บทที่ 4
ทันใดนั้น เจ้าของร้านก็โผล่ออกมาจากกระท่อมดิน เป็นคนผิวขาวร่างอ้วน หนวดเคราครึ้มไปทั้งหน้า สวมกางเกงมีสายรัดตัวใหญ่ทับอยู่บนเสื้อยืดสีแดง เขาอยู่ในกลุ่มของพวกที่เข้ามาตั้งรกรากอยู่ในแถบนี้พวกแรก ซึ่งถูกดึงดูดให้เดินทางมาถึงที่นี่ พร้อมกับพวกขุดทองทั้งหลาย และมีอาชีพขายเสบียงอาหารให้กับพวกคนงานเหมืองเหล่านั้น รวมทั้งพวกทหาร และพวกอปาเช่ด้วย นานมาแล้วที่เขาได้ผู้หญิงชาวอินเดียนแดงคนหนึ่งมาเป็นภรรยา นางมาจากเผ่ามิมเบรส ดังนั้น เขาจึงสามารถติดต่อทั้งสองฝ่ายได้โดยสะดวก ทั้งผู้หญิงผิวขาว และผู้หญิงอินเดียนแดง แต่เขาไม่เคยได้รับการยอมรับอย่างเต็มที่ไม่ว่าจะจากฝ่ายใดทั้งสิ้น ไม่เคยมีฝ่ายไหนที่มองเขาอย่างเต็มตา
“หวัดดี ผู้กอง” ผู้ชายคนนั้นร้องทักขึ้น เขามีชื่อตามที่เรียกกันทั่วไปว่า “อปาเช่ แจ๊ค” เรย์โนลด์ ขณะที่เดินเข้ามาใกล้คัทเตอร์นั้น ท่าทางของเขาบอกความไม่สบายใจอยู่มาก “ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่มันมีเหตุบังเอิญเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้น หวังว่าคงไม่ทําให้พวกผู้หญิงตกใจกันมากนักนะครับ เอ้อ...พวกนี้มันเป็นญาติของเมีย...เอ้อ...ลิตเติ้ล โดฟ น่ะครับ เขาก็เลยมาเยี่ยมกัน” เขาชะงักเมื่อจะพูดถึงผู้หญิงอปาเช่ที่อยู่ร่วมกันมา ในฐานะที่เป็นภรรยาของตนอย่างเต็มปากเต็มคําออกไป มันคล้ายกับทําให้เขาขาดความยอมรับนับถือจากพวกคนขาว ที่มีความอคติต่อความเป็นอินเดียนแดงของภรรยาตน แม้ว่าครั้งหนึ่งนางจะเป็นผู้หญิงคนที่เขาปรารถนาสักเพียงไรก็ตาม “อีกเดี๋ยวมันก็คงจะกลับกันมาอีก พวกนี้ก็เป็นอย่างนี้ละครับ พอเห็นทหารเข้าก็ตกใจ” เขาพยายามเปล่งเสียงหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกออกมา เพราะรู้ดีว่าคัทเตอร์รู้ภาษาสเปน และได้ยินแล้วว่าเมื่อครู่ก่อน อปาเช่ได้ตะโกนพูดกับเขาว่าอะไร
“เป็นญาติกัน...” คัทเตอร์ทวนคํา คล้ายกับมีความสงสัยของอยู่ในใจ “แต่ดูเหมือนผมจะจําวูฮ์ได้นะ แล้วใครกันล่ะที่มาหาคุณน่ะ”
เหงื่อชื้น ๆ ผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของเจ้าของร้าน ไม่ใครจะแน่ใจเอาเสียเลยว่า คําถามประโยคนั้นเป็นกับดัก หรือว่าคัทเตอร์รู้อยู่แล้วว่า อปาเช่กลุ่มนี้มาจากเผ่าไหน แต่อปาเช่แจ๊คก็พยายามอําพรางความอึดอัดใจของตนไว้
“ลูเตโร่ครับ” เขายืนยิ้มออกมาเมื่อเอ่ยชื่อนั้น และแล้วก็เสริมต่อด้วยคําพูดเชิงแก้ตัวว่า “ผู้กองก็คงจะพอรู้นะครับว่าความเป็นญาติของพวกอปาเช่ มันออกจะสับสนอยู่ ผมหมายถึงว่า แม้แต่โคชีสเองก็ยังเป็นญาติกับแมงกาส โคโลราดาส แล้วก็ชามัน เคโรนิโม่ ที่ชอบก่อสงครามอยู่เรื่อยนั้น”
ลูเตโร่ คัทเตอร์ จับชื่อนั้นใส่เข้าไว้กับอปาเช่คนที่มีแผลเป็นพาดอยู่บนใบหน้า และกําหนดจดจําไว้ ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ ในบางครั้งก็เป็นเรื่องสําคัญอยู่เหมือนกัน แต่ก็มีค่าควรแก่การจําว่าวันนี้เขาได้พบกับอปาเช่คนหนึ่ง เชื่อว่ามาจากเผ่าของวูฮ์ อันเป็นเผ่านักรบ และในท่ามกลางอปาเช่ในเผ่านั้น มีนักรบคนหนึ่งชื่อ ลูเตโร่ บางทีมันอาจจะเป็นพวกกองโจรกระมัง ดูเหมือนจะเป็นการท้าทายอยู่มากที่มันได้เปิดเผยตัวเองต่อคัทเตอร์ และทหารอารักขาเหล่านี้ คัทเตอร์มิได้สงสัยในเรื่องนี้เลย เพราะก่อนหน้าที่กลุ่มของเขาจะมาถึงที่นี่ ก็ได้มีการลาดตระเวนเพื่อดูแลในเรื่องความปลอดภัยกันมาแล้ว
“มีอะไรที่ผมจะพอจะช่วยได้บ้างครับ ผู้กอง” คําถามของอปาเช่ แจ๊ค ประโยคนี้เพื่อเป็นการปกป้องตน และแสดงให้ฝ่ายทหารได้รู้ว่ายังมีเขาเป็นพวกอยู่ด้วยอีกคน
เสียงล่อร้องคํารามขึ้น พ่นลมออกจากจมูกเพื่อไล่ฝุ่น
“อยากจะขอน้ำให้ล่อพวกนี้สักหน่อย ถ้าคุณเหลือพอ” คัทเตอร์ตอบ
“บ่ออยู่ด้านข้างนั่นแน่ะครับ เชิญใช้ตามสบาย” พ่อค้าผิวขาวชี้มือไปยังด้านข้างของกระท่อมดิน
“จ่า” คัทเตอร์รู้ดีว่า ฮุคเกอร์ได้ยินการสนทนาโดยตลอด จึงให้เขารับหน้าที่ในการให้น้ำล่อไป
“โกรเวอร์” สิบเอกฮุคเกอร์เรียกพลทหารคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนผิวดําเช่นเดียวกับเขา และมีชื่อว่า แองกัส โกรเวอร์ ให้มารับหน้าที่
“ครับผม” โกรเวอร์เดินเข้ามาหาฮุคเกอร์ทันที
“ไปตักน้ำจากบ่อมาให้ลากินหน่อย” ฮุคเกอร์สั่ง
เมื่อทหารผิวดํารับคําสั่งนั้น อปาเช่ แจ๊ค เรย์โนลด์ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหยิ่ง ๆ ว่า
“เรื่องน้ำที่จะให้สัตว์กินน่ะ เท่าไหร่ก็ได้นะครับผู้กอง แต่ผมไม่ได้มีเพื่อไว้สําหรับทหารนิโกรของผู้กอง”
ทั้งพลทหารโกรเวอร์ และสิบเอกฮุคเกอร์ มิได้แปลกใจกับคําพูดทํานองนี้เลย เพราะเคยชินกับการดูหมิ่นในลักษณะนี้เสมอมา ไม่ว่าจะประจําการอยู่ที่ใดก็ตาม กองพันทหารม้าที่ 9 ได้รับคําสั่งให้มาประจําการที่ค่ายเบยาร์ด ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของนิวเม็กซิโกแห่งนี้ เพื่อดูแลความปลอดภัยของพวกชาวเหมือง และผู้คนที่อพยพมาตั้งหลักแหล่งทํามาหากินอยู่ในซิลเวอร์ ซิตี้ แต่คนขาวน้อยครอบครัวที่จะได้รับการปกป้องจากทหารผิวดํา และทหารเหล่านี้ก็มิได้คิดจะปิดบังความรู้สึกของตนเองไว้
เจค คัทเตอร์ เป็นคนใจเย็นมาก แต่ถ้าถูกชั่วโทสะเขาจะตอบแทนกลับไปอย่างรุนแรง
“มันเรื่องอะไรกันล่ะ เรย์โนลด์ ทําไม คุณคิดว่าพวกเขาจะใส่ยาพิษลงไปในน้ำงั้นเรอะ ถ้าคิดอย่างนั้นละก้อ ผมจะบอกให้ว่าไอ้ความรังเกียจของคุณน่ะมันโง่ที่สุด” เขาเอื้อมมือไปปาดเหงื่อบนใบหน้าของพลทหารคนนั้น แล้วแบมือให้แจ๊ค เรย์โนลด์ ดู “เอ้าแหกตาดูเสียสิ สีผิวเขาไม่ตกหรอก แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงด้วย ไม่มีใครเขาอยากกินน้ำของคุณหรอก”
อปาเช่ แจ๊ค เรย์โนลด์ ผละออกห่างจากคัทเตอร์ทันที ด้วยกลัวความโกรธที่เยือกเย็นนั้นนัก ทําเป็นหันไปมองทางร้านที่สุภาพสตรีทั้งหลายยังยืนเลือกซื้อของกันอยู่ พูดเป็นเชิงออกตัวว่า
“ผมจะเข้าไปดูสิว่า คุณผู้หญิงคนนั้นซื้ออะไรกันบ้าง” และรีบเดินออกไปจากที่นั่นทันที
ตลอดเวลาที่เหตุการณ์ดําเนินไป ทั้งโกรเวอร์และคัทเตอร์ยืนนิ่งมิได้ปริปากพูดอะไรออกมาเลย คัทเตอร์เหลือบตามองทหารทั้งสอง และเขาก็ได้เห็นประกายแห่งความรักในศักดิ์ศรีปรากฏอยู่ในแววตา คัทเตอร์ระบายลมหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง
“ที่ฉันเช็ดหน้าแกเมื่อครู่นี้ มันทําให้แกไม่พอใจใช่ไหม โกรเวอร์”
“ใช่ครับ” โกรเวอร์ตอบรับด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“ฉันเพียงแต่ต้องการให้ไอ้หมอนั่นมันเห็นว่า...” คัทเตอร์เอ่ยแต่แล้วก็สายศีรษะอย่างอ่อนระอา
“ไปให้น้ำล่อเสียไป๊ โกรเวอร์” สิบเอกฮุคเกอร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ผมละเบื่อไอ้เรื่องความเกลียดชังกันนี่เสียจริง จอห์น ที. เบื่อหน่ายกับการที่พวกนายทหารรังเกียจพลทหาร, คนผิวขาวเกลียดคนผิวดํา, คนขาวเกลียดอินเดียนแดง มันเป็นความเกลียดชังที่ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ไม่เห็นจะได้ประโยชน์อะไรขึ้นมาเลย มันคล้ายกับการที่คนเราเกลียดทะเลทราย เพราะมันไม่มีน้ำอะไรทํานองนั้น”
“ครับผม” เป็นคําตอบที่มิได้แสดงความคิดเห็นแต่ประการใดเลย
จากลานดินตรงที่เขายืนอยู่ คัทเตอร์มองเห็นคุณนายเวดเดินออกมาหยุดอยู่ตรงประตูหน้าร้าน แววในดวงตาที่มองมาคล้ายจะถาม และเขาก็ยกมือขึ้นแตะขอบหมวก โค้งกายน้อย ๆ เป็นการยืนยันว่าเหตุการณ์เรียบร้อยดี