บทที่ 6
อินทัชหอบเอาหมอนและผ้าห่มไปที่โซฟาซึ่งตั้งอยู่ในห้องของเขานั่นเอง เขาจัดที่นอนและล้มตัวลงนอนบนโซฟา จากนั้นก็หลับไปภายในเวลาอันรวดเร็ว ณัฐธิชาเห็นเขาเงียบไปจึงก้าวลงจากเตียงและแอบย่องไปดูเขา แต่เนื่องจากเขาดิ้นจนผ้าห่มหลุดจากตัวตกอยู่ที่พื้น เธอก็เลยดึงผ้าห่มมาคลุมให้เขา
“นอนดิ้นเหมือนกันนะ” หลังจากห่มผ้าให้เขาแล้วก็แอบสังเกตใบหน้าของเขาชัด ๆ ใบหน้าของเขาเป็นใบหน้าของผู้ชายที่จัดว่าหล่อมากทีเดียว ปากก็เป็นสีแดงอย่างคนเลือดฝาดดีเหมือนปากของผู้หญิง แถมจมูกยังโด่งอีกต่างหาก เธอนั่งมองเขาอยู่สักพักก็รู้สึกง่วง
“เราไปนอนบ้างดีกว่า” แต่พอจะลุกขึ้นก็มีอ้อมแขนแข็งแรงดึงตัวเธอไว้ หญิงสาวไม่ทันระวังก็เลยล้มทับลงไปบนตัวเขา
“เรื่องอะไรมาแอบดูผมตอนผมนอนหลับ คุณอย่าบอกนะว่าผมหล่อเร้าใจคุณ ซะจนคุณอดใจไม่ไหว จะมารักหลับผม” หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะว่าเขาจับได้ว่าเธอแอบมองเขานั่นเอง
“เปล่าซะหน่อยอย่ามากล่าวหากันง่าย ๆ นะ ฉันก็แค่จะมาห่มผ้าให้คุณเท่านั้นเอง เกรงว่าถ้าดึกกว่านี้แล้วคุณจะหนาวทำดีไม่ได้ดี แล้วคุณจะมากอดฉันไว้ทำไมปล่อยฉันได้แล้วค่ะ ฉันง่วงมากละส่วนคุณก็นอนได้แล้ว จริงสิพรุ่งนี้คุณต้องไปทำงานกี่โมงคะฉันจะได้ปลุกคุณ”
“ผมไปสายได้ก็คงจะประมาณเก้าโมงครึ่ง”
“งั้นคุณก็นอนได้แล้วเดี๋ยวจะตื่นไปทำงานไม่ไหว”
“ผมก็นอนอยู่นี่ไงที่สำคัญได้นอนกอดคุณอีกต่างหาก ถึงว่าสิทำไมคืนนี้ผมถึงไม่หนาวเพราะว่าคุณเดินมาให้ผมนอนกอดนี่เอง ทำไมคุณถึงรู้ละวาผมชอบนอนกอดสาวสวยอย่างคุณ”
“ปล่อยเลยค่ะอย่าโมเมฉันจะไปนอนบ้างเหมือนกันง่วงเต็มทีละ”
“ก็น่าจะง่วงอยู่หรอกเพราะว่าเลยเวลานอนของเด็กมานานแล้ว”
“จะต้องให้ฉันบอกคุณอีกกี่ครั้งกี่หนว่าฉันไม่ใช่เด็กแล้ว”
“โอเคผมยอมแพ้คุณละผมรู้แล้วว่าคุณโตแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรามาทำอะไรที่ผู้ใหญ่เขาชอบทำกันดีกว่านะตกลงไหม”
“คุณจะทำอะไรฉันจะบ้าเหรอปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ กอดซะแน่นจนหายใจแทบจะไม่ออกอยู่แล้ว”
“หายใจไม่ออกอย่างนั้นเหรอ ถ้างั้นผมจะช่วยคุณเองนะ” เขาโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้หญิงสาว แต่เธอรู้ดีว่าเขากำลังจะทำอะไรจึงเบี่ยงหน้าหนี และเอามือปิดปากของเขาเอาไว้
“คุณอย่ามามั่วนิ่มนะอยู่กับคุณฉันมีแต่เสียเปรียบ”
“เสียเปรียบตรงไหนกัน...ไว้คราวหน้าผมยอมให้คุณจูบผมก่อนก็ได้ดีไหม...ผมไม่ถือเป็นการเสียเปรียบ อีกอย่างผมก็ไม่ใช่คนที่ชอบคิดเล็กคิดน้อยแบบคุณ ถ้าคุณเกิดอยากที่จะจูบผมก่อนละก็ทำได้ตามใจชอบเลยนะ รับรองได้เลยว่าผมจะไม่บ่นสักคำ แถมยังให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีเพราะผมชอบ” อินทัชบอกเธอด้วยน้ำเสียงทะเล้น หญิงสาวชูกำปั้นยื่นไปตรงหน้าของเขาทั้งที่ตัวเองก็รู้สึกเขินอาย
“คุณรู้ไหมว่าฉันเส้นลายมือขาด ถ้าคุณอยากจะลองดูว่าหมัดของฉันมันจะหนักสักแค่ไหนก็ได้นะ เอาไหมลองไหมเอาสักหมัดสองหมัดฉันยินดีทำให้เลย” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนที่จะตอบ แต่คำตอบของเขามันมีผลทำให้เธอรู้สึกอายมากกว่าเดิม
“ถ้าผมได้จูบคุณอีกสักสองหรือสามทีเพื่อแลกกับการโดนคุณชกหมัดหนึ่ง ผมว่ามันก็คุ้มนะ...คุ้มยิ่งกว่าคุ้มซะอีก” ณัฐธิชารู้ดีว่าเขากำลังแกล้งให้เธออาย เธอได้แต่พยายามไม่สนใจคำพูดของเขา เมื่ออีกฝ่ายเห็นเธอเงียบไปทำเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของเขาทำให้เขาพูดแหย่เธอมากขึ้น เพราะเขาชอบเห็นเวลาที่เธอเขินอาย
“ว่าแต่ตอนนี้คุณไม่อยากจูบผมบ้างหรือ ผมยินดีบริการคุณเต็มที่เลยนะเอาไหม” ณัฐธิชาได้ยินดังนั้นก็อดใจไม่ไหว ทุบไปที่อกของชายหนุ่มไปหนึ่งที พลางชายตามามองค้อนเขา
“คนบ้า...แล้วใครบอกคุณไม่ทราบว่า ฉันอยากเอาเปรียบคุณแบบนั้น”
“ไม่ต้องให้ใครมาบอกผมหรอก ผมมีเซ้นส์ไวเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้...เพียงแต่ว่าคืนนี้ผมยังไม่อยากเจอฤทธิ์ของแม่เสือสาวอย่างคุณ น่ากลัวจริง ๆ ผมไม่เสี่ยงดีกว่า...แต่คุณรู้ตัวไหมเวลาที่คุณทำท่าเขินอายแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” เขาพูดพร้อมกับยอมปล่อยเธอแต่โดยดี แต่ก็ยังไม่วายที่จะเอาเปรียบเธออีกจนได้ โดยการจรดจมูกไปสูดดมแก้มนวลนั้นแรง ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
ณัฐธิชารีบวิ่งกลับไปที่เตียงหลังจากที่เขาปล่อยเธอให้เป็นอิสระ เพราะเกรงว่าเขาจะเปลี่ยนใจ และทั้งคู่ก็หลับสนิทไปหลังจากนั้นไม่นานนัก โดยมีผู้ชายตัวโต ๆ นอนขดตัวอยู่บนโซฟาเหมือนกับดักแด้ และมีสาวน้อยร่างเล็กนอนหลับสบายอยู่บนเตียงขนาดใหญ่
เมื่อเข้าสู่เช้าวันใหม่ณัฐธิชาลืมตาตื่นขึ้นบนเตียงนอนขนาดใหญ่ที่ดูไม่คุ้นตา ตอนแรกก็รู้สึกงงว่าเธออยู่ที่ไหนกันแน่ จนนึกได้ว่าเมื่อคืนเธอมานอนที่คอนโดของอินทัช ชายหนุ่มที่เพิ่งจะรู้จักกันเมื่อวานนี้ หญิงสาวหันไปมองที่โซฟาตัวยาวก็พบว่าเขายังหลับอยู่ เธอลุกขึ้นปัดปูที่นอนให้เข้าที่และก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
จากนั้นก็เข้าครัวเพื่อตรวจดูว่าจะทำอะไรเป็นอาหารเช้าสำหรับเขาและตัวเองดี สำรวจอยู่พักใหญ่ก็ย่นจมูกเพราะว่าในครัวของเขาแทบจะไม่มีอะไรเหลือเลย จะว่าไปครัวของเขาทันสมัยมีเครื่องครัวและเครื่องมือในการทำอาหารพร้อม แต่กลับไม่มีวัสดุที่จะใช้ทำอาหารเลยนี่สิ ในที่สุดณัฐธิชาเลือกที่จะทำอาหารมื้อเช้าแบบง่าย ๆ ด้วยเบคอน ออมเลต ไส้กรอก ขนมปังและกาแฟ
หญิงสาวรู้สึกโล่งใจและมีความสุขถึงแม้ว่าเธอจะต้องมาอยู่ในบ้านของชายแปลกหน้า ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้รู้สึกไว้ใจเขามากนัก ทั้งที่เขาเป็นคนแปลกหน้าและเพิ่งรู้จักกันได้แค่คืนเดียวเท่านั้น...อืมม์...แต่ตอนนี้คงจะไม่ค่อยแปลกหน้าสักเท่าไรแล้วละมั้ง หลังจากที่จัดโต๊ะอาหารเสร็จณัฐธิชาก็ค่อย ๆ แง้มประตูห้องนอนและมองไปรอบห้อง เธอเดินไปที่โซฟาซึ่งมีผู้ชายตัวโตกำลังนอนคลุมโปงอยู่ หญิงสาวเขย่าตัวเขาเบา ๆ แต่เขาปัดมือของเธอออก
“ยังไม่ยอมตื่นอีกหรือ”
“คุณทัชตื่นได้แล้วเดี๋ยวคุณก็ไปทำงานสายหรอก” เธอพยายามเขย่าตัวเขาเท่าไรก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะรู้สึกตัวตื่น ชายหนุ่มเพียงแต่กระตุกเล็กน้อยและขยับตัวหันหน้าหนีไปอีกด้านหนึ่ง
“ยังไม่ยอมตื่นอีก” หญิงสาวเอามือบีบจมูกของเขาแรง ๆ เขาก็ทำแค่ปัดมือของเธอออกเท่านั้น เมื่อหญิงสาวเห็นว่าไม่ได้ผลก็เลยตะโกนใส่หูของเขาดัง ๆ
“ไฟไหม้...ช่วยด้วยค่ะไฟไหม้” อินทัชตกใจตื่นเมื่อได้ยินเธอบอกว่าไฟไหม้เขารีบกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่ง และลนลานลุกออกจากโซฟาด้วยความรีบร้อน ทำให้เขาสะดุดชายผ้าห่มและล้มลงข้างตัวหญิงสาว ณัฐธิชาหัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นท่าทางของเขา
“ไฟไหม้ที่ไหนหรือธิชา” เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนที่จะตอบ
“ไม่มีนี่คะ...ไฟไหม้ที่ไหนหรือคะ”
“ก็ผมได้ยินคุณร้องตะโกนว่าไฟไหม้”
“ฉันทำแบบนั้นหรือคะ ฉันไม่ได้ทำซะหน่อยนี่คุณฝันไปหรือเปล่า” ชายหนุ่มเห็นหน้าใสซื่อของเธอประกอบกับดวงตากลมโตสดใส ทำให้เขาเองก็เริ่มที่จะไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องจริงหรือเขาฝันไปกันแน่
“แล้วคุณมานั่งทำอะไรตรงนี้”
“ฉันก็จะเข้ามาปลุกคุณนะสิ ลุกขึ้นไปอาบน้ำได้แล้วเดี๋ยวก็ไปทำงานสายหรอก เสร็จแล้วจะได้มาทานอาหารมื้อเช้าด้วยกัน”
“ปกติผมไม่ทานมื้อเช้าหรอกนะ ผมดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวก็อยู่ท้องแล้ว”
“แต่ว่าฉันเตรียมอาหารเช้าสำหรับเราไว้เรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้คุณจะต้องลุกขึ้นมาทานอาหารเช้าฝีมือของฉันทุกวัน”
“ทำไมผมจะต้องทำแบบนั้นด้วย”
“ก็เพราะว่าฉันจะทำให้คุณทาน เป็นการแลกเปลี่ยนกับที่ฉันต้องมาพักอยู่กับคุณที่นี่ เอาเถอะน่าตอนนี้คุณอาจจะยังไม่ชิน แต่พอทานทุกวันก็จะชินไปเองนั่นแหละ ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะอย่าโอ้เอ้ฉันหิวแล้ว”
จากนั้นอินทัชก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อไปปฎิบัติภาระกิจประจำวัน ปกติเขาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอดจนชิน เวลาจะทำอะไรก็ไม่ค่อยจะมีระเบียบแบบแผนสักเท่าไร แต่อยู่ ๆ ก็มีหญิงสาวหน้าตาน่ารักคนหนึ่งเดินเข้ามาอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขา ทั้งที่เขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมานอนค้างที่นี่มาก่อน แต่เขากลับไม่รู้สึกแปลกหรือรำคาญที่มีเธอเข้ามาอยู่ด้วยรู้สึกชอบด้วยซ้ำไป เมื่อชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาที่โต๊ะอาหาร หญิงสาวจัดกาแฟให้เขาและนั่งทานอาหารอย่างเงียบ ๆ อินทัชเป็นคนทำลายความเงียบนั้นโดยการพูดคุยกับเธอ
“วันนี้ผมว่าจะหาเวลาว่างเพื่อเข้าบริษัทไปพูดเรื่องคุณกับนายเมฆเพื่อนของผม คุณมีธุระจะไปไหนหรือเปล่า”
“ฉันว่าจะไปซุปเปอร์มาร์เกตเพื่อซื้อของเข้าบ้านซะหน่อย เพราะตู้เย็นของคุณมันโล่งมากเลย เราน่าจะหาของกินมาตุนไว้บ้าง คุณอยู่ได้ยังไงโดยไม่กินอะไรเลยแบบนี้”
“ปกติผมจะทานให้เสร็จมาจากข้างนอก”
“แล้ววันนี้คุณจะกลับเย็นหรือเปล่าคะ ฉันจะได้เตรียมทำอาหารให้คุณทาน” เขายิ้มให้เธอด้วยแววตาล้อเลียน
“คุณยิ้มขำอะไรฉันไม่ได้พูดตลกซะหน่อย”
“ที่ผมยิ้มก็เพราะว่าเราสองคนดูเหมือนคู่รักที่เพิ่งจะแต่งงานกันมาหมาด ๆ และกำลังอยู่ในช่วงข้าวใหม่ปลามัน” ณัฐธิชารีบพูดโวยวายกลบเกลื่อนความเขินอายของตัวเอง
“คุณพูดเพ้อเจ้ออะไรรีบทานเข้าเถอะจะได้ไปทำงานซะที”
“โอเคผมอิ่มแล้วขอตัวไปทำงานก่อนนะ” เขาพูดพร้อมรอยยิ้มและกำลังจะเดินออกจากห้องไป
“เดี๋ยวก่อนสิคะ” หญิงสาวเรียกเขาไว้พร้อมกับเดินไปดักตรงหน้าเขาแล้วแบมือ
“คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ คุณยังไม่ได้จ่ายค่าอาหารมื้อเย็นให้ฉันเลยนะคะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับทำหน้าตาทะเล้นยิ่งนัก และยังคงแบมืออยู่อย่างนั้นแถมยังกระดิกนิ้วเป็นการเร่งเขาอีกด้วย ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจกับอากัปกิริยาอันน่าหมั่นไส้ของเธอ
“ค่าอาหารมื้อเย็น!? จริงสิคุณไม่มีเงินติดตัวนี่นา” เขาหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากระเป๋าสตางค์และยื่นส่งให้เธอ หญิงสาวรับมาพร้อมกับพูดว่า
“ไม่ต้องพูดตอกย้ำขนาดนั้นก็ได้ค่ะ แต่นี่มันมากเกินไปนะคะ” เธอบอกและคืนเงินส่วนหนึ่งกลับไปให้แต่เขาไม่รับ
“คุณเก็บไว้นั่นแหละเพราะคุณจะต้องไปซื้อของเข้าบ้านด้วยไม่ใช่เหรอ หรือเผื่อคุณต้องการอะไรเพิ่มเติมก็ใช้เงินก้อนนี้ก็แล้วกัน ผมต้องรีบไปละและผมจะรีบกลับมาทานอาหารเย็นฝีมือของคุณ” ณัฐธิชารับเงินมาถือไว้ในมือ
“ขอบคุณค่ะคุณใจดีที่สุดเลย”
“ผมไปก่อนนะจ๊ะที่รัก” อินทัชทำมั่วนิ่มจูบแก้มของเธอฟอดใหญ่ อย่างที่ไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัว แล้วก็ออกจากห้องไปแถมยังพูดกำชับเธออีกด้วย
“อย่าเถลไถลไปไหนนะ หวังว่าผมกลับมาเย็นนี้คงจะได้เจอคุณ พร้อมกับอาหารเย็นมื้อพิเศษของเรา”
“อีตาบ้าเอาเปรียบกันอยู่เรื่อย แต่จะว่าไปเขาก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” เธอเข้าไปหยิบกระเป๋าสะพายและโทรศัพท์มือถือจากนั้นก็ล๊อคกุญแจห้อง เพื่อไปเลือกซื้อของในซุปเปอร์อย่างที่เธอต้องการอย่างเพลิดเพลิน