ตอนที่ 1.3
“ก็คนนี้ไงที่ยอมเจ็บตัวเพื่อเป้าหมายบางอย่าง”
“คุณน้าคะ”
ชามาเรียกเขาพร้อมกับทำหน้าหงุดหงิด ทำให้ธรรศค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาก่อนจะวางมือลูบศีรษะของหลานสาวคนเดียวของเขา
“เอาเถอะ อาจะเป็นคนออกค่ารักษาพยาบาลให้เอง ชามากลับไปพักได้แล้วนะ”
ธรรศบอกกับชามาแต่ชามากลับส่ายหน้า
“ชาจะไม่ไปไหนทั้งนั้นค่ะ ชาจะอยู่กับพี่เขา ชาจะให้พี่เขามาอยู่กับชา มาเป็นเพื่อนของชาไปไหนมาไหนกับชา มาเป็นฝาแฝดกับชาค่ะ”
“ไม่ได้อย่างเด็ดขาดชามา น้ายอมไม่ได้”
ธรรศยืนยันด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่จริงจัง เมื่อเห็นแววตาและสีหน้าของน้าก็ทำให้ชามาเริ่มหวั่นเกรงขึ้นมา
“งั้นชาก็ไม่กลับค่ะ ไม่ไปไหนทั้งนั้นตราบใดที่คุณน้ายังไม่อนุญาตให้พี่เขาทำงานด้วย”
“ฉันไม่ทำค่ะ”
ก่อนที่ธรรศจะปฏิเสธ ญภาก็พูดแทรกขึ้นมากลางคัน
“พี่คะแต่ชาชอบพี่นะคะ ชาอยากมีเพื่อนที่สามารถปกป้องคุ้มครองชาได้ ถ้าไม่ติดว่าพวกนั้นมีมาหลายคน ชามั่นใจว่าพี่สามารถเอาชนะพวกมันได้สบาย”
ชามาแย้งแล้วมองหน้าญภา
“ตกลงนะคะคุณน้า รับพี่เขาทำงานนะคะ ถ้าคุณน้าไม่รับ..”
ธรรศมองหน้าญภานิ่ง ในใจเขายังไม่เชื่อสนิทนักว่าญภาจะไม่มีอะไรแอบแฝง เขาไม่เชื่อความบังเอิญ เพระคนสมัยนี้สามารถทำอะไรได้หลายรูปแบบเพียงเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย เขาอยากรู้ว่า แท้จริงแล้วญภามีจุดประสงค์อะไรกันแน่
“แต่น้าว่าผู้หญิงที่มีรูปร่างหน้าตาราวกับคนติดยาแบบนี้..”
“ถึงฉันจะมีรูปร่างหน้าตาแบบนี้แต่ฉันสามารถทำงานได้ดี ฉันได้เกรดเอทุกกระบวนวิชา ได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง คนอย่างคุณเป็นผู้บริหารประสาอะไร ยังไม่ทันได้ดูประวัติหรือแม้แต่วุฒิการศึกษาก็ปฏิเสธ คุณตัดสินคนจากรูปร่างหน้าตา นี่น่ะหรือนักบริหาร”
ญภาท้วงติงทำให้ธรรศมองหน้าเธอนิ่ง
“ผมไม่สนใจนักหรอกนะไอ้วุฒิการศึกษา เพราะสมัยนี้มันปลอมกันได้ ผมดูที่หลักของความเป็นจริง”
“ความน่าจะเป็นมากกว่า คุณใช้อารมณ์ร่วมกับความคิดของเด็กอนุบาลมาตัดสิน ไม่ได้ใช้หลักการของเหตุผลเลยสักนิด ฉันไม่ต้องการทำงานร่วมกับคนอย่างคุณหรอก”
ญภาตอกกลับ
“พี่คะ”
เมื่อได้ยินญภาพูดแบบนั้นชามารู้สึกใจหาย
“ได้ยินแล้วใช่ไหมชามา ไปกลับบ้านน้าจะให้คนไปส่ง”
“ไม่ค่ะ”
“ชามาอย่าดื้อกับน้านะจ๊ะ”
“ชาถูกชะตากับพี่สาวคนนี้นี่คะ ชาชอบเขาค่ะ”
ธรรศขบกรามแน่นเมื่อได้ยินหลานสาวพูดแบบนั้นประกอบกับเมื่อเขาได้มองเห็นท่าทางที่ดูเย่อหยิ่งจองหองของญภาก็ยิ่งไม่พอใจและเขายังรู้สึกว่าหลานสาวคนเดียวของเขาอาจจะชอบผู้หญิงด้วยกัน ซึ่งทำให้เขายิ่งกลัดกลุ้ม และก็ได้แต่หวังว่าชามาอาจจะเปลี่ยนได้ในอนาคต
หลังจากที่ชามายืนยันหนักแน่นว่าอยากได้ญภามาอยู่กับตน ก็ทำให้ธรรศไม่สามารถจะขัดใจหลานสาวได้เพราะเขาทั้งรักและห่วงใยหลานสาวคนเดียวนี้ เนื่องจากเขาเป็นคนดูแลชามา นอกจากรักและห่วงใยแล้ว ธรรศยังหวงแหนชามาเป็นอย่างมากอีกด้วย
แต่ว่าญภาเองนั้นก็ยังอดกังขาในความรู้สึกของธรรศไม่หาย ใจหนึ่งก็อยากทำงานเพราะรู้สึกเอ็นดูชามา เนื่องจากญภาเคยมีน้องสาวแต่น้องสาวได้เสียชีวิตไปเนื่องมาจากโรคประจำตัวทำให้เธอนึกถึงน้องสาวทันทีที่ได้เห็นหน้าชามาใกล้ ๆ ประกอบกับด้วยวัยของชามานั้นก็ใกล้เคียงกับน้องสาวของเธอมาก
“อย่าลำพองไปนักนะ ที่ผมรับคุณเข้าทำงานไม่ได้หมายความว่าผมไว้ใจคุณ ตราบใดที่คุณยังพิสูจน์ตัวตนไม่ได้ว่า ไม่ได้มีแผนการร่วมกับวัยรุ่นกลุ่มนั้นเพื่อจะเข้ามาทำงานกับผม ผมไม่มีวันไว้ใจคุณเป็นอันขาด ผมจะให้คุณอยู่ในสายตาของผมตลอดเวลาจำไว้”
ธรรศบอกกับญภาเมื่อมารับเธอออกจากโรงพยาบาล ในขณะที่ญภาก็ไม่ได้ถูกชะตากับเขานัก ทำให้เธอเสียดายและเสียใจในช่วงเวลาแม้เพียงเศษเสี้ยววินาที ที่เธอได้มองเห็นผู้ชายรูปหล่อที่หาชายใดที่เธอเคยพบเปรียบเทียบไม่ได้ ในนาทีที่เธอเข้าไปสมัครงานแล้วได้พบเขา ชายหนุ่มผู้มีดวงตาที่ส่งกระแสพลังที่สามารถสะกดได้ทุกสายตาเมื่อได้สบตาเขา
ชายหนุ่มที่มีรูปร่างสุดเซ็กซี่ เขาหาที่ติไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเขาเหมือนอาบด้วยมนต์สะกดที่ทุกคนได้เห็นจะต้องจ้องมองด้วยความเผลอไผลหลงใหล
ซึ่งตรงกันข้ามกับธรรศ ทันทีที่เขาได้มองเห็นญภา ภาพลักษณ์ที่มอมแมมไม่เจริญหูเจริญตา เขาก็รู้สึกไม่ชอบหน้าเธอขึ้นมาทันที เนื่องด้วยธรรศเป็นคนรักความสะอาดและพิถีพิถันในเรื่องการแต่งกายมาก จึงทำให้เขาปฏิเสธที่จะรับเธอเข้าทำงานเป็นเหตุให้ความรู้สึกแรกพบของญภาเปลี่ยนไป
“ฉันก็ไม่ได้อยากทำงานกับคุณสักเท่าไหร่ถ้าไม่ติดว่าคุณชามาต้องการฉัน ฉันจะไม่อยู่อย่างเด็ดขาด”
ธรรศมองสบตาคมหวานของเธอพลางขบกรามแน่น
“พี่ญภาคะ ไปกันเถอะค่ะ ไปบ้านของชานะคะ ชาให้คนจัดห้องให้พี่ญภาใกล้ ๆ ห้องของชาแล้วค่ะ”
ชามาเดินเข้ามากอดแขนของญภาด้วยใบหน้าที่สดใสก็ทำให้ธรรศยิ่งกลัดกลุ้ม
“ไปค่ะ”
ญภาตวัดสายตามามองหน้าธรรศพลางคลี่ยิ้มที่มุมปากเมื่อเดินผ่านหน้าเขา แล้วเข้าไปนั่งในรถคู่กับชามา โดยมีธรรศนั่งรถอีกคันตามไป
ทันทีที่รถเลี้ยวเข้ารั้วบ้านหลังใหญ่โอ่อ่าของชามา ทุกสายตาก็ต้องมองเห็นหญิงวัยสี่สิบห้าที่ดูสวยทั้งหน้าตาและการแต่งกายที่บ่งบอกถึงรสนิยมที่ดี
“ไหนล่ะบอดี้การ์ด”
น้ำเสียงเล็กแต่ฟังดูมีอำนาจดังขึ้น เมื่อชามาก้าวลงจากรถ
“นี่ไงคะแม่ขา พี่ญภา”
ชามารีบกอดแขนญภาให้เดินตรงไปหาเพ็ญรตี ซึ่งยังดูสาวและสวยงามดูสง่าโดดเด่น แม่ของตนทันที แต่เพ็ญรตีกวาดสายตามองสำรวจดูญภาที่มีรูปร่างผอมเกร็งและผิวคล้ำ ผมเผ้ายาวรุงรังสวมใส่เสื้อผ้าราคาถูก ด้วยสายตาที่หยามหมิ่นจนญภารู้สึกอับอายขึ้นมาทันที
“นี่น่ะหรือ”
เพ็ญรตีสยายยิ้มก่อนจะกลายเป็นเสียงหัวเราะ
“นี่คุณมาดูอะไรนี่สิคะ”
เจ้าหล่อนหันข้างพร้อมกับเรียกใครคนหนึ่งให้เดินออกมา ซึ่งเขาคนนั้นก็แสนจะว่าง่าย เพียงแค่หล่อนร้องเรียกเขาก็เดินออกมาหา แต่ทว่าทันทีที่ญภาได้มองเห็นใครคนนั้นหัวใจของเธอก็เบาหวิวและเจ็บสะท้านราวกับว่าบาดแผลที่เคยถูกทารุณกรรมจากอดีตถูกขยี้ซ้ำอย่างหนักหน่วง
เธอหันหลังให้ทันทีเมื่อมองเห็นหน้าใครคนนั้นอย่างชัดเจนพร้อมกับเดินออกมาหมายจะไปให้พ้นจากตรงนั้น แต่ธรรศก็วางฝ่ามือใหญ่สะอาดรวบข้อมือเรียวของเธอไว้แน่นเมื่อเขาเดินตามเข้ามาพร้อมกับมองหน้าหวานของเธอที่เผือดซีด
“จะไปไหน”
เขากระซิบถามแต่เธอไม่ตอบนอกจากวางมืออีกข้างหมายจะปัดมือใหญ่ของเขาให้หลุดจากการจับกุมข้อมือเรียวเล็กของเธอ แต่ธรรศกลับบีบกระชับให้แน่นมากขึ้น
“สภาพแบบนี้หรือธรรศที่เธอจะให้มาเป็นบอดี้การ์ดให้ชามา หาดีกว่านี้ไม่ได้แล้วหรือจ๊ะธรรศ”
เพ็ญรตีพูดกลั้วหัวเราะสายตายังคงระรานทางด้านหลังของญภาไม่ห่าง ในขณะที่พรยศสามีใหม่ของเพ็ญรตีรู้สึกคุ้นตากับบุกคลิกลักษณะของญภามาก แม้จะเห็นเพียงด้านหลังก็ตาม
“พี่ว่ามันน่าจะถึงเวลาที่ธรรศควรจะพาชามาไปอยู่ด้วยแล้วนะจ๊ะ”
“พี่รตี!”
“แม่คะ!”
“คุณ!”
ทั้งธรรศ ชามาและพรยศต่างหันไปมองหน้าเพ็ญรตีแทบเป็นตาเดียว ในขณะที่เจ้าหล่อนยกมือกอดอกเชิดหน้าขึ้น
“ไปอยู่กับคุณน้าของเธอเถอะนะชามา”
เพ็ญรตียืนยันแต่ชามากลับมองหน้าพรยศ
“ไม่นะคะ คุณอายศขาอย่าให้คุณแม่ไล่ชาเลยนะคะ”
ชามาขอร้องพร้อมมองหน้าพรยศด้วยสายตาวิงวอน ซึ่งสายตานั้นยิ่งทำให้เพ็ญรตีรู้สึกไม่ชอบใจมากขึ้น
“นั่นสิครับ ให้ชามาอยู่ที่นี่เถอะครับ”
พรยศเอ่ยออกมาพร้อมกับมองหน้าเพ็ญรตี
“ฉันไม่ได้ให้คุณออกความคิดเห็นนะคะคุณยศ”
เมื่อเพ็ญรติเอ่ยออกมาแบบนั้นทำให้ญภาค่อย ๆ หันข้างไปชำเลืองสายตาดูหน้าพรยศซึ่งเขาก้มหน้างุดแล้วถอยห่างไปยืนอยู่เยื้องทางด้านหลังของเพ็ญรติอย่างว่าง่าย
“ อย่างที่พี่บอกเธอนะธรรศ มันถึงเวลาแล้วที่เธอควรจะพาชามาไปอยู่กับเธอ เธอสามารถเลี้ยงดูชามาได้ดีกว่าพี่และที่สำคัญ บ้านนี้ไม่สะดวกที่จะรับคนเพิ่ม หากว่าเธอจะให้ชามามีบอดี้การ์ด ก็น่าจะอยู่บ้านที่ใหญ่โตของเธอมากกว่า”
“ก็ได้ครับพี่”
ธรรศรับปากพร้อมกับมองหน้าชามา
“ไม่นะคะคุณน้า”
“บ้านน้าก็อยู่ถัดไปนี่เองนะจ๊ะชามา ไปเถอะจ้ะ”
ธรรศปลอบโยนชามาแล้วก็จับมือของเธอไว้ ในขณะที่ชามาตวัดสายตาไปมองหน้าพรยศด้วยความอาลัยอาวรณ์จนเพ็ญรตีรู้สึกหน้าร้อนผะผ่าวขึ้นมากับสายตาของชามาที่มองสามีใหม่ของตน
“เข้าบ้านเถอะคุณยศ”
เพ็ญรตีร้องบอกพรยศพร้อมกับจับมือของเขาให้เดินตามตนเองเข้าไปท่ามกลางสายตาของชามาที่ยังคงเฝ้ามองตามร่างของพรยศ ชายหนุ่มวัยยี่สิบหกปีที่มีรูปร่างแข็งแรงกำยำ เจ้าของผิวสีแทนที่ดูคมเข้ม ในขณะที่ญภานั้นเธอรู้สึกเจ็บร้าวไปทั่วทั้งร่างเพียงแค่ได้เห็นเขา ได้ยินเสียงเขา ผู้ชายที่ยังอยู่ในความทรงจำของเธอ
ผู้ชายที่ทำทารุณกรรมทางจิตใจให้กับเธอ ฝากแผลเป็นปื้นมหึมาไว้ในหัวใจของเธอจนไม่สามารถจะทำการรักษาเยียวยาให้หายได้ ความเจ็บปวดนั้นมันถูกตอกย้ำอีกครั้ง จนเธอแทบจะไม่อาจทรงกายยืนหยัดอยู่ได้..
ทันทีที่ธรรศยอมปล่อยข้อมือของเธอออก ร่างบางระหงก็ทรุดฮวบลงไปกองอยู่แทบพื้นทันที
“พี่ญภาคะ!”
ชามาร้องเรียกด้วยความตกใจ แต่ธรรศรีบช้อนร่างบางของญภาแล้วพามาวางลงในเบาะหลังรถของเขาจากนั้นก็ขับเลยไปยังบ้านส่วนตัวของเขาที่ใหญ่โตโอ่อ่าสวยงามอย่างอลังการด้วยสไตล์การก่อสร้างประยุกต์และผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน จึงดูสวยงามและโดดเด่น