ตอนที่ 4.แผนลวงแผนร้าย
“แล้วทำไมแม่ไม่บอกบัวละคะ” ใบบัวโวยเสียงแหลม
“ฉันไม่อยากให้แกเสียสมาธินี่” ส่งศรีตอบเสียงอุบอิบ
“โอ้ย!! บัวไม่ได้เรียนอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยค่ะ หากแม่บอกบัวตอนนั้น บัวจะได้รีบกลับบ้าน เราจะได้ไม่เสียทุกอย่างไปแบบนี้”
ส่งศรีหน้าเสีย ความหวังเดียวของนางคือบุตรสาวสุดที่รัก แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่หวังไว้ ใบบัวไม่มีใบปริญญา ไม่ได้เรียนรู้อะไรมาจากต่างประเทศเลย นอกจากผลาญเงินไปวันๆ
“เราสองคนตายแน่ๆ” ส่งศรีพึมพำ
“ยังมีเรื่องอะไรที่บัวยังไม่รู้อีกมั้ยคะ?” ใบบัวถามย้ำ
“พรุ่งนี้ แม่ต้องจ่ายค่าดอกให้ไอ้เสี่ยห้าว” ใบบัวหน้าซีด ไม่เคยคิดว่ามารดาจะตกต่ำถึงขั้นกู้เงินจากเจ้าหนี้หน้าเลือด
“แต่...ฉันมีวิธี” ส่งศรีพึมพำเสียงเจ้าเล่ห์ “แต่แกต้องช่วยฉันนะยัยบัว” ใบบัวเอียงคอมองหน้ามารดา ส่งศรียกมือป้องปากกระซิบเบาๆ “ไอ้เสี่ยนั่นมันชอบนังข้าว แกกับแม่คงต้องร่วมมือกันแล้วละ ไม่อย่างนั้นเราสองคนจะไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน”
ใบบัวกดยิ้มมุมปาก แม้ไม่เห็นด้วยกับความคิดของมารดาสักเท่าไหร่ แต่หากสิ่งที่มารดาทำช่วยให้ตนเองผ่านวิกฤติหน้าสิ่วหน้าขวานไปได้ เธอก็เต็มใจทำ
เพราะความจริง...ใบบัวไม่เคยพิศวาสน้องสาวนอกไส้คนนี้เลย
ตอนที่ใบข้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเธอ ใบบัวโตพอที่จะจำทุกอย่างได้ เสียงมารดาโวยวายลั่นตึก กับทารกเพศหญิงที่อยู่ในอ้อมแขนบิดา ตอนเด็กๆ ใบบัวไม่ได้คิดมาก เธอยินดีเสียอีกกับการมีพี่น้องเพิ่มขึ้น แต่ครั้นเมื่อใบข้าวเติบใหญ่ ทุกสิ่งที่ใบข้าวทำถูกใจบิดา ใบบัวพยายามเก็บความไม่พอใจไว้ในอก เธออยากตะโกนใส่หน้าบิดา แต่เมื่อมันทำไม่ได้ เธอไม่อยากให้บิดาเปรียบเทียบเธอกับใบข้าวเลย
ใบข้าวเรียนเก่ง ผลการเรียนแซงหน้าเธอไปแบบไม่เห็นฝุ่น
ใบบัวไม่ได้โง่ แต่ใบข้าวฉลาดเกินไป ผลการเรียนของเธอเหมือนคนทั่วไป ที่เรียนไปด้วยเล่นไปด้วย แต่ใบข้าวไม่ใช่แบบนั้น เพราะต่อให้ใบข้าวไม่อ่านหนังสือเลยสักหน้า ผลการเรียนของน้องสาวก็ยังดีกว่าเธอ
ยิ่งโตใบข้าวก็ยิ่งเหมือนหอกข้างแคร่ ใบข้าวเป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนความล้มเหลวของตนเอง การกำจัดใบข้าวเลยเป็นเรื่องที่น่ายินดี ความจริงเธอควรทำแบบนี้ ตั้งแต่ก่อนที่จะไปเรียนต่างประเทศแล้ว
ตอนที่ 4.แผนลวงแผนร้าย
แย้มรู้สึกไม่สบายใจแบบบอกไม่ถูก ท่าทางของส่งศรีไว้ใจไม่ค่อยได้ แต่การที่ส่งศรียอมออกไปตลาดพร้อมกับตนเองก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ แย้มเลยพยายามไม่คิดมาก อย่างน้อยใบข้าวก็อยู่ที่บ้าน ต่อให้เสี่ยห้าวบุกเข้าไปในบ้านจริงๆ ก็คงไม่กล้าลงมือ
“นี่นังแย้ม ตลาดที่สะอาดกว่านี้ไม่มีแล้วเหรอยะ?” ส่งศรีกระซิบเสียงแหลม นางพยายามเขย่งเท้าไม่ให้รองเท้าตัวเองจมลงไปในน้ำสีคล้ำบนพื้น
“มีค่ะ แต่คุณอะ มีเงินมั้ยคะ?” แย้มถามกลับหน้าตาย
“เหอะ!!” ส่งศรีสะบัดหน้าใส่ เดินตามแย้มไม่ปริปากพูดอะไรอีก
“ผีตัวไหนเข้าคะคุณนาย ถึงอยากมาตลาดพร้อมฉันได้” แย้มถามระหว่างเลือกหอมแดงในกระจาด
“ฉันแค่เบื่อ” ส่งศรีตอบเสียงกระแทก
“เบื่อก็หาอะไรทำสิคะ เพิ่มมาอีกปาก หากฉันไม่อยู่คุณนายกับลูกจะเอาอะไรกิน” แย้มพูดความจริง นางแค่รอให้ใบข้าวมีงานทำเป็นหลักแหล่ง
“ฉันไม่ยอมอดตายหรอกยะ”
“ค่ะฉันรู้ คุณนายขายทุกอย่างประทังชีวิตมาตลอด ถ้าวันหนึ่งไม่มีอะไรให้ขาย ถามหน่อยเถอะค่ะ จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อข้าวกิน”
ส่งศรีชักสีหน้า “อย่าปากดีนักเลยนังแย้ม วันไหนที่ฉันลืมตาอ้าปากได้ ฉันจะเฉดหัวหล่อนคนแรก”
“ฉันจะรอวันนั้นค่ะ อย่าลืมนะคะ ค่าไฟค่าน้ำค่าแรงฉันหนึ่งปีเต็ม หากวันที่คุณนายรวยขึ้นมา อย่าลืมจ่ายให้ฉันทั้งหมดด้วยค่ะ”
ส่งศรีสะบัดหน้าใส่ เผลอกระแทกส้นเท้าแรงๆ จนน้ำสีคล้ำกระเด็นโดนชายกระโปรง ส่งศรีหยุดเดินเม้มปากกำมือแน่น
“เร็วๆ สิคะ สายๆ ตลาดวายจะไม่มีอะไรให้ซื้อ” แย้มหันมาเร่งแล้วก็รีบเดินนำหน้า