บทที่ 8
ซิมมี่ ลู เดินเรื่อย ๆ ไปตามทางเดินที่โค้งไปตามแนวอาคารที่รายเรียง ตรงขอบเส้นทางเดินนั้นมีก้อนหิน รายเรียงไว้เป็นแนว เธอกําลังตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์ฝันถึงทุกสิ่งที่ได้พบเห็นมาในบ้านพักส่วนตัวของนายทหารชั้น สัญญาบัตรนั้น ทั้งเสื้อผ้าที่สวยงาม มีทั้งซาตินและลูกไม้ เครื่องประดับชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่สวยงามน่ารัก แปรงสําหรับแปรงผมและหวีที่ด้ามชุบทอง และยังอาหารที่จัดไว้อย่างสวยสดงดงาม เธอยกปลายนิ้วที่เมื่อครู่ได้แตะลงบนหน้าเค็กขึ้นมาทดลองชิมรสชาติของไอซิ่ง ขึ้นมาดดเล่นอีกครั้ง กระโปรงส่ายไปตามจังหวะของการก้าวเดิน และอดที่จะคิดเปรียบเทียบกับรสชาติของน้ำอ้อยที่เคยได้ลองลิ้มมามิได้
เบื้องหน้าเธอ พลทหารม้าคนหนึ่ง ยืนพิงร่างอยู่กับเสาไม้ซีดาร์ ที่ค้ำยันหลังคาของรามาด้า ซึ่งติดอยู่กับร้านเบเกอรี่ของค่ายไว้ ร่างของเขาแฝงอยู่ในเงาสีม่วงเข้มของยามตะวันรอน เมื่อซิมมี่ ลู เดินเข้าไปใกล้เขาก็เดินออกห่างจากเสาต้นนั้นและเข้าขวางทางเธอไว้ มันมีอะไรบางอย่างในตัวเขาที่คล้ายแมว ทั้งใบหน้าเล็ก ๆ ดวงตาเป็นประกายในความืด หนวที่เรียวบางเหมือนขีดด้วยดินสอ คางเสี้ยม ๆ ท่าทางว่องไว ซึ่งก็เหมือนแมวไม่มีผิด
“คุณไม่ควรจะเดินคนเดียวมืด ๆ ค่ำ ๆ อย่างนี้นะ... มิซฮุคเกอร์ ผมจะพาคุณไปส่งจนถึงบ้านให้เองนะ จะได้ดูแลความปลอดภัยให้ไงล่ะ”
ซิมมี่ ลู ชักนิ้วออกจากปาก มองหน้าพลทหารเลอรอย บิทเทอร์แมน อย่างพิจารณา สัญชาตญาณทางเพศอันรุนแรง ทําให้เธอมักจะรู้ถึงแรงผลักดันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงที่เกิดขึ้น มันมักจะมีการวางแผนไว้เป็นการล่วงหน้าที่จะทําให้ดูคล้ายกับมีเหตุบังเอิญให้ต้องมาพบกันเกิดขึ้น และผู้ชายคนนี้ ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่เคยแสดงความสนใจไยดีในตัวเธอมาก่อน แต่ขณะนี้กําลังขอตามไปส่งเธอถึงบ้าน
“คนอย่างฉันไม่ต้องให้ใครมาคุ้มกันหรอก” ซิมมี่ ลู เอ่ยขึ้น หมดความสนใจในตัวเขาทันที เมื่อเห็นเขาเข้ามาหาเธอเหมือนคนอื่น ๆ
“ถึงยังไงผมก็ยังอยากจะเดินไปส่งคุณอยู่นั่นเอง” เขาพูดยิ้ม ๆ และออกเดินเคียงข้างไปกับเธอ
“งั้นก็ตามใจสิ”
“ผมน่ะชอบทําอะไรตามใจตัวเองอยู่แล้ว” เขาตอบ “รู้สึกว่าคุณไม่ค่อยชอบหน้าผมเลยใช่ไหม”
“ก็คุณมันดีอะไรนักหนาล่ะ” ซิมมี่ ลู ประสานสายตากับเขา “ฉันว่าบางครั้งมันเกินเหี้ยมเสียด้วยซ้ำ”
“ผมน่ะมันเป็นทหารเต็มตัว แต่ก็รับรองได้ว่า คุณฝึกผมให้เชื่องเหมือนผู้ชายทั้งหลายที่คุณเอาเขามาเป็นเครื่องเล่นได้น่า” คําพูดแบบโอหังและมั่นใจในตนเองแบบนี้ เป็นสิ่งที่ซิมมี่ ลู ไม่ใคร่ชอบนัก
“คุณไม่รู้หรอกว่าฉันทําอะไร” เธอตอบกลับไป
“คุณก็ชอบยั่วให้ผู้ชายมันร้อนขึ้นมา แล้วคุณก็จะสาดน้ำเย็นเข้าใส่เขา มันทําให้คุณรู้สึกว่าตัวเองแน่มากไงล่ะ”
“ถ้างั้นก็อย่าตื่นเต้นให้มันมากไปนักสิ”
“แต่น้ำเย็นของคุณน่ะมันหยุดผมไม่ได้หรอก”
“ในเมื่อมันไม่มีการเริ่มต้น มันก็ย่อมไม่มีจุดยุติหรอก” ซิมมี่ ลู พยายามลดเสียงลง ขณะที่เข้ามาใกล้บริเวณที่พัก แต่น้ำเสียงหนักแน่นมาก
“ก็ถ้างั้นทําไมคุณถึงยอมเดินมากับผม คุยกับผมล่ะ ทําไมคุณถึงจับตามองดูผมตลอดเวลาที่ผ่านมานี่ล่ะ” เขาผ่อนฝีเท้าลงเมื่อใกล้จะถึงเต๊นท์ที่พักของเธอ “คุณยังไม่จักผมหรอก แต่คุณจะรู้ในสักวันหนึ่ง”
บิทเทอร์แมนผละจากไป ก่อนที่เธอจะไล่เขาเสียด้วยซ้ำ ซึ่งทําให้ซิมมี่ ลู รู้สึกขุ่นเคืองยิ่งนัก เธอชอบที่จะเล่นกับสถานการณ์ทํานองนี้นัก เขาก็เหมือนกับผู้ชายทุก ๆ คนที่เดินตามกลิ่นเธอต้อย ๆ แต่แล้วก็ผละจากไปเอง คนแรกก็ร้อยเอกคัทเตอร์ ตอนนี้ก็มาถึงเลอรอย บิทเทอร์แมน น่าแปลกที่เธอต้องเจอผู้ชายประเภทนี้ถึง 2 คนในวันเดียวกัน ซึ่งทําให้ซิมมี่รู้สึกอ่อนอกอ่อนใจยิ่งนัก เมื่อเดินเข้าไปในเต๊นท์
จอห์น ที. กําลังยืนอยู่ตรงเตาที่ใช้หุงต้มอาหาร คนอะไรในหม้ออยู่ สายรัดกางเกงพาดอยู่กับช่วงไหล่ที่เปล่าเปลือย ผิวเนื้อที่ดําขลับเต็มไปด้วยมัดกล้าม เขาเป็นคนที่มีหน้าตาคมสันคนหนึ่ง เป็นผู้ชายที่หล่อเอาการในสายตาของซิมมี่ ลู ทั้งเรือนร่างที่สูงสง่า ดวงตาเป็นประกายแฝงความฉลาดเฉลียวไว้ ซิมมี่ ลู รู้ว่าเขาทําอาหารไว้คอยเธอ เขามักชอบที่จะทําอะไร ๆ เพื่อเธอเสมอ ซึ่งทําให้เธอเกิดความหงุดหงิดในใจขึ้นมาอีก
“เอ๊ะ ฉันได้กลิ่นอะไรนะนี่” เธอถามเสียงเครียด ๆ ได้กลิ่นแปลก ๆ ผสมอยู่ในกลิ่นสตูว์ที่คุ้นจมูก ซึ่งมีทั้งมันฝรั่ง หัวหอม น้ำมะเขือเทศกระป๋อง และเนื้อวัวสด
“ผมใส่เม็กซิกัน เปปเปอร์ ลงไปด้วยไงล่ะ มันช่วยรสได้มากทีเดียว” เขาตักน้ำสตูว์ขึ้นมาจากหม้อส่งให้เธอลองชิม ขณะเดียวกันก็จับตามองริมฝีปากหนา ๆ ที่เคลื่อนไหวอยู่ ยามที่ดื่มลิ้มชิมรสน้ำสตูว์นั้นเข้าไป
“ร้อนจะตาย” ซิมมี่ ลู พูดอย่างไม่แน่ใจ และจอห์น ที. ก็ยิ้มให้กับคําตอบเคลือบคลุมนั้น “ก็ให้มันแปลกกว่าสตูว์ที่เราเคยกินสักหน่อยไงล่ะ”
หลังจากที่สตูว์ถูกตักใส่ชาม และสองสามีภรรยานั่งลงตรงโต๊ะที่ทําขึ้นเองแล้ว ซิมมี่ ลู ก็อดจะเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างข้าวของเครื่องใช้ของเธอกับที่บ้านของเวดมิได้ อาหารบุฟเฟต์ที่ถูกจัดใส่ในจานที่สวยงาม กับอาหารที่เธอกําลังจะกินเข้าไปในตอนนี้ เธออธิบายถึงแซนด์วิชชิ้นน้อย ขนมเค็กที่แสนอร่อย และการจัดเตรียมอย่างสวยสดงดงามให้สามีฟัง
ในขณะที่เธอพูดอยู่นั้น จอห์น ที. จับตามองดูเธออยู่ เขาสามารถมองเห็นแววแห่งความกระหายในสีหน้าของเธอ เป็นความต้องการที่เต็มไปด้วยความมาดหมาย ความต้องการที่ไม่มีสิ่งใดจะมาถมให้เต็มด้วย ซิมมี่ ลู เป็น
ผู้หญิงที่ไม่เคยอิ่ม ซึ่งมันสร้างความยุ่งยากใจให้กับเขาเสอมา
“บางที คุณไม่ควรจะไปทํางานให้กับเมียของนายทหารพวกนั้นต่อไป” เขาเอ่ยขึ้นในที่สุด
“แต่เขาจ่ายเงินให้ฉันนะ คิดดูสิว่าฉันสามารถหาเงินพิเศษมาช่วยคุณอีกแรงหนึ่งได้ แค่ไปทําให้เขาเท่านั้น” ซิมมี่ ลู ค้านเสียงดัง
“มันไม่ใช่ของดีหรอกที่จะข้ามไปฝั่งโน้น ไปเห็นชีวิตความเป็นอยู่ของพวกเขา คุณไปที่นั่นทีไร พอกลับมาก็ไม่สบายใจทุกที ผมรู้นะว่าแววตาคุณน่ะมันบอกอะไรบ้าง” เขาสามารถจะทําอะไรต่อมิอะไรมาปรนเปรอเธอได้มากมาย ทั้งเกียรติยศจากตําแหน่งหน้าที่ มีผู้ใต้บังคับบัญชาที่ให้การยอมรับนับถือ และยังเงินเดือนยศสิบเอก รวมทั้งทุกหยาดหยดแห่งความรักอีกเล่า ซิมมี่ ลู เป็นผู้หญิงที่สามารถจะทําให้ผู้ชายแห้งผากไปทั้งตัวได้ แม้แต่ยามที่อยู่ในเตียงนอน เธอก็แทบจะไม่ยอมให้เขาได้พักผ่อน คุณพระช่วย และเขาก็ช่างรักเธอเสียเหลือเกิน
“บางครั้งนะ จอห์น ที. ...บางครั้งฉันก็มีความรู้สึกอยากได้ในทุกสิ่งทุกอย่างไปหมด” ความปรารถนานั้นปรากฏออกมาอย่างเห็นได้ชัดในน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก และสีหน้านั้น มีหน้าที่บ่งบอกถึงความไม่เคยพอใจในสิ่งใดเลย “แต่พอไม่ได้ ก็รู้สึกเจ็บปวดลึก ๆ อยู่ในใจ” การยอมรับมันหมายถึงความยอมแพ้ ซิมมี่ ลู ผลักชามสตูว์ตรงหน้าออก “และบางครั้งฉันก็เคยคิดว่า ลินคอล์นไม่น่าปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระเลย ถ้าฉันยังเป็นทาส ฉันก็คงจะยังได้อยู่ในบ้านหลังใหญ่ของเดเวอร็อกซ์นั่น ได้ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ได้กินอาหารดี ๆ ไม่ต้องมานั่งซักผ้ารีดผ้าอยู่ทั้งวัน จนมือด้านไปหมดอย่างนี้หรอก”
“อย่าพูดอย่างนี้นะ” จอห์น ที. ผลุดลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธที่พลุ่งขึ้นมา “อย่าได้พูดไร้สาระอย่างนี้อีกต่อไป แม่คุณน่ะ เอานิยายโบร่ำโบราณมาใส่หัวคุณไว้ แต่จริง ๆ แล้วน่ะมันไม่ได้เป็นอย่างนั้นหรอก แล้วคุณเองตอนนั้นก็เด็กจนเกินกว่าที่จะรู้ว่า ไอ้ความเป็นทาสน่ะจริง ๆ แล้วเป็นยังไง” เสียงช้อนส้อมกระทบกันดังลั่นเมื่อเขาเก็บโต๊ะอาหาร เมื่อเห็นว่าภรรยาคงไม่ยอมรับประทานแล้ว “ถ้าคุณยังเป็นทาสอยู่ในบ้านหลังนั้น ป่านนี้ไอ้คนในบ้านนั้นมันคงเอาคุณไปเสพสุขแล้ว หรือไม่คุณก็ต้องเป็นของพวกมันทุกคนนั่นแหละ ไม่มีอะไรเหลือไว้ให้แสดงความขบขับอย่างนี้หรอก”
แต่ซิมมี่ ลู ไม่ได้วิตกกังวลกับความคิดในเรื่องนั้นเลยแม้แต่น้อย เรือนกายของเธอพร้อมที่จะเรียกร้องให้ได้มาในสิ่งที่เธอต้องการ และเธอก็ไม่เบื่อหน่ายที่จะใช้มัน เพียงแต่ซิมมี่ ลู ฉลาดพอที่จะไม่พูดเรื่องอย่างนี้ให้จอห์น ที. ฟัง ผู้ชายมักจะชอบแสดงความหึงหวงเสมอ เป็นสัตว์ที่หวงแหนในสมบัติของตน แต่สิ่งนั้นมันก็สามารถจะใช้ให้เป็นประโยชน์ได้อยู่ดี ยิ่งกว่านั้น เธอยังรู้จักวิธีที่จะขึ้นลงทางบันไดหลังของบ้านนายทหารชั้นสัญญาบัตรเหล่านั้น แม่เคยเล่าเรื่องอย่างนี้ให้เธอฟังมาแล้ว และยังเล่าถึงของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่บางครั้งก็มีการหยิบยื่นมาให้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นสามารถจะปรนนิบัติให้เป็นที่พอใจได้ และซิมมี่ ลู ก็รู้วิธีที่จะทําให้เป็นที่พอใจของผู้ชายคนนั้นได้ ความเป็นจริงที่ตั้งอยู่ในจิตใจของเธอก็คือ ถ้าเธอยังเป็นทาสอยู่ในเวลานี้ เธออาจะได้ทั้งของขวัญจากพวกเดเวอร็อกซ์ และมีจอห์น ที. อยู่เคียงข้างในเวลาเดียวกัน เพราะจอห์น ที. ไม่สามารถจะมอบของขวัญที่เธอปรารถนาให้ได้
เมื่อจานชามถูกวางลงในอ่างโลหะเรียบร้อยแล้ว จอห์น ที. ก็จุดตะเกียงน้ำมันขึ้น
“ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณจะต้องหัดอ่านหนังสือแล้ว” เงาร่างของเขาทาบอยู่กับแผ่นผ้าใบ ขณะเดินไปที่หยิบหนังสือที่ขาดรุ่ยขึ้นมาถือไว้