บท
ตั้งค่า

บทที่ 2

ฝุ่นจางลงแล้ว แต่กลิ่นอายจากคนพวกนั้นก็ยังอวลอบอยู่ในอากาศที่สงัด รวมทั้งกลิ่นฝนและกลิ่นซิการ์ เธอเหลือบตามองไปยังผู้ที่ยืนถือซิการ์มวนสีน้ำตาล แม้จะเป็นการมองผาด ๆ ก็ยังเห็นสีผิวบนใบหน้าที่เป็นสีน้ำตาลอ่อน ด้วยต้องตากแดดตากลมแรงในบริเวณทะเลทรายแห่งนี้อยู่เป็นประจํา มีรอยย่นอยู่ตรงปลายหางตาซึ่งเป็นสีฟ้าเข้ม ราวสีแห่งท้องฟ้าในทะเลทรายแห่งนี้ เป็นดวงตาที่เฉียบคม ไม่มีสิ่งใดที่จะพลาดไปได้ รวมทั้งการเหลือบแลมองของเธอด้วย

“พวกนี้เป็นเผ่าชิริคาฮูใช่ไหมคะ” แม้ว่ากองพันทหารม้าที่เก้า ซึ่งสามีของฮันน่าสังกัดอยู่จะเพิ่งโยกย้ายจากเท็กซัสมาประจําอยู่ในดินแดนของนิวเม็กซิโกแห่งนี้ได้เพียงแค่หกเดือน แต่เธอก็คุ้นชินกับปัญหาของอินเดียนแดงเจ้าถิ่นอย่างดี นับแต่โคชีสผู้เป็นหัวหน้าเผ่าได้ตายลงเมื่อปีครึ่งมาแล้ว อินเดียนแดงเผ่าชิริคาฮู ก็บังเกิดความไม่พอใจกับชีวิตในถิ่นเดิมของตน และเริ่มโยกย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ของอริโซน่า ซึ่งมีเขตแดนติดต่อกันอยู่

“ครับ พวกนี้เป็นชิริยาฮู แต่ไม่ได้มาจากเผ่าของโคชีส” จากมุมที่เขายืนอยู่ภายใต้ร่มเงาของหลังคากระท่อม ร้อยเอกคัทเตอร์สามารถจะมองเห็นทั้งบริเวณลานโล่ง และบริเวณกระท่อมดินที่เป็นร้านค้า “ดูจะคล้ายกับเผ่า น์เด-น์ดา-อิ มากกว่า”

สําหรับผู้ที่เพิ่งมาอยู่มาแถบตะวันตกเฉียงใต้ใหม่ ๆ มักจะสับสนในเรื่องเผ่าต่าง ๆ ของอินเดียนแดงอปาเช่ ซึ่งแยกเป็นเผ่าเล็ก ๆ อยู่เสมอ เพราะมีทั้ง ลิปัน – อปาเช่, กิโอว่า-อปาเช่, เมสคาเลโร่, จิคาริลล่า, ชิริคาฮู และเวสเทิร์น อปาเช่ และแต่ละเผ่าจะแบ่งสันปันส่วนเขตล่าสัตว์แก่กัน และให้ความร่วมมือกันในเรื่องที่สําคัญเช่นการทําศึก และพิธีกรรมตามลัทธิศาสนาที่มันถือ แต่ละเผ่าจะมีผู้นําของตน แต่ไม่มีหัวหน้าที่จะเป็นผู้ควบคุมทุกเผ่าเข้ารวมกันไว้

เมื่อโคชีสทําสัญญาสงบศึก เขาได้พูดถึงแต่เฉพาะตัวเขา และคํามั่นที่จะกระตุ้นเตือนให้คนในเผ่าของตนยอมตกลงตามเงื่อนไข แต่มิได้มีการทําสนธิสัญญากับชิริคาฮูเผ่าอื่น ปล่อยให้อินเดียนแดงเหล่านั้นเป็นอิสระในการปล้น และทําศึกตามที่ต้องการจะทํา ดังตัวอย่างที่ปรากฎแก่ชาวเหมืองในซิลเวอร์ ซิตี้

ฮันน่าเคยได้ยินการปรึกษาหารือด้วยความไม่พอใจที่ระบบบริหารของราชการออกจะปล่อยให้เป็นระบบเสรีประชาธิปไตยมากเกินไปมาหลายครั้งหลายหน กองทหารเองก็ไม่รู้จะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร แต่มิใช่ความรู้นั้นที่ทําให้เธอต้องสนใจในตัวของร้อยเอกคนนี้ แต่เขาสามารถจะเอ่ยชื่อเผ่าออกมาได้อย่างแน่ใจมากกว่าที่จะคาดหมายหรือเดา สเตเฟน สามีของเธอมักจะอุทธรณ์อยู่เสมอกับความยุ่งยากที่จะแยกลักษณะอินเดียนแดงออกไปตามเผ่าต่าง ๆ แต่กระนั้น นายร้อยเอกผู้นี้สามารถจะรู้ได้ว่าอปาเช่เผ่าหนึ่งแตกต่างกว่าอีกเผ่าหนึ่งอย่างไร

“คุณรู้ได้ยังไงคะ ผู้กอง” ฮันน่าอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ จับตาดูซิการ์ที่กลิ้งอยู่กับริมฝีปากคล้ายเขาต้องการจะใช้เวลาก่อนที่จะให้คําตอบ ซึ่งอาการเช่นนั้นทําให้ซีกแก้มของเขาตอบลง ในกระบวนนายทหารที่ประจําการอยู่ค่ายบายาร์ดแห่งนี้ มีร้อยเอกเจค คัทเตอร์ คนเดียวเท่านั้น ที่โกนหนวดเคราเกลี้ยงเกลา และทําให้เขาแตกต่างกว่านายทหารคนอื่น ๆ และทุกคนก็คิดเช่นนั้นกับเขา

“คุณนายเห็นไอ้คนอ้วน หน้าตาเจ้าเล่ห์ที่ลูกตาใสเหมือนกระจกคนนั้นไหมล่ะครับ” เขาพูดทั้งที่คาบซิการ์อยู่ในปาก ริมฝีปากแทบมิได้ขยับเขยื้อนเลย ขณะที่ใช้ฟันคาบก้นซิการ์ไว้ “เจ้าหมอนี่มีลักษณะตรงกับ วูฮ์ หัวหน้าเผ่าน์เด-น์ดา-อิ ที่สุด”

ตอนที่เธอเห็นอินเดียนแดงกลุ่มนี้ในครั้งแรก ฮันน่าเพียงแต่มองผู้ชายร่างอ้วนคนนั้นผาด ๆ แต่ครั้งนี้สายตาของเธอไปหยุดอยู่ที่เขา ไม่ว่าความรู้สึกของเธอจะถูกแต้มสีสันด้วยคําพูดของร้อยเอกคัทเตอร์หรือไม่ก็ตาม แต่ฮันน่าสัมผัสได้ถึงความมุ่งร้ายที่อําพรางอยู่เบื้องหลังดวงตาคู่ที่ดําสนิท เหมือนดวงตาปีศาจนั้น มันเปล่งแววโหดเหี้ยมจนทําให้เธอขนลุก ต้องรีบเมินมองไปทางอื่น

“แล้วมันมาทําอะไรกันที่นี่คะ” เธอพยายามซ่อนเร้นความรู้สึกนั้นไว้ และรีบตั้งคําถามเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกของตนเอง

“ก็มาซื้อของ เหมือนคุณนั่นแหละครับ คุณนายเวด” เขาตอบด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ รอยยิ้มเครียด ๆ ปรากฏขึ้น “และผมก็เดาเอาว่าพวกมันคงจะต้องมาหาซื้ออะไรอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพียงไอ้พวกเครื่องปั้นดินเผากับกระบุงตะกร้ารูปร่างพิลึก ๆ นี่หรอกครับ”

คําพูดประโยคนั้นแฝงแววเยาะหยันอยู่เป็นนัย ต่อจุดมุ่งหมายที่สตรีทั้ง 3 ออกมาซื้อสินค้าพื้นเมืองีมือของชาวเม็กซิกัน ซึ่งเป็นที่งเครื่องใช้และเครื่องแต่งบ้าน ที่มิสซิสสโลนตั้งใจจะเอาไปใช้กับบ้านของเธอ อันเป็นเรือนแถวที่ปลูกสร้างขึ้นเป็นที่พักสําหรับพวกนายทหาร บ้านพักเหล่านั้นมิได้ปลูกขึ้นเป็นรูปร่างสะสวยอะไร ไร้ชีวิตจิตใจเช่นเดียวกับผืนแผ่นดินที่ห้อมล้อมอยู่

“แหม...ผู้กองพูดเหมือนกับหนุ่มโสดขี้อิจฉา ที่ไม่มีผู้หญิงคอยจะปรนนิบัติรับใช้ให้พอมีความสุขบ้าง หลังจากที่ต้องเผชิญกับชีวิตที่หนักหนาอยู่ในกองทัพมาโดยตลอดอย่างนั้นละ” ฮันน่าตอบกลับไปด้วยความมั่นใจในบทบาทของตน ซึ่งมีจุดมุ่งหมายต่อชีวิตของสามี เธอเชื่อว่าจำเป็นจะต้องมีความสวยงาม ความเป็นอยู่อย่างเป็นสุข เพื่อขจัดความเงียบเหงาให้ลดน้อยลงบ้าง

“ผมทราบดีครับ ว่าตัวเองขาดอะไรบางอย่างไป” เขาพูดเหมือนจะเยาะในคําพูดของเธอ แต่ก็ไม่ถึงกับจะไร้ความเห็นใจเอาเสียทีเดียว

มีความเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งทําให้ฮันน่าต้องเบนความสนใจจากนายร้อยเอกที่เธอกําลังสนทนาอยู่ด้วย คําตอบที่รออยู่ตรงริมฝีปากชะงักไป เมื่ออปาเช่คนที่เดินเข้าไปในร้านกําลังเดินกลับออกมา มันเป็นความเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว แม้จะมิใช่ลักษณะของความรีบร้อน แต่เมื่อเธอหันหน้าไปมองนั้น ทุกคนก็เหวี่ยงร่างขึ้นบนหลังม้า ที่มีผ้าปูรองอานไว้อีกชั้นเรียบร้อยแล้ว และแต่ละคนก็รวบสายบังเหียนที่ทําด้วยหนังสัตว์ ซึ่งมีอยู่เพียงเส้นเดียวไว้ในมือ ฝุ่นลอยตัวขึ้นใต้กีบเท้ามาที่ขยับอยู่ไปมา เสียงม้าร้องคํารามเพื่อไล่ฝนออกจากจมูกของมัน

อปาเช่คนแรก คนที่เปลือยอกและมีแผลเป็นบนร่องแก้ม บังคับม้าสีน้ำตาลแกมขาวให้หันไปทางหน้าร้าน ดวงตาที่มองมาทางร้อยเอกคัทเตอร์นั้นเปล่งแววอาฆาต แต่ภาษาสเปนที่เขาเปล่งออกมานั้น ตั้งใจจะพูดกับเจ้าของร้านที่อยู่ภายในมากกว่า

“มันบอกว่ามันจะกลับมาใหม่เมื่อไอ้พวก ‘ขาเหลือง’ กับ ‘หหารควาย’ ไปกันหมดแล้ว” ฮันน่าแปลให้เขาฟัง คําว่า “ขาเหลือง” หมายถึงกางเกงที่ขลิบด้วยเส้นสีเหลืองตรงตะเข็บขาที่พวกทหารสวมใส่ ส่วน “ทหารควาย” นั้น เป็นคําที่พวกอินเดียนแดงเรียกทหารนิโกร เนื่องจากเส้นผมที่หยิกหยองติดหนังศีรษะทําให้นึกถึงแผงขนบนคอควาย

“ผมได้ยินแล้วละครับ” เพียงแต่เขายังไม่อาจเดาถึงเหตุผลในการที่อปาเช่กลุ่มนั้นจะกลับมาอีกเท่านั้น บางทีอาจจะเป็นการลักลอบซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย หรือไม่ก็อาจจะเป็นการขู่ หรือคุยโวก็ได้ทั้งสิ้น

ทันทีที่ม้าทุกตัวกระโจนออกจากบริเวณลานดิน อปาเช่ทั้งกลุ่มก็ดูเหมือนจะละลายหายตัวเข้าไปในแนวไม้ที่ขึ้นอยู่ตามริมฝั่งลําธารที่แห้งขอดในทันทีเช่นกัน คัทเตอร์จับตามองตามจนอปาเช่ทุกคนหายลับไปจากสายตาแล้ว จึงได้หันกลับมามองสตรีกลุ่มนั้นอีกครั้ง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel