บทที่ 7
เซี่ยหมิงถูกพากลับห้องพักส่วนตัว เด็กน้อยถูกพี่เลี้ยงวางลงบนเตียงกว้าง ขณะเดียวกันจื่อซีจงใจบีบไหล่เล็กนั่นเต็มแรงเพื่อเป็นการลงโทษ ครั้นจะร้องออกมาก็มิกล้าเซี่ยหมิงจึงได้แต่อดทนกับความเจ็บ
ตอนนี้มีเพียงท่านพ่อและก็มีจื่อซีที่รักและคอยเป็นห่วง ตั้งแต่จำความได้ก็มีเพียงพี่เลี้ยงคนนี้คอยอยู่เคียงข้าง เพราะไม่อยากจะถูกทิ้งจึงยอมเชื่อฟังและทำตัวว่าง่ายมาตลอด
“คุณชายฟังข้านะเจ้าคะ ฮูหยินมิได้หวังดีนางต้องมีแผนบางอย่างเพื่อหลอกใช้คุณชายแน่ มิเช่นนั้นคงไม่มาทำดีด้วยทั้งที่ทำร้ายจิตใจคุณชายมาตลอด จำไว้นะเจ้าคะมีเพียงจื่อซีผู้นี้เท่านั้นที่หวังดีที่สุด อย่าได้หลงเชื่อคำพูดของฮูหยินเป็นอันขาด อย่าเข้าใกล้หรือฮูหยินให้คุณชายทำอะไรให้รีบมาบอกจื่อซีนะเจ้าคะ” ไม่เพียงแค่ออกแรงบีบทั้งน้ำเสียงและสีหน้าอันน่ากลัว ยิ่งทำให้เด็กน้อยตรงหน้าตัวสั่นน้ำตาคลอยิ่งกว่าเดิม
เซี่ยหมิงน้ำตานองหน้ากลั้นเสียงสะอื้นไว้สุดความสามารถ ทว่าภายในใจมันกลับโต้แย้งไม่เห็นด้วย เขาอยากอยู่กับท่านแม่ ถึงต่อให้ท่านแม่ใจร้ายยิ่งกว่านี้ก็ยังอยากอยู่กับท่านแม่อยู่ดี แต่ก็ไม่กล้าตอบพี่เลี้ยงเพราะนางน่ากลัวกว่าท่านแม่เสียอีก
“ตอบสิเจ้าคะ ต่อไปจะไม่เข้าใกล้ฮูหยินอีก” พี่เลี้ยงสาวบังคับเอาคำตอบให้ได้ ขอเพียงคุณชายเชื่อฟังทุกอย่างก็จะเป็นเรื่องง่าย ต้องกำราบเสียตั้งแต่ตอนนี้ต่อไปจะได้ว่านอนสอนง่าย ไม่กล้ามีปากเสียงหรือแข็งข้อชักจูงได้ตามใจ
“ขะ.. ข้าเข้าใจแล้ว”
“ดีมากเจ้าค่ะ เป็นเด็กดีเช่นนี้ถึงจะน่ารัก จำไว้นะเจ้าคะหากนายน้อยอยากให้นายท่านรัก จะต้องกินและใช้สิ่งของให้น้อย ไม่เรียกร้อง ไม่พูดมาก ที่สำคัญต้องเชื่อฟังจื่อซี ยามนายท่านถามถึงคุณชายข้าก็จะชื่นชมให้นายท่านฟัง ดีหรือไม่เจ้าคะ” ในจวนแห่งนี้มีเพียงตนที่นายท่านไว้ใจนางที่สุด ถึงขนาดที่ว่าให้ดูแลงานของฮูหยิน ไม่ว่าใครก็เกรงอกเกรงใจนางมากกว่าฮูหยินด้วยซ้ำ
“อือ” เซี่ยหมิงพยักหน้าอย่างเข้าใจ พยายามขืนตัวให้ห่างจากพี่เลี้ยงสาว
“เช่นนั้นคุณชายอ่านตำราอยู่ในห้องนะเจ้าคะ อยากได้อะไรบอกจื่อซีประเดี๋ยวข้าจะหามาให้เอง ไม่ต้องออกไปนั่งนอกเรือนนอนแล้ว” เมื่อเห็นคุณชายน้อยพยักหน้ารับคำ นางเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะปล่อยให้เด็กนั่งอ่านตำราอยู่ในห้องตามลำพัง
นอกจากจื่อซีมีหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคุณชายน้อยแล้ว นางยังมีหน้าที่ให้ทำอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะหน้าที่ที่ควรจะเป็นฮูหยิน แต่นางกลับทำได้ดีกว่าฮูหยินหนี่ จึงได้รับความไว้วางใจจากนายท่านเซี่ยให้ทำงานแทน ขอเพียงตนเอ่ยปาก นายท่านก็พร้อมจะเชื่อทุกอย่างอยู่แล้ว
ถ้าไม่มีนังนั่นป่านนี้นายท่านเซี่ยคงจะยกข้าขึ้นเป็นฮูหยินไปแล้ว ก็คงจะเพราะเกรงใจตระกูลเสวียนกระมัง จึงยังคงไม่รับภรรยารองหรืออนุเข้าจวน แต่คนเช่นข้าไม่มีทางได้เป็นอนุอยู่แล้ว
พี่เลี้ยงสาวมั่นใจว่าตนเองเป็นคนสำคัญของนายท่าน ที่ตนไม่ได้ขึ้นเป็นภรรยาเสียทีก็เป็นเพราะเกรงใจบ้านเดิมของเสวียนหนี่ แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นตนที่เปรียบเสมือนแม่นมของคุณชายน้อย ก็ยังได้รับความสำคัญมากกว่าผู้ใด
ปกติจะไม่มีบ่าวที่เป็นสตรีได้เข้าถึงตัวนายท่าน หรือสามารถขอเข้าพบและพูดคุยได้เป็นการส่วนตัว มีเพียงนางเท่านั้นสตรีที่ได้รับสิทธิพิเศษเหนือผู้ใด
จื่อซียืดอกเชิดหน้ามุ่งไปท้ายจวน จัดแจงงานของบ่าวไพร่ทุกอย่างราวกับตนเองเป็นเจ้านายที่แท้จริง ตั้งแต่งานซักล้าง งานครัว จัดระเบียบต่าง ๆ ภายในจวน รวมไปถึงการจดบัญชีค่าใช้จ่ายและถือเงินเหล่านั้นไว้แต่เพียงผู้เดียว
แม้บ่าวไพร่คนอื่นจะไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะจื่อซีนางเป็นหลานสาวของท่านพ่อบ้าน รวมไปถึงนางยังได้รับความไว้วางใจจากนายท่าน หากพวกตนทำเผลอทำอะไรผิดไปเล็กน้อย ก็เกรงว่าจะถูกหักเงินค่าจ้างหรือไม่ก็อาจจะถูกไล่ออก ได้แต่อยู่อย่างสงบปากสงบคำ หวังว่าจะมีผู้มาปราบความหยิ่งผยองเสียที
นับตั้งแต่วันนั้นเสวียนหนี่ก็ไม่ได้พบหน้าบุตรชายอีกเลย นางพยายามคิดอย่างหนักเพื่อหาวิธีเข้าหา เซี่ยหมิงชอบกินขนมเซาปิ่งไส้ถั่วแดงมาก จึงให้อาหงไปหาซื้อเซาปิ่งเจ้าดังที่กำลังเป็นที่นิยมในตอนนี้ ว่ากันว่าต้องสั่งจองรอนานหลายวันถึงจะได้กิน ทว่าปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ขนมเสียแล้ว เมื่อการดักรอบุตรชายกลายเป็นเรื่องล้มเหลว มิใช่ว่าหมิงเอ๋อร์จะกลัวเสียจนไม่อยากจะเห็นหน้ากันแล้วหรือ
แผนการใช้ขนมเพื่อพิชิตใจบุตรชายก็เป็นอันต้องล่มไป คงต้องรอหาโอกาสที่เหมาะแต่ของที่บุตรชายชอบก็ยังเตรียมพร้อมมิให้ขาด อีกทั้งตลอดหลายวันที่ผ่านมาเสวียนหนี่ซ้อมยิ้มหน้ากระจกทุกวัน เพื่อที่ว่าเจ้าหัวผักกาดของนางจะได้ไม่ตื่นกลัวรอยยิ้มของมารดาผู้นี้อีก
ช่างน่าขันนัก จะมีบ้านไหนที่ลูกกลัวรอยยิ้มมารดาตนเอง นอกจากจวนตระกูลเซี่ย
“ฮูหยินเจ้าคะ” อาหงสะกิดผู้เป็นนาย ก่อนจะกระซิบบอกให้อีกฝ่ายสังเกตด้านซ้ายมือตรงเสาจวน พร้อมกับกำชับให้ทำเป็นมองไม่เห็นคุณชายน้อย เกรงว่าเจ้าตัวจะวิ่งหนีไปเสียก่อน
“หืม” เสวียนหนี่ทำตามที่สาวใช้คนสนิทบอก นางยังคงนั่งหลังตรงจิบชาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทว่าสายตากลับเหลือบมองตามที่สาวใช้กระซิบบอก
นั่นบุตรชายสุดที่รักของนางมิใช่หรือ
เด็กน้อยยืนแอบอยู่หลังเสาเห็นเพียงปลายเท้าและมือเล็กโผล่พ้นออกมา เพียงเท่านั้นเสวียนหนี่ก็รู้แล้วว่าเป็นเซี่ยหมิง เพียงแค่เห็นบุตรชายมาแอบเฝ้ามอง จิตใจมารดาผู้นี้มันกลับเอ่อล้นยินดีและมีความสุข การที่เด็กน้อยยังทำเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าเขามิได้เกลียดชังแต่อย่างใด
เด็กน้อยด้อม ๆ มอง ๆ มารดาไม่กล้าเข้าใกล้มากเกินไปกลัวจะถูกจับได้ เพราะความคิดถึงไม่ได้เห็นหน้าท่านแม่หลายวัน เขาจึงฉวยโอกาสในตอนที่จื่อซีไปตลาดแทนพ่อบ้านหลี่ ยอมผิดคำพูดที่เคยรับปากพี่เลี้ยงไว้จะไม่มาพบท่านแม่อีก
ทำอย่างไรได้ก็ในเมื่อคิดถึงท่านแม่นี่นา ถึงท่านแม่จะน่ากลัวเพียงใดแต่เขาก็อยากได้รับความรัก และการมีท่านแม่อยู่ในสายตามันก็เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่เขาต้องการ
หลังจากหลบเข้ามุมเสาเพื่อหลบสายตามิให้ใครพบเห็น เมื่อบ่าวรับใช้เดินผ่านไปเซี่ยหมิงโผล่หน้ามองไปทางศาลาอีกครั้งกลับไม่พบมารดานั่งแล้ว ได้แต่นึกเสียดายเพิ่งจะได้มองแค่นิดเดียวเอง เอาไว้ค่อยแอบดูภายหลังก็แล้วกัน วันนี้คงต้องรีบกลับห้องไปก่อนประเดี๋ยวจื่อซีกลับมาจะเป็นเรื่อง