2
หลังจากเลิกรากันไป กรวิกก็กลับมาขอคืนดีกับเธอ แต่เธอผิดหวังเสียใจกับเขามาก เขานอกกายนอกใจไปมีอะไรกับน้องสาวของเธอ เธอรับไม่ได้เลยไม่ยอมคืนดีกับเขาง่าย ๆ แม้นรินลดาจะมีคนรักใหม่อย่างพนัสไปแล้วเธอก็ยังไม่ยอมคืนดีกับกรวิก
“ไม่ให้ผมเมาได้ยังไง ก็ผมเสียใจ เสียใจที่คุณทิ้งผม”
กลีบบัวสูดลมหายใจเข้าปอดแรง ๆ ลึก ๆ กับประโยคของเขา เขาพูดเหมือนกับว่าเธอทิ้งเขาไปอย่างนั้นล่ะ
“แบบนี้ใช่ไหมคุณถึงไม่ยอมคืนดีกับผม เพราะว่าคุณมีคนอื่น เพราะมันใช่ไหม” กรวิกชี้หน้าพนัสอย่างเอาเรื่อง
“คุณเมาก็กลับไปเถอะค่ะ อย่ามาอาละวาดในงานแต่งแบบนี้” กลีบบัวพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แต่ดูเหมือนว่ากรวิกจะไม่ได้สติ ดวงตาของเขาแดงก่ำไปหมด เพราะเมาหนัก เสียใจหนักที่ผู้หญิงที่รักและเป็นอดีตคนรักแต่งงานไปกับผู้ชายคนอื่น
“นี่กรวิก ออกไปเดี๋ยวนี้นะ จะมายุ่งวุ่นวายอะไรอีก ยายบัวแต่งงานไปแล้ว รู้เอาไว้ซะด้วย” รวิดาต่อว่าอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่ให้ยุ่งได้ยังไง ก็กลีบบัวเป็นเมียผม ผมจะไม่ยอมให้เมียผมแต่งงานกับผู้ชายคนไหนอย่างเด็ดขาด” ประโยคนั้นของกรวิก ทำให้กลีบบัวและทุกคนอ้าปากค้าง
พนัสกัดกรามจนขึ้นสัน ไม่คิดว่าจะได้มาได้ยินความเหลวแหลกของเจ้าสาวจำเป็นของเขาแบบนี้
เขาพอรู้ว่าเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีนัก แต่ไม่คิดว่าจะมีผัวเป็นตัวเป็นตนมาแสดงตัวในงานแต่งให้เขาต้องอับอายขายหน้าขนาดนี้
“นี่คุณพูดอะไร ปล่อยบัวเดี๋ยวนี้นะ” กลีบบัวพยายามดึงมือออกจากอุ้งมือใหญ่ของกรวิก แต่เขาแรงเยอะกว่า ทุกคนในงานมองเธออย่างดูถูก ทำให้กลีบบัวรู้สึกอับอายเป็นอันมาก
ลูกสาวคนโตของคุณฤทธิไกรสำส่อน นั่นคือประโยคที่มนุษย์ป้าหลายคนแอบซุบซิบนินทากันไปทั้งงาน แต่มันก็เข้าหูเธอ เธอได้ยินอย่างชัดเจนเชียวละ
หมดกันชื่อเสียงของครอบครัวและของบิดา กลีบบัวไม่เคยรู้สึกผิดหวังเสียใจและโกรธเกลียดใครเท่ากับกรวิกมาก่อน เขานอกกายนอกใจเธอยังไม่พอ ยังจะมาฉีกหน้าเธอกลางงาน พูดเรื่องไม่จริงแบบนี้ให้เธอเสียหายอีก
“พอสักทีเถอะกร เลิกทำร้ายบัวแบบนี้สักที เราเลิกกันไปแล้ว กรก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าอะไรเป็นอะไร” กลีบบัวสะบัดมือเต็มแรง ก่อนจะตบหน้าเขาฉาดใหญ่
“บัว บัวอย่าทิ้งกรไปเลยนะ กรรักบัวจริงๆ นะ ไหนเราเคยสัญญากันว่าจะแต่งงานกันยังไงล่ะ” กรวิกเข้ามากอดแข้งกอดขากลีบบัว ไม่ยอมให้ไปไหน ทำเอาคนในงานฮือฮากันทั้งงานอีกครั้ง
พนัสพยักหน้าให้ลูกน้องมาหิ้วปีกของกรวิกออกไป เขาไม่ได้อยากช่วยเหลือเจ้าสาวตัวสำรองคนนี้ แต่เพราะเขาอายเกินกว่าจะสู้หน้าใครได้ที่ต้องแต่งงานกับผู้หญิงมากชู้หลายผัวแบบกลีบบัว
“ไม่มีอะไรนะคะ คนเมาน่ะค่ะ” รวิดารีบบอกทุกคน หน้าของนางซีดเหลือสองนิ้ว กลัวพนัสจะยกเลิกงานแต่งแล้วทวงหนี้ทั้งหมดที่หยิบยืมมา
ก่อนหน้านั้นนางไปเจรจากับพนัส ร้องห่มร้องไห้คุกเข่าอ้อนวอนให้เข้าพิธีแต่งงานกับกลีบบัวไปก่อน เพราะนรินลดาหายตัวไป พนัสไม่ยอม แต่เมื่อนางเอาจดหมายของนรินลดาให้พนัสอ่าน เขาได้อ่านก็โกรธมาก เลยตกลงแต่งงานกับกลีบบัว และจะพากลีบบัวกลับไปบ้านไร่เพื่อทำงานใช้หนี้ทั้งหมดที่หยิบยืมมา
“เธอนี่คาวจริงนะ หวังว่าในงานคงไม่มีผัวคนไหนเข้ามาอ้างสิทธิ์ในตัวเธออีกนะ” พนัสกระซิบที่ริมหูของเจ้าสาวคนสวย ก่อนจะกวาดสายตามองเธออย่างหยาบคาย นั่นทำให้กลีบบัวถึงกับอึ้งไป
“เราแต่งงานกันแค่ในนาม จบงานคุณแม่คืนสินสอดให้คุณทั้งหมด เราก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก”
“แน่ใจเหรอ” เขารั้งแขนของเธอมาหา ก่อนจะจ้องตาของเธออย่างเจ้าเล่ห์
“คุณหมายความว่ายังไง” เธอเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“เดี๋ยวเธอก็รู้” เขาผลักเธอออกห่างอย่างรังเกียจ ก่อนจะเดินห่างออกไปจากงาน เธอมองแผ่นหลังตั้งตรงของเขาแล้วเม้มปากเข้าหากัน
กลีบบัวจะต้องคอยรับแขกเหรื่อในงานคนเดียวโดยไร้เงาเจ้าบ่าว เธอเหนื่อยและไม่อยากทำแบบนี้ แต่ก็โดนมารดาขอร้อง เพราะท่านอยากได้ซองของแขกจนออกนอกหน้า
บิดาของเธอเป็นคนกว้างขวางและมีฐานะพอสมควร ท่านมีเพื่อนฝูงมากมาย มารดาเชิญมาทั้งหมด แต่ละคนก็ใส่ซองกันพอสมควรเพราะสมัยก่อนบิดาก็ใส่ซองให้เพื่อนๆ ของท่านค่อนข้างเยอะ
“นี่กระเป๋าเสื้อผ้าของเรานะยายบัว” หลังเสร็จงานแต่ง กลีบบัวก็อาบน้ำอาบท่าเพราะอยากพักผ่อนเต็มที โดยไร้เงาของเจ้าบ่าว ไม่มีการส่งตัวเข้าห้องหอเพราะกลีบบัวเข้าใจว่าเป็นการแต่งงานแค่ในนามเท่านั้น
“กระเป๋าเสื้อผ้าอะไรกันคะคุณแม่”
“เราจะต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านไร่กับคุณพนัสเขาน่ะ”
“ทำไมต้องไปด้วยคะ”
“เราเป็นเมียก็ต้องไปสิ คุณพนัสจะออกเดินทางแล้ว เราต้องไปเดี๋ยวนี้”
“ไหนคุณแม่บอกว่าแต่งงานแค่ในนาม คืนสินสอดให้เขาไปก็จบเรื่องไงคะ” กลีบบัวเอ่ยถามอย่างตกใจ