บท
ตั้งค่า

บทที่ 1

มีนาคม 1876

ดินแดน อปาเช่

ใกล้ค่ายเบยาร์ด

นิวเม็กซิโก

“การออกมาอยู่ที่นี่น่ะ สุภาพสตรีจะต้องหาทางที่ดีที่สุด เพื่อที่จะรักษาตัวเองให้อยู่รอดปลอดภัย” ฮันน่า เวด เอ่ยขึ้นลอย ๆ อย่างรู้สึกเห็นใจในสตรีวัยรุ่น ซึ่งขณะนี้สีหน้ากําลังแสดงออกถึงความผิดหวัง ขณะที่กวาดสายตาไปยังบ้านเล็กเรือนน้อยที่ก่อด้วยปนฟาง ซึ่งภาษาพื้นเมืองเรียกว่า “รามาด้า” และปลูกสร้างอยู่อย่างไร้ระเบียบ มีภาชนะดินเผาวางอยู่กลาดเกลื่อนอยู่ทั้งภายในและภายนอก “ในบางครั้ง เราก็จะแสดงท่าว่าเป็นสุภาพสตรีอยู่ไม่ได้เหมือนกัน”

ทันใดนั้น ความเงียบสงัดในท่ามกลางอากาศที่ร้อนระอุก็ถูกทําลายลงด้วยเสียงเกือกม้าที่กระแทกกระทั้นอยู่กับพื้นแผ่นดินที่แตกระแหง ซึ่งเมื่อนาที่ก่อนหน้านี้ กลุ่มฝุ่นได้ลอยตัวขึ้นในท่ามกลางกระท่อม อันเป็นถิ่นที่อยู่ของชนเผ่ากึ่งเม็กซิกัน จากชายกระโปรงแบบสมัยนิยม ซึ่งสตรีผู้เป็นภรรยานายทหารทั้งสามสวมใส่, แต่ขณะนี้กลุ่มฝุ่นได้ลอยตัวคละคลุ้งขึ้นด้วยฝีเท้าของม้าพันทาง ซึ่งบนหลังของมันคือชนเผ่าอปาเช่

ฮันน่า เวด ยืนตัวแข็งไปในทันที เมื่อมองเห็นอินเดียนแดงเผ่านั้นโผนเข้ามาหา ไม่มีเสียงอู่ตะโกน อันเป็นสัญญาณของการเข้าโจมตีที่เคยก้องสะท้านอยู่ในอากาศ ดูเหมือนจะมิใช่วิธีการของอปาเช่ ที่จะแฝงกายเข้ามาอย่างเงียบกริบ อันนําความแปลกใจมาสู่เธอ ระยะเวลาสองปีอันยาวนานที่เคยเห็นสามีขี่ม้านําหน้ากองทหารออกไปปราบปรามอินเดียนแดงที่เข้ามาก่อกวน ทําให้เธอพอจะมีความรู้ในเรื่องนี้อยู่บ้าง

ก่อนที่อปาเช่กลุ่มนั้นจะเข้ามาถึงตัว ฮันน่าได้เหลือบตามองไปยังนายทหารที่ติดตามมาให้การอารักขา ซึ่งสีหน้าเข้มแข็งของเขาอําพรางอยู่ใต้ปีกหมวกทหารที่เขาสวมอยู่

“ผู้กองคะ” หางเสียงที่บอกให้รู้ถึงความประหวั่นในอันตราย คล้ายต้องการจะให้เขาออกคําสั่งหรือชี้แนะแนวทางว่าควรจะทําอย่างไร แต่ขณะเดียวกันเธอก็ยืดร่างเด่นเป็นสง่า สีหน้าราบเรียบ

เขายกมือขึ้นแล้ว ด้วยท่าทีที่พร้อมจะลงมือปฏิบัติการ โดยมีจ่านายสิบผิวดํา กับลูกน้องผิวดําอีกสองคน รออยู่ตรงรถประจําค่ายทหาร

“ไม่มีอะไรหรอกครับ คุณผู้หญิง” ร้อยเอกเจค คัทเตอร์ ส่งซิการ์มวนเรียวยาวขึ้นสู่ริมฝีปาก ดวงตาคู่สีน้ำเงินเปี่ยมไปด้วยไหวพริบเครียดเขม็งขึ้น จับตาดสถานการณ์ด้วยท่าทีเงียบสงบ ฝ่ามือที่สวมถุงเกี่ยวอยู่ตรงหูกางเกงใกล้ซองปืน

อปาเช่กลุ่มนั้นหยุดมาลงตรงเบื้องลานดินแคบ ๆ กลุ่มฝุ่นลอยตัวอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศ อปาเช่สี่คนลงจากหลังม้า เดินตรงเข้ามายังกระท่อมที่ใช้ใบไม้มุงเป็นหลังคา ซึ่งฮันน่ายืนอยู่โดยมีภรรยาสาวของร้อยโทสโลนยืนอยู่เคียงข้าง ส่วนโอฟีเลีย เบทเทนดอร์ฟ ภรรยาของพันเอกเบทเทนดอร์ฟ ยืนคล้อยไปทางเบื้องหลัง

มิสซิสสโลน ซึ่งเพิ่งจะเดินทางมาถึงถิ่นนี้ได้ไม่นานเปล่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตระหนกเบา ๆ เมื่อมองเห็นใบหน้าที่เปล่งแววเหี้ยมโหดของชาวอินเดียนแดงที่กําลังเดินเข้ามาใกล้ ขณะเดียวกัน ฮันน่าก็สังเกตเห็นว่า ทหารกลุ่มเล็ก ๆ ที่ติดตามมาให้ความอารักขาได้แยกตัวออกจากรถคันนั้นแล้ว เตรียมพร้อมที่จะให้ความคุ้มกันอย่างเต็มที่ ร้อยเอกเจค คัทเตอร์ ยังคงยืนในท่าเดิม กลิ่นซิการ์ลอยอวลประสมประสานอยู่กับฝุ่นที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศ

บนใบหน้าของอปาเช่เผ่านี้ ไม่มีสีอันเป็นสัญลักษณ์ของการประกาศสงครามเขียนไว้ และอาวุธที่พวกเขาถือมาก็มิได้อยู่ในลักษณะเตรียมพร้อม มิได้มีท่าทีข่มขู่ ฮันน่าดูจะคลายความวิตกลงมากเมื่อตระหนักว่า การอ่านสถานการณ์ของคัทเตอร์เมื่อครู่นี้ ตรงต่อความเป็นจริงอยู่มาก พวกเธอมิได้ถูกคนเผ่านี้โจมตี หรือเข้ามาจับตัว

ฮันน่าใช้ความพยายามอย่างยิ่ง ที่จะแสร้งทําเป็นไม่สนใจในการปรากฏตัวอย่างเงียบกริบของพวกอปาเช่ เบือนหน้าหนีสายตาของอินเดียนแดงกลุ่มนั้น ไปยังภรรยาสาวของร้อยโทริชาร์ด สโลน แทน

“เธอคิดว่า พวกอปาเช่เดาได้หรือคะว่าเธอเป็นคนที่มาอยู่ใหม่ คุณนายสโลน แล้วพวกมันก็เลยแสดงอะไรพรรค์อย่างนี้ให้ดู” น้ำเสียงเบา ๆ เหมือนจะปลอบใจสตรีผู้นั้นว่า ไม่มีอะไรจะต้องกลัว

“พวก...พวกมันเข้ามาทําไมคะนี่” รีเบคก้า สโลน แอบตัวอยู่ข้างฮันน่า เมื่อร่างของนักรบเผ่าอปาเช่เดินผ่านเข้ามาอย่างเฉียดชิด

ช่วงไหล่ของเขาค่อนข้างกว้าง อกลึก เปลือยร่างจนถึงช่วงเอว สีผิวราวทองแดงอาบด้วยละอองฝุ่น มีผ้าเตี่ยวพันไว้รอบเอว ชายด้านหน้ายาวลงจรดหัวเข่า สวมรองเท้าม็อคเคซินที่ตัดเย็บขึ้นมาจากหนังสัตว์ ใบหน้าที่ไม่อาจคํานวณอายุได้ ประกอบด้วยโหนกแก้มสูง บอกความอํามหิต และที่ทําให้ดูเหี้ยมเกรียมยิ่งขึ้นกว่านั้น ก็คือ แผลเป็นที่ถูกฟันด้วยมีดพาดอยู่บนซีกแก้มข้างขวา

แวบหนึ่งที่ความเคียดขึ้งได้ฉายฉาบขึ้นบนสีหน้าของอินเดียนผู้นั้น เมื่อเขาสังเกตเห็นความตระหนกที่ปรากฏอยู่ทั้งในแววตาและน้ำเสียงของรีเบคก้า สโลน และแล้วเขาก็เดินเฉียดสตรีทั้งสามเข้าไปในร้านขายของชําเล็ก ๆ อย่างหยาบคาย นักรบอีกสองคนตามติดมา และเดินผ่านหน้าฮันน่ากับเพื่อนไปในลักษณะเดียวกัน กลิ่นกายของคนเหล่านั้นฉุนนัก จนฮันน่าต้องยกผ้าเช็ดหน้าอบน้ำหอมขึ้นปิดจมูก ขณะนี้เธอไม่สามารถจะแยกแยะความรังเกียจที่มีต่อชนเผ่าที่เธอลงความเห็นว่าต่ำช้า โสโครก และเหี้ยมโหด ออกได้เลย เพราะดูเหมือนคนพวกนี้จะมิได้มีสิ่งใดคล้ายคลึงกับอินเดียนแดงที่ดี อย่างที่เธอเคยอ่านพบในหน้าหนังสือพิมพ์ก่อนที่จะเดินทางมาอยู่ที่นี่มาก่อน

“ตลอดเวลาที่ฉันออกมาอยู่ที่นี่กับผู้การ” เสียงมิสซิสเบทเทนดอร์ฟ ผู้น่านับถือพึมพําอยู่ใกล้ ๆ “มันก็นานมาแล้วละนะ แต่ฉันก็ยังทนไอ้คนพวกนี้ไม่ได้อยู่นั่นเอง”

ความประหวั่นยังฉายอยู่ในสีหน้าและแววตาของรีเบคก้า สโลน แต่เธอก็พยายามจะสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นไว้ ด้วยเกรงว่าจะเป็นการแสดงความวิตก และแสดงให้ภรรยาของผู้บังคับการเห็นว่าเธอไม่กล้า

“ฉัน...ฉัน ไม่เคยเห็นพวกอินเดียนแดงเผ่านี้มาก่อนเลยค่ะ” รีเบคก้าเอ่ยขึ้นอย่างแก้ตัว “นอกจากพวกกองสอดแนมที่ค่ายนั่น น่าตกใจมากจริง ๆ ที่พวกมันขี่ม้าเข้ามากันอย่างนี้”

“มันก็ทําให้เราตกใจกันทุกคนนั่นแหละ” มิสซิสเบทเทนดอร์ฟพูดราวจะรวมตัวเธอเข้าไว้ด้วย ซึ่งฮันน่าอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่า จะมีอะไรในโลกนี้ที่จะทําให้สตรีเหล็กอย่างเธอตกใจกลัวได้ โดยเฉพาะเมื่อมิสซิสเบทเทนดอร์ฟยืนหยัดอยู่เคียงข้างสามีเสมอ มีส่วนสนับสนุนทั้งในหน้าที่การงาน และเป็นผู้นําของภรรยานายทหารทั้งหลายที่ออกมาประจําการอยู่ที่ค่ายแห่งนี้ “เอาละ ตราบใดที่เจ้าตัวเหม็นพวกนั้นเข้าไปอยู่กันในร้าน ฉันก็เห็นจะไม่เข้าไปหรอก”

พูดจบเธอก็ยกชายกระโปรงหมุนตัวเดินตรงไปซุ้มไม้ที่อยู่ใกล้ เรือนร่างอ้วนๆ กลม ๆ เคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉงว่องไว “เธอควรจะหาเหยือกดินพวกนี้ไว้ใช้บ้างนะ คุณนายสโลน”

ฮันน่าเดินช้า ๆ ตามสตรีทั้งสองไป มิได้ตั้งใจฟังคําบรรยายถึงประโยชน์ในการใช้ภาชนะดินเผาชนิดนั้น ซึ่งสามารถจะรักษาน้ำให้เย็นชื่นอยู่ได้เสมอ และยังช่วยให้บรรยากาศโดยรอบเย็นได้ด้วยการระเหยช้า ๆ ของไอน้ำ ขณะนี้ความสนใจของเธอกําลังนั่งอยู่ที่นักรบเผ่าอป่าเช่ที่ถูกทิ้งให้ยืนรักษาการณ์อยู่ตรงเบื้องลานดินแห่งนั้น เธอรู้สึกทั้งรังเกียจ และสนใจในตัวเขาในเวลาเดียวกัน

เรือนร่างของคนพวกนี้ไม่สูงนักและผอมแกร่ง สวมเสื้อผ้าเท่าที่จะหาได้ สองคนสวมเสื้อและกางเกงหลวมโพรกตามแบบอย่างการแต่งกายของคนขาว ส่วนคนที่สามนั้น สวมกางเกงหนังสัตว์กับเสื้อเชิ้ตลายทาง ฮันน่าสังเกตเห็นว่า ออกจะร่างใหญ่กว่าคนอื่น ผมสีดําสนิทยาวลงมาประช่วงไหล่ ทุกคนมีผ้าคาดหน้าผากสีตกจาง นอกจากดวงตาที่ตื่นตัวอยู่ราวสัตว์ป่าระแวงไพร คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอยู่รอบกายแล้ว สีหน้าของทุกคนเฉยเมย ไม่ยินดียินร้ายต่อสิ่งใดทั้งสิ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel