ตอนที่ 2
หลังกลับมามองผลงานที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ก่อนที่ตำรวจสายตรวจจะมาถึงในเวลาต่อมา
“คุณพ่อคะ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”
ทันทีที่ตั้งสติได้ หญิงสาวรีบถลาเข้าไปประคองบิดาขึ้นจากพื้นด้วยความทุลักทุเล
“พ่อไม่เป็นไร”
ผู้เป็นบิดาร้องบอก ขณะใช้มือทั้งสองข้างยื้อยันตัวเองกับฝากระโปรงรถ กระทั่งทรงตัวขึ้นมาได้ สายตาห่วงใยเหลือบแลไปที่ร่างของพลเมืองดี
“ยัยหนูไม่ต้องห่วงพ่อ ห่วงพ่อหนุ่มคนนั้นเถอะ”
บุรุษวัยกลางคนที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่โดยตลอด ร้องบอกลูกสาวที่ยืนตัวสั่นเทาราวลูกนก ให้รีบไปช่วยเหลือชายหนุ่มผู้มีน้ำใจ ด้วยเสียงปืนที่ดังลั่นขึ้นในความชุลมุนเมื่อครู่ เดาได้ว่าเขาต้องได้รับบาดเจ็บอย่างไม่ต้องสงสัย
คำพูดของบิดาทำให้หญิงสาวหันไปหาชายหนุ่ม จึงได้เห็นว่าเขาเป็นคนที่น่าห่วงมากกว่าบิดาของเธอ ยืนยันด้วยโลหิตสีแดงที่ชุ่มโชกอยู่ตรงหัวไหล่ข้างซ้ายของเขา
“ตายจริง! คุณถูกยิง”
หญิงสาวอุทานเสียงหลง ด้วยเหตุการณ์ทุกอย่างในตอนนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอออกอาการเงอะงะเล็กน้อย หันรีหันขวางอยู่ครู่สั้นๆ ลำดับไม่ถูกว่าควรจะทำอะไรก่อนหลัง กระทั่งเสียงของบิดาดังขึ้นอีกครั้ง
“เป็นไงบ้างพ่อหนุ่ม…”
ชายสูงวัยตั้งสติได้เร็วกว่าบุตรสาว รีบปรี่เข้ามาดูอาการของคนเจ็บด้วยความห่วงใย
“โดนไหล่ คงไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ”
เขาเงยหน้าขึ้นกัดฟันตอบ
ตอนนั้นใบหน้าหล่อเหลาจึงเผยออกมาสู่แสงไฟ แม้ไม่อาจซ่อนความเจ็บปวดในแววตา หากแต่สีหน้าที่เห็นก็เข้มแข็ง มือข้างหนึ่งกุมแน่นที่หัวไหล่ข้างที่มีเลือดซึมเลอะออกมา
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไงคะ ดูสิ เลือดไหลขนาดนั้น”
หญิงสาวท้วงเสียงสั่น สายตาจับอยู่ที่รอยเลือดตรงหัวไหล่ของเขา ใบหน้าสะสวยเปลี่ยนเป็นซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
“ยายหนู อย่าชักช้า ช่วยพ่อหน่อย เร็วเข้า”
บิดาร้องสั่งแล้วรีบก้าวยาวๆ ไปเปิดประตูรถซึ่งจอดห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว หญิงสาวเงอะงะเล็กน้อยหากก็เข้าใจได้ว่าที่บิดาบอกให้ช่วยนั้นหมายถึงอะไร
ในจังหวะที่ชายหนุ่มก้าวสั้นๆ คล้ายพยายามจะเดินมาที่รถด้วยตัวเอง ในตอนที่เขาเอี้ยวตัวออกสู่แสงไฟอีกด้าน ทำให้มองเห็นรอยเลือดอีกจุดที่เปียกชื้นอยู่ตรงบั้นเอว หญิงสาวจึงรีบปรี่เข้าไปช่วยพยุงร่างเขาอย่างไม่ลังเลใจ
“ฉันช่วยค่ะ”
ร่างเล็กๆ ค้อมลงแล้วใช้ไหล่แบกรับท่อนแขนหนักที่วางลงมา ค่อยๆ พาร่างหนักอึ้งของชายหนุ่มก้าวไปช้าๆ กระทั่งเข้าไปนั่งในรถจนได้ แม้จะทุลักทุเลอยู่บ้าง เพราะร่างกายของเขาใหญ่โตเหลือเกินเมื่อเทียบกับเรือนร่างบอบบางของเธอ
“ต้องรีบไปโรงพยาบาลค่ะ ทำใจดีๆ ไว้นะคะคุณ”
หญิงสาวบอก ทันทีที่ทุกคนเข้ามาอยู่ภายในรถเบนซ์คันใหญ่
“เดชะบุญที่ไม่โดนจุดสำคัญ”
บุรุษวัยกลางคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย พึมพำด้วยน้ำเสียงห่วงใย สายตาจับอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า สองมือสาวพวงมาลัยพารถคันใหญ่เคลื่อนออกไปจากบริเวณที่เกิดเหตุด้วยความรวดเร็ว
ระหว่างทางที่รถแล่นออกมาสู่ถนนสายหลัก แสงไฟจากหน้ารถที่ฉายกราดไปในความมืด ทำให้แลเห็นละอองฝนเริ่มจะปลิวโปรยลงมาอีกครั้ง
“เจ็บมากมั้ยคะ?”
หญิงสาวถามคนบาดเจ็บที่นั่งมาข้างๆ ด้วยความห่วงใย สายตาแทบไม่ละไปจากใบหน้าคมคร้ามของเขา ชายหนุ่มฝืนยิ้ม เอนหลังราบไปกับเบาะนั่ง
เธอมั่นใจว่าเขาต้องเจ็บมาก เพราะแอบเห็นเขากัดกรามกรอดจนเป็นสันนูน หากแต่แววตาก็ข่มความเจ็บปวดเอาไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ
“พอทนครับ”
คนที่มีกระสุนฝังอยู่ในร่างกายถึงสองนัดกัดฟันตอบ
จริงอยู่ที่เขาบาดเจ็บ แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากให้อะไรๆ ดูเลวร้ายลงไปกว่านี้ เมื่อสังเกตเห็นว่ามือของหญิงสาวยังไม่คลายจากอาการสั่นน้อยๆ เธอคงตกใจมากกับเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เพิ่งผ่านพ้นมาเมื่อครู่
ราวๆ สิบนาทีต่อมา รถเบนซ์คันหรูก็แล่นมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในโพธิ์พระยา ซึ่งเป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดสุพรรณบุรี
ตอนนั้นชายหนุ่มรู้สึกปวดร้าวบริเวณชายโครง อาการเจ็บหลั่งไหลรุนแรงไปสู่บั้นเอวข้างที่ถูกยิง เขารู้แต่ว่าเจ็บมากจนอยากจะหลับ ตอนนั้นภายในหูได้ยินแต่เสียงโกลาหลวุ่นวาย สายตาสะลึมสะลือเหลือบแลเห็นใบหน้ารางๆ ของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสองคน กำลังกรูเข้ามารุมล้อมวุ่นวายกับร่างกายของตน กระทั่งมารู้ตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองขึ้นไปนอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงเข็นคนไข้เสียแล้ว
จากนั้นทุกอย่างก็ค่อยๆ เลือนรางลงอีกครั้ง ความรู้สึกคล้ายกับฝัน ก้ำกึ่งอยู่ในอาการหลับและตื่น และสิ่งสุดท้ายที่สติของชายหนุ่มระลึกได้ก่อนหลับก็คือ ใบหน้าสะสวยและดวงตาสุกใสของหญิงสาว ซึ่งได้มารู้ในภายหลังว่าเธอชื่อพลอยจันทร์ เป็นลูกสาวของเสี่ยกำชัยที่เขาเสี่ยงชีวิตช่วยเอาไว้