเอาเงินที่ไหนผ่อน” รวิดามีสีหน้าว้าวุ่นใจ

“แต่บ้านเราก็มีเงินนี่คะ ทำไมถึงไปยืมเงินคุณพนัสมาเยอะขนาดนั้นล่ะคะ”

“เงินอะไรกัน ตั้งแต่พ่อเราเสียชีวิต แม่ก็เพิ่งมารู้ว่าพ่อเราเป็นหนี้เป็นสินพะรุงพะรังไปหมด จะเอาเงินที่ไหนไปให้คุณพนัสเขา”

“คุณพ่อเป็นหนี้ตอนไหนคะ ทำไมหนูถึงไม่รู้”

“แม่เองก็เพิ่งรู้ตอนคุณพ่อเสียนั่นแหละ แม่ก็พยายามประคับประคองครอบครัวไปให้ตลอดรอดฝั่ง แล้วตอนคุณพนัสเขามาคบกับยายดา แม่ก็หยิบยืมเงินเขามาใช้หนี้ของคุณพ่อ เลยมีบ้านอยู่จนถึงทุกวันนี้ไง”

กลีบบัวแทบล้มทั้งยืน เธอเรียนจบด้านอักษรศาสตร์ ออกมาเลยเขียนหนังสือ เขียนบทความ ทำอาชีพอิสระ เพราะคิดว่าทางบ้านไม่ได้ลำบากอะไร เธอเลยไม่เคยคิดที่จะไปทำงานประจำเหมือนเพื่อนร่วมรุ่นคนอื่นเขา แต่หนี้สินมากมายขนาดนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปหาเงินจากไหนมาใช้หนี้ เพราะแรกเริ่มเดิมทีคิดว่าบิดามีทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก ใช้ไปจนตายก็ใช้ไม่หมด ไม่คิดว่าท่านจะมีหนี้สินซุกเอาไว้ด้วย

“แม่ขอร้องไปอยู่กับคุณพนัสเถอะนะ ไหน ๆ เราก็แต่งงานกันแล้ว”

“แต่ว่าบัว”

“แม่ขอร้องนะบัวนะ” รวิดายอมลงทุนคุกเข่าขอร้องบุตรสาว

“คุณแม่อย่าทำแบบนี้สิคะ”

“ลูกต้องรับปากแม่ก่อนว่าจะไปอยู่กับคุณพนัสไปเป็นเมียเขา ไม่งั้นแม่จะไม่ยอมลุกขึ้น จะคุกเข่าอยู่นี่แหละ”

“ได้ค่ะ หนูยอมแล้ว คุณแม่เป็นแม่ของหนูมาคุกเข่าให้หนูแบบนี้ หนูก็บาปแย่สิคะ” เธอไม่อยากอายุสั้นให้บุพการีมาคุกเข่าให้หรอกนะ

“ลูกรักของแม่ ถ้าไม่ได้หนูครอบครัวเราคงแย่” รวิดากอดลูกสาวคนโตแนบอก ยิ้มอย่างสมใจ ในขณะที่กลีบบัวรู้สึกว่าโดนหลอกซ้ำซ้อนแต่ก็ต้องตกกระไดพลอยโจน

“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ” เสียงเข้มดุของคนที่เดินหายออกมาจากงานตั้งแต่ตอนกลางวันดังขึ้น พร้อมใบหน้าดุดันและแข็งกระด้าง

กลีบบัวสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ลึก ๆ เธอจะต้องไปอยู่กับคนใจร้ายแบบนี้จริงๆ เหรอ แล้วคำตอบที่ได้ก็คือเธอไม่มีทางเลือก

กลีบบัวเดินตามพนัสไปขึ้นรถ โดยมีสาวใช้หิ้วกระเป๋าตามไปส่ง หญิงสาวมองบ้านหลังใหญ่ที่อาศัยมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยด้วยความรู้สึกใจหาย เธอหันไปมองทางด้านหลังจนสุดตาเมื่อรถยนต์แล่นออกมาจากตัวบ้าน

ในรถเงียบกริบ มีเพียงคนขับรถ พนัสและเธอเท่านั้น แต่เขาก็มีรถของลูกน้องขับตามมาอีกคัน ดูเหมือนว่าพนัสจะมีอิทธิพลพอสมควร

รอยยิ้มของรวิดาปรากฏบนใบหน้าของนางเมื่อลูกสาวคนโตนั่งรถออกไปจากบ้านเรียบร้อยแล้ว

ก่อนที่นางจะกดโทรศัพท์หาลูกสาวคนเล็ก

“เรียบร้อยแล้วเหรอคะคุณแม่” นรินลดากดรับโทรศัพท์ พลางเอ่ยถามมารดาอย่างตื่นเต้น

“เรียบร้อยแล้วจ้ะ นังบัวมันออกไปจากบ้านของเราเรียบร้อยแล้วลูก ต่อไปมันก็จะไม่อยู่ขวางหูขวางตาเราอีกต่อไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นของเราสักที”

“งั้นหนูจะรีบกลับบ้านนะคะคุณแม่ เบื่อขี้หน้านังพี่บัวเต็มทน ไปซะได้ก็ดี”

“มาสิจ๊ะ ที่บ้านก็มีแต่คนของเรา ไม่มีใครส่งข่าวให้นังหน้าโง่มันรู้หรอกว่าลูกไม่ได้หายไปไหน”

“ค่ะคุณแม่” นรินลดารีบกดวางสาย เธอไม่ได้ไปไหนไกล แค่เข้าพักที่โรงแรมหรูใกล้ ๆ บ้าน รอวันที่มารดาจะส่งพี่สาวไปอยู่ที่บ้านไร่เท่านั้น

เธอรู้ว่ากลีบบัวไม่ใช่พี่สาวที่คลานตามกันมาเพราะมารดาเป็นคนบอก แต่ท่านบอกว่าให้เธอปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับมาตลอดหลายปี เพราะบิดาเคยขอร้องมารดาเอาไว้ว่าห้ามบอกกลีบบัวเด็ดขาดว่าไม่ใช่แม่ ถ้าจะพูดกันให้ถูกก็คือ กลีบบัวเป็นลูกติดของบิดา ก่อนท่านจะแต่งงานใหม่กับมารดาของเธอ จึงขอให้มารดาของเธอรักกลีบบัวเหมือนลูกในไส้ และห้ามแพร่งพรายเรื่องที่ไม่ใช่แม่แท้ ๆ ให้ได้รับรู้

“คุณแม่นี่ยอดเยี่ยมไปเลยค่ะ” นรินลดานั่งคุยกับมารดาอย่างมีความสุขหลังจากกลับมาถึงบ้านเรียบร้อยแล้ว เธออิจฉาพี่สาวที่สวยกว่า เรียนเก่งกว่า ดีกว่าทุกอย่าง บิดารักมากกว่า อะไรที่เป็นของกลีบบัวเธอจึงจะแย่งมาทั้งหมด โดยมีมารดาคอยให้ท้ายอยู่ห่าง ๆ ไม่ให้บิดารู้

มารดาของเธอเป็นคนพูดเก่ง แสดงออกเก่ง เลยทำให้บิดาเชื่อสนิทใจว่ารักพี่สาวของเธอจริง ๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel