ตอนที่ 4
ลูบไล้ ผิวสาวแลดูบริสุทธิ์สดใส เรื่อไปด้วยสีของโลหิตที่ฉีดซ่านขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป
ครั้นเห็นว่าหญิงสาวออกอาการเขินอายกับวิธีการทอดสายตามองอย่างมีความหมายและทำให้เธอเลี่ยงที่จะสบตากับเขาตรงๆ ชายหนุ่มจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง
“นี่ผมจะต้องนอนอยู่โรงพยาบาลกี่วันครับ”
เขาถามด้วยความอยากรู้ ซึ่งพลอยจันทร์จับความกังวลในน้ำเสียงของเขาได้
“คุณต้องอยู่โรงพยาบาลอีกสักสามสี่วันเป็นอย่างน้อยนะคะ”
“โห! นานขนาดนั้นเชียวหรือครับ”
“ค่ะ หมอบอกว่าต้องรอดูให้แน่ใจก่อนว่าแผลจะไม่ติดเชื้อ แล้วคุณพ่อยังฝากบอกเอาไว้ด้วยว่าให้คุณทำใจให้สบาย ไม่มีอะไรต้องกังวลทั้งนั้น นอนพักรักษาตัวให้หาย เรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทุกบาททุกสตางค์ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณพ่อ เมื่อวานท่านยังเปรยขึ้นด้วยว่าจะให้รางวัลคุณเป็นเงินสดสักก้อน แทนคำขอบคุณ”
“ขอบคุณอะไรครับ”
หัวคิ้วของปราบชิดเข้าหากัน
“ก็ขอบคุณที่คุณยอมเอาชีวิตของตัวเองเข้าเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตคุณพ่อยังไงล่ะคะ”
ชายหนุ่มนิ่งฟัง ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา หากในใจกลับคิดว่าเขาจะไม่รับเงินรางวัลใดๆ ทั้งสิ้น ที่ตัดสินใจช่วยเหลือก็เพราะมนุษยธรรม ไม่ได้หวังในรางวัลตอบแทนแต่อย่างใด
“คุณจะหลับต่อไหมคะ”
หญิงสาวถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นว่าปราบนิ่งไปเป็นครู่
“ไม่ล่ะครับ ผมนอนมาทั้งคืนแล้ว”
คนป่วยส่ายหน้าน้อยๆ ดวงตาคมปลาบยังคงจับจ้องอยู่แต่ดวงหน้างดงามของเธอ ทำให้พลอยจันทร์ออกอาการเขินขึ้นมาอีก จึงเฉไฉไปอีกทาง ด้วยการหาเรื่องมาชวนเขาคุย ซึ่งสิ่งที่กำลังจะถามก็เป็นความสงสัยที่ค้างคาอยู่ในใจของเธอเรื่อยมา
เพราะอยากรู้ว่าผู้ชายตัวใหญ่ แถมยังมีเค้าโครงหน้าละม้ายคล้ายชาวต่างชาติ เส้นผมสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่งเป็นสันสวย ดวงตาสีสนิมเหล็ก และความสูงใหญ่ไม่น่าจะต่ำกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรคนนี้เป็นใคร? มีบ้านช่องอยู่ที่ไหน? เหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นเมื่อวานก็โกลาหลเกินกว่าจะได้ไถ่ถามถึงความเป็นมาของกันและกัน
“คุณไม่ใช่คนโพธิ์พระยาใช่มั้ยคะ”
หญิงสาวเริ่มชวนคุยด้วยความอยากรู้ เพราะภาษาไทยของเขาชัดเจนจนน่าแปลกใจ แล้วเธอก็มั่นใจว่ารูปกายภายนอกที่เห็น ทั้งสีผม ผิวสีแทนที่ดูต่างไปจากคนไทย และดวงตาสีสนิมเหล็กคู่นั้นยืนยันว่าเขาต้องเป็นคนต่างชาติอย่างแน่นอน ทว่าคำตอบที่ออกมาจากปากของปราบ ก็ทำให้พลอยจันทร์ยิ่งรู้สึกแปลกใจในตัวของผู้ชายคนนี้ขึ้นไปอีก
“ผมไม่ใช่คนโพธิ์พระยาครับ ผมมาจากอัมพวา”
“อัมพวา” หญิงสาวทวนคำเหมือนไม่เชื่อ
กระทั่งเขาเย้าอีกครั้ง “ใช่ครับ… อัมพวา”
“แสดงว่าคุณคงอยู่เมืองไทยมานานแล้วสินะ เพราะว่าภาษาไทยของคุณดีมาก”
จากสำเนียงความชัดเจนที่ได้ยิน เธอเดาว่าเขาน่าจะอยู่เมืองไทยมาไม่น้อยกว่าสิบปี
“จะไม่ให้ชัดเจนได้ยังไงล่ะครับ ในเมื่อผมพูดภาษาไทยมาตั้งแต่เกิด ผมเป็นคนไทยครับ เกิดที่เมืองไทยแล้วก็โตที่เมืองไทย”
เขายิ้มกว้างเมื่อกล่าวจบประโยค
“แต่หน้าตาของคุณ ไม่สิ ไม่ใช่แค่หน้าตา แต่หมายถึงทุกๆ อย่างที่เป็นคุณ มันฟ้องว่าไม่เหมือนคนไทยเลยสักนิด”
ขณะกล่าว สายตาของหญิงสาวก็กวาดสำรวจเรือนกายท่อนบนของเขาด้วยความลืมตัว ลำคอหนาช่วยยืนยันถึงความเป็นคนแข็งแรง ช่วงไหล่กว้างกำยำและเปลือยเปล่า มีผ้าพันแผลสีขาวโพกพันเอาไว้ตรงไหล่และบั้นเอว แลเห็นไรขนสีน้ำตาลเข้ม แผ่กระจายไปทั่วแผงอกกว้าง รกเลื้อยลงมาตามหน้าท้องซึ่งอัดแน่นเอาไว้ด้วยกล้ามท้องเป็นลูกเป็นลอน
พลอยจันทร์อดไม่ได้ที่จะมองด้วยสายตาชื่นชม ปราบช่างเป็นผู้ชายที่เต็มไปด้วยคุณลักษณะของความเป็นชายชาตรี รูปร่างของเขาที่เธอเห็นอยู่ในขณะนี้ ก็ช่างสมบูรณ์แบบไปทุกกระเบียดนิ้ว
อันที่จริงชายหนุ่มไม่ได้คิดจะปิดบังความเป็นมาของตนแต่อย่างใด หากความเจ็บปวดที่เล่นเป็นริ้วขึ้นมาจากบั้นเอว ก็ทำให้เขาชะงักค้าง ไม่ทันได้ตอบข้อสงสัยของหญิงสาวเรื่องสัญชาติของตนเอง
“เจ็บใช่มั้ยคะ…”
เธอถาม สังเกตเห็นจากสายตาที่สื่ออาการของเขา
“เจ็บนิดหน่อย”
เขายังคงฝืนยิ้มให้เธอ
“ฉันไม่น่าชวนคุย น่าจะปล่อยให้คุณนอนพัก”
หญิงสาวกล่าวราวกับว่าเป็นความผิดของตัวเอง แต่พอทุเลาจากอาการเจ็บ คนตัวใหญ่ที่เหยียดยาวอยู่บนเตียงก็ทำท่าว่ายังอยากจะคุยกับเธอต่อ
“งั้นนอนพักนะคะ”
“ไม่อยากนอนครับ อยากคุยกับคุณมากกว่า คุณอยากรู้เรื่องของผมไม่ใช่หรือครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเพียงแค่สงสัย”
ได้ฟังแล้วเขาก็อมยิ้ม มองหน้าเธอ แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า
“ถ้าคุณอยากฟังผมยินดีเล่าให้ฟังครับ”