ตอนที่ 2.1
ดวงตากลมโตคมหวานที่เจือแววเศร้า ค่อย ๆ ขยับลืมขึ้น สิ่งแรกที่เธอได้เห็นหลังจากหมดสติแล้วตื่นขึ้นมาคือเพดาน ห้องก็รีบหลับตาลงทันทีเพราะในใจกำลังหวาดกลัวว่าจะอยู่ที่โรงพยาบาล และที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ เธอไม่อยากคิดว่า มันอาจจะมีเข็มน้ำเกลือปักอยู่ในเส้นเลือดที่แขนของเธอข้างใดข้างหนึ่ง
ญภาเริ่มได้สติในตอนค่ำของวันแรกที่เธอออกจากโรงพยาบาลและเข้ามาเหยียบคฤหาสน์ที่สุดแสนโอ่อ่าอลังการ ในรั้วเดียวกันแต่มีบ้านหลังงามอยู่ 2 หลัง หลังแรกคือบ้านของเพ็ญรตี และหลังนี้ที่อยู่ถัดมาด้านในทว่าหรูหราโดดเด่นด้วยการก่อสร้างที่เลียนแบบปราสาท ราชวังในต่างประเทศ
“ที่นี่บ้านของผม ไม่ใช่โรงพยาบาล ไม่ต้องกลัว ในเมื่อรู้สึกตัวแล้วก็ลืมตาแล้วฟังกฎกติกาของการอยู่ร่วมกันในบ้านหลังนี้พร้อมกับภาระหน้าที่ ที่คุณต้องเริ่มนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป”
น้ำเสียงทุ้มดังกังวานขึ้นทำให้ญภารีบลืมตาขึ้นก่อนจะลุกพรวดราวกับจะกระโดดลงจากเตียงในห้องที่ตกแต่งในสไตล์มินิมอล สีสันในห้องเป็นสีเรียบไม่ฉุดฉาด เฟอร์นิเจอร์ในห้องขนาดกลางมีไม่มากนัก ผนังห้องล้วนเป็นกระจกใสที่สว่างสบายตา
“งานชิ้นแรกนับตั้งแต่วินาทีนี้ คือการดูแลชามาแทบจะทุกฝีก้าวแล้วรายงานให้ผมทราบทุกระยะ และ ต้องดูแลชามาตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน แล้วก็จะต้องทำตัวเหมือนเงาของชามา ห้ามให้ชามาตกอยู่ในอันตรายใด ๆ โดยเฉพาะ”
ญภาเงยหน้ามองสบตาคมเข้มของธรรศ เธอบอกตนเองว่า หากไม่ติดว่าไม่ชอบหน้าเขาที่คิดไม่ดีกับเธอ เรื่องการวางแผนเข้าทำงานและปฏิเสธเธอตั้งแรกพบ เธออาจจะเผลอมองเขานานกว่านี้ เพราะเขาหล่อสะอาด ดูสุขุมลุ่มลึกและมีรูปร่างที่เซ็กซี่มีเสน่ห์ ดูแข็งแรงสังเกตจากกล้ามเนื้อที่สวยของเขาแสดงให้รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีนิสัยชอบการออกกำลังกาย
“ไม่ว่าชามาจะคบหาหรือพูดคุยกับผู้ชายคนไหน คุณจะต้องรู้เรื่องการสนทนานั้น ๆ ด้วยแล้วรายงานผม”
“นี่เจ้านาย ฉันเป็นคนนะคะไม่ใช่แมลงหวี่ ถึงจะต้องไปรู้แม้กระทั่งบทสนทนาของคนที่ต้องการคุยกันเพียงลำพัง ถ้าฉันทำแบบนั้นเขาจะได้หาว่าฉันเผือกน่ะสิ”
ญภาแย้ง
“มันคืองานที่คุณต้องทำ หากทำไม่ได้..”
“ฉันรู้น่ะ ยังไม่ได้บอกสักคำว่าทำไม่ได้”
ญภาแย้งอย่างรู้เท่าทัน
“นอกจากเงื่อนไขทั้งหมดนั้นแล้ว มีอีกสองเรื่องที่สำคัญอย่างมาก”
ธรรศมองหน้าของเธอ แม้จะดูเผิน ๆ ว่างั้น ๆ ครั้นพอมองจริง ๆ มองตรง ๆ เขากลับพบว่า ผู้หญิงสาวตรงหน้าของเขามีความสวยงามไม่น้อย ตาหูคิ้วคางจมูกปาก เธอดูสมสัดส่วน ราวกับงานปั้นที่ช่างฝีมือบรรจงจับส่วนต่าง ๆ ของเครื่องหน้ามาวางลงอย่างเหมาะเจาะ ดูงดงามอย่างล้ำค่า
ถ้าไม่ติดกับผมเผ้าที่ยาวรุงรังด้วยการดัดหยิกแล้วไม่ให้ความสนใจ เพียงแค่สะบัด ๆ ก็ใช้ได้ โดยไม่ต้องหวี หากได้รับตัดแต่งหวีให้เรียบร้อย สวมใส่เสื้อผ้าที่ดูดีมีราคาอีกนิด เธอคงจะสวยอย่างหาผู้หญิงคนไหนเปรียบไม่ได้เช่นกัน
“คุณต้องฝึกซ้อมการต่อสู้ เพื่อเพิ่มทักษะการป้องกันตัวแบบปู ๆ ปลา ๆ เพราะถ้าคุณได้เรียนรู้การป้องกันตัว นอกจากคุณจะป้องกันตนเองได้ คุณยังสามารถป้องกันชามาได้ด้วย”
ญภากำลังจะขยับปากพูด แต่เขากลับยกนิ้วชี้ข้างขวาแตะลงที่ปากของเธอพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้อีกนิด ก่อนจะกวาดสายตามองดูเรือนกายที่ผอมบางของเธอ
“คุณจะต้องเพิ่มน้ำหนักขึ้นอีกห้ากิโลกรัม”
“อะไรนะ? นี่ฉันจะต้องทำถึงขนาดนั้นเลยหรืองานนี้น่ะ”
ธรรศพยักหน้าช้า ๆ
“ใช่ เพราะทุกอย่างล้วนเกี่ยวกับการดูแลหลานสาวของผมทั้งสิ้น อ้อ ทรงผมดัดหยิกเป็นยายเพิ้งนี่ เปลี่ยนซะ”
ญภายกมือคลำศีรษะ
“มันไม่มากไปหน่อยหรือคะ งานนี้มันกินความเป็นส่วนตัวของฉันไปเกือบหมด ฉันไม่ทำดีกว่า”
“ได้ แต่..”
ธรรศคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อมองสบตาคมกลมโตของเธอ
“ต้องจ่ายค่าเสียหายมาก่อน ทั้งที่โรงพยาบาล และค่าฝุ่นที่ติดเท้าคุณในการเหยียบเข้ามาในบ้านผม”
ญภาเชิดหน้าขึ้น
“ได้ ฉันจ่ายให้”
“สิบล้าน”
“หา!”
เมื่อญภาได้ฟังมูลค่าความเสียหายที่ธรรศเรียก เธอก็ต้องเบิกตากว้าง
“เดี๋ยวนี้ จ่ายมาแล้วไปได้ หากไม่มี คุณต้องทำตามเงื่อนไขของผมทุกอย่าง”
ญภากำมือแน่น
“ฉันจะเอาที่ไหน ทั้งเนื้อทั้งตัวฉันตอนนี้มีไม่ถึงห้าร้อยด้วยซ้ำ และอีกอย่าง ฉันไม่ยอมจ่ายให้คุณแน่ แม้แต่สตางค์เดียวก็อย่าหวัง เรื่องอะไรทำคุณบูชาโทษ ฉันช่วยหลานคุณแท้ ๆ นอกจากไม่สำนึกบุญคุณ นี่อะไรคุณจะเรียกค่าขี้ฝุ่นที่ติดเท้าฉันเนี่ยนะ บ้าบอคอแตก ฉันไม่เคยพบไม่เคยเห็น”
“ผมจะนับหนึ่งถึงสิบ หากคุณไม่มีเงินให้ผมสิบล้าน คุณต้องทำตามกฎกติกาของผม”
ญภาส่ายหน้าไปมองเธอเหลียวมองหากระเป๋าของเธอ
“กระเป๋าฉันอยู่ไหน”
“1..2..3”
แทนที่ธรรศจะตอบ เขากลับนับเลขที่เขากำหนดขึ้นมาทำให้ญภารู้สึกหงุดหงิดหนัก เธอพยายามค้นหากระเป๋าของเธอแต่ก็หาไม่พบ
“4..5..6”
ธรรศก็ยังคงนับต่อไป
“กระเป๋าฉันล่ะ”
7..8..9..”
เมื่อธรรศยังคงนับต่อก็ทำให้ญภาทรุดกายลงนั่งที่เตียงแล้วมองหน้าเขา
“10”
ธรรศคลี่ยิ้มออกมา เหมือนต้องการจะเยาะเย้ยเธอที่เขาเป็นฝ่ายชนะ แต่ว่าทันทีที่เขาคลี่ยิ้มเผยให้เห็นไรฟันที่ขาวสะอาดเข้าแถวเรียงรายกันอย่างมีระเบียบก็ทำให้ญภาต้องนิ่งอึ้งเผลอมองดูรอยยิ้มที่สวยอย่างน่าประทับใจของเขาราวกับตกอยู่ในภวังค์
เธอบอกตนเองว่า ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนยิ้มสวยได้เท่าเขามาก่อนเลย เมื่อรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเรียบขรึมหล่อสะอาด มันทำให้ใบหน้าที่เข้มขรึมนั้นดูอ่อนเยาว์และน่ามองมากขึ้น
“สรุปคุณต้องทำตามเงื่อนไขของผม แต่ว่า”
ธรรศมองหน้าเธอนิ่ง เมื่อรอยยิ้มได้อันตรธานหายไปจากใบหน้า
“ผมยังไม่เชื่อใจคุณ ผมมั่นใจว่าคุณต้องมีจุดประสงค์อะไรสักอย่างที่อยากจะเข้ามาทำงานที่นี่ ถึงขนาดวางแผนยอมเจ็บตัวเพื่อเรียกคะแนนความสงสารจากชามา”
“นี่สรุปว่าคุณยังปักหลักเชื่อว่าฉันสร้างแผนการบ้าบอนั่นขึ้นมาอยู่ใช่ไหม”
ญภามองหน้าเขา ชนิดที่เรียกว่าตาต่อตา ไม่ยอมเมินหลบแม้แต่วินาทีเดียว
“ฝนหยดลงหัวเพียงหนึ่งหยด ก็อาจจะเปลี่ยนคนคนหนึ่งได้ แล้วจะเชื่อใจคนได้อย่างไร”
ธรรศสวนกลับทำให้ญภากำมือแน่น
“คุณเองก็ควรจะสำรวจใจตนเองด้วยเหมือนกัน ว่าเพราะอะไรถึงคิดอะไรแบบนั้น คุณมีอะไรดีที่ฉันถึงขนาดจะต้องวางแผนเพื่อเข้ามาทำงานด้วย เพราะฉันก็มั่นใจว่า ตั้งแต่ฉันเกิดมาก็เพิ่งเคยพบหน้าคุณครั้งแรกแล้วฉันจะหาจุดประสงค์อะไรเพื่อเข้ามาที่นี่”
“มันอาจจะไม่ใช่ผม ที่เป็นเป้าหมายของคุณ”
ญภาเม้มปากแน่น แต่ว่าคำพูดของเขาก็ทำให้เธอนึกถึงพรยศขึ้นมา ซึ่งเธอก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้ว่า ผู้หญิงที่พรยศเลือกที่จะคว้าไว้แทนการแต่งงานกับเธอคือพี่สาวของธรรศ หากธรรศรู้เรื่องนี้ เขาจะต้องคิดว่าเธอวางแผนเพื่อจะเข้ามาอยู่ใกล้ ๆ พรยศหรือไม่ก็เข้ามาเพื่อแก้แค้นเพ็ญรตีกับชามาอย่างแน่นอน
“คืนนี้คุณก็พักผ่อนซะ พรุ่งนี้เริ่มงานแต่เช้า”
ธรรศพูดตัดบทเมื่อเห็นอาการนิ่งงันของเธอ จากนั้นเขาก็เดินออกไปจากห้องนั้นพร้อมปิดประตูลงอย่างเบามือ
“ผู้ชายที่มีบุคลิกใส่ใจต่อผู้อื่นอย่างคุณ ทำไมถึงดูเย็นชากับผู้หญิงนัก หรือเป็นเพราะฉันไม่สวย คุณเลยจ้องจะเล่นงานฉัน..”
ญภากัดริมฝีปากไว้แน่น
“ถ้าฉันสวยเหมือนเดิมแล้ว ถึงเวลานั้นอย่ามาตกหลุมรักฉันก็แล้วกัน”
เธอคิดในใจก่อนจะมองสำรวจไปรอบห้องกว้าง ที่ดูเรียบง่ายแต่สะอาดและโปร่งตา แต่ว่าทันทีที่เธอมองผ่านกระจกไป ก็เห็นบ้านอีกหลังซึ่งเธอจำได้ว่า มันคือบ้านที่พรยศอยู่กับผู้หญิงที่เขาเลือก และผู้หญิงคนนั้นก็คือแม่ของชามา หลานสาวของคนที่ว่าจ้างเธอ
“คนสารเลว ทำไมคุณถึงทิ้งฉันให้อับอายขายขี้หน้า แล้วทำไมมาตามหลอกหลอนฉันถึงที่นี่”
ญภาคิดในใจ แต่สายตาของเธอยังคงจ้องมองไปยังบ้านหลังนั้น เธอไม่เข้าใจตนเองเหมือนกันว่า ทำไมต้องอ่อนแอขนาดนั้นเพียงแค่ได้เห็นชายชั่วอย่างพรยศ เธอปล่อยให้เขาทารุณหัวใจของเธอมานานแล้ว ทำไมยังไม่สามารถกำจัดเขาออกไปจากใจได้ ทั้งที่เธอบอกตนเองว่า เธอจะเกลียดเขาให้เข้ากระดูกดำ
“หากฉันรู้ว่ามันจะกลายมาเป็นจุดไต้ตำตอแบบนี้ ฉันคงไม่คิดมาสมัครงานที่นี่ ฉันจะได้ไม่ต้องมาสะกิดแผลที่กำลังจะหายให้พุพองขึ้นมาอีก”
ญภาระบายลมหายใจออกมาแผ่ว ๆ เมื่อเธออดนึกถึงวันชื่นคืนสุขกับความรักที่สมหวังสมปรารถนาสมการรอคอย หลังจากที่คบหากับพรยศมาสองปีเต็ม พรยศแสดงให้เธอเห็นว่าเขาจริงใจและรักเธอมากที่สุด ครั้นพอถึงวันแต่งงานซึ่งทุกอย่างตระเตรียมไว้พร้อมสรรพ พรยศกลับหายเข้ากลีบเมฆไป
ทิ้งให้เธอเป็นแม่สายบัวแต่งตัวรอเก้อท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทา จนเธออับอายเกินกว่าจะอยู่ที่บ้านได้ จำต้องออกมาล้างใจด้วยการพยายามลืมพรยศ ไม่สนใจไม่คิดถึงและไม่พยายามจะกลับไปยังที่ที่เธอกับเขาเคยไปไหนมาไหนด้วยกัน
“หากฉันรู้ว่า ผู้หญิงที่คุณเลือกที่จะคว้าไว้คือพี่สาว คือแม่ของเจ้านายฉัน ไม่มีวันที่ฉันจะมา”
ญภาเงยหน้าขึ้นพลางหลับตาลงอย่างหนักจนเปลือกตาบีบลูกนัยน์ตาแน่น ความคับข้องใจ ความชิงชัง ความสับสนมันแล่นปราดเข้ามาในความรู้สึกของเธอในบัดดล มันเหมือนคำโบราณที่ว่า อยู่คนเดียวระวังความคิด เวลานี้เธอเกิดจินตนาการผสมผสานกับความเจ็บช้ำในอดีตขับเคลื่อนความรู้สึกและความคิดให้ร่องรอยออกไปจนลืมที่จะฉุดรั้งกลับมา