4
ยามเช้าขบวนเจ้าสาวของคนสกุลรั่วใกล้ถึงแถบชายแดนเหนือแล้ว หญิงสาวนั่งในรถม้ายิ้มไม่หุบที่คิดแผนการให้เหล่าโจรภูเขาทำทีไปข่มเหงปันเสี่ยวหรานเล็กน้อย ให้นางอับอาย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ รั่วหนานก็ได้เป็น ฮูหยินใหญ่ของท่านแม่ทัพคนเดียว ไม่ต้องแบ่งสามีให้สตรีคนใดอีก ขบวนเจ้าสาวหยุดกะทันหัน
“เกิดอะไรขึ้น”
“บุรุษชุดดำขวางทางเราไว้เจ้าค่ะ” เสี่ยวเถารายงานเจ้านาย
สภาพบุรุษชุดดำสะบักสะบอมยิ่งนัก
“คุณหนูใหญ่ ข้าทำงานไม่สำเร็จขอรับ” บุรุษชุดดำเอ่ยขึ้น ดวงหน้างามไม่พอใจที่งานไม่สำเร็จ ให้เสี่ยวเถาโยนถุงเงินให้ชายผู้นั้น ไม่เป็น นางไปถึงจวนก่อนยังไงนางก็มีสิทธิ์จะเป็นฮูหยินใหญ่ของเขา การหาทางกลั่นแกล้งสตรีอย่างปันเสี่ยวหรานยังมีหนทางอีกมากมาย…
ขบวนเจ้าสาวสกุลปันมาถึงหน้าประตูเมืองเหนือแล้ว เมื่อคืนนางนอนในรถม้าเร่งให้องครักษ์เดินทางอย่างเร่งด่วน หญิงสาวเปิดม่านดู เมืองเหนือเต็มไปด้วยหิมะจริง ๆ ประตูเมืองสีแดงเปิดออกเหล่าทหารหน้าประตูเมืองอนุญาตให้ขบวนเจ้าสาวเข้าไปได้ หญิงสาวกวาดสายตามองร้านค้าในตัวเมืองพบว่า พวกเขาไม่ค่อยตั้งแผงขายของกันเท่าไร คนในเมืองนี้น้อยเสียเหลือเกิน แทบจะไม่มีผู้คนเดินผ่านตามตรอกซอย ที่แห่งนี้ช่างทุรกันดารนัก ผ้าม่านถูกปิดลงนางถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป ขบวนเจ้าสาวของนางมาหยุดที่หน้าจวนของท่านแม่ทัพเซียวอี้แล้ว ดูเหมือนรั่วหนานมาถึงก่อนนางแล้วกระมัง เสี่ยวฮัวประคองเจ้านายลงจากรถม้า
เจ้าสาวในชุดสีแดงเพลิงก้าวผ่านธรณีประตูเข้าไปในงานแต่ง เสียงแขกเหรื่อดังขึ้น ทุกคนต่างมองเจ้าสาวคนที่เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่
“เรียนคุณหนูใหญ่ปัน ท่านแม่ทัพได้เข้าพิธีกีบคุณหนูใหญ่รั่วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านมามิทันพิธี ท่านแม่ทัพให้คุณหนูใหญ่ เข้าพิธีกับไก่แทน”
แขกเหรื่อในงานต่างเงียบฟังบทสนทนา รองแม่ทัพจิน
หยวนเอ่ยกับเจ้าสาวอีกคน
มืองามกำแน่น บุรุษผู้นี้ชักจะดูถูกนางเกินไปแล้ว เพิ่งก้าวผ่านธรณีประตูมาก็ให้นางแต่งกับไก่เสียแล้ว ช่างไม่ไว้หน้ากันเสียเลย
“บ้ารึไง คุณหนูของข้าเป็นถึงบุตรสาวท่านโหว จะให้แต่งกับไก่แทนได้อย่างไร” เสี่ยวฮัวโวยวายกับรองแม่ทัพจินหวาย
จากนั้นเสียงของแขกเหรื่อในงานต่างวิจารณ์กันอย่างสนุกปาก
“ช่างสงสารเจ้าสาวโดยแท้ ที่แต่งกับไก่”
“นางน่าสงสารมาก”
“ท่านแม่ทัพก็เกินไปเสียจริง”
“เจ้าค่ะ เริ่มพิธีเถอะ” นางอยากพักผ่อน ทุกคนไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าสาวจะยอมเข้าพิธีกับไก่ แขกเหรื่อต่างอ้าปากค้าง
“คุณหนู” เสี่ยวฮัวมองเจ้านาย แล้วเหลือบมองรองแม่ทัพอย่างชิงชัง
“ข้ามิเป็นไร” ปันเสี่ยวหรานนางทนได้ นางไม่รู้ว่าตนไปสร้างความขุ่นหมองอันใดให้ท่านแม่ทัพ เขาถึงได้แกล้งนางให้อับอายถึงเพียงนี้ จินหยวนเองไม่คิดว่าท่านแม่ทัพใหญ่จะหักหน้าฮูหยินอีกคนด้วยการให้แต่งงานกับไก่
บุรุษชุดแดงยืนหลบมุมเสายกยิ้มขึ้นเล็กน้อย นี่แค่บททดสอบแรก ที่เจ้ากับคนสกุลปันจะชดใช้ให้ข้า ปันเสี่ยวหราน
ไก่ตัวผู้อวบใหญ่ ที่ถูกมัดเท้าถูกจับขึ้นมายืนเคียงค้างปันเสี่ยวหราน
กระต๊าก กระต๊าก กระต๊าก
“หนึ่งคำนับฟ้า” นางกับไก่ตัวนั้นหันหน้าไปทางออก ความอัปยศนี้นางจะจำไว้จนวันตาย เซียวอี้ ข้ากับเจ้าหาได้เคยเจอหน้ากันไม่
กระต๊าก กระต๊าก กระต๊าก
แขกเหรื่อต่างสงสารเจ้าสาวคนที่สอง ที่เจอเหตุการณ์อะไรเยี่ยงนี้
“คำนับบิดามารดา” นางกับไก่หันไปทางป้ายบรรพชรของของท่านแม่ทัพ
กระต๊าก กระต๊าก กระต๊าก
ดูเหมือนว่าไก่ตัวนี้อยากจะออกไปเสียแล้ว
“คำนับกันและกัน” นางกับไก่คำนับกันและกัน
กระต๊าก กระต๊าก กระต๊าก
ไก่ตัวผู้หลุดมือไปแล้ว งานแต่งช่างวุ่นวายเหลือเกิน ปันเสี่ยวหรานถูกส่งตัวไปเรือนหอภายในใจก่นด่าเซียวอี้อย่างไม่มีชิ้นดี
บุรุษชาติชั่วสมควรตาย !!!
มารดามันเถอะ!!!
ค่ำคืนนั้นแขกเหรื่อแยกย้ายกันกลับจวน เจ้าบ่าวในชุดสีแดงมาหลบที่ห้องหนังสืออ่านหนังสืออย่างสบายใจ งานแต่งแล้วยังไง เขาไม่สนใจหรอก มีสตรีทั้งสองคนมาอยู่ที่จวนปวดหัวน่าดู
“ท่านแม่ทัพ จะไม่เข้าหอหรือขอรับ” จินหยวนถามเจ้านาย
“ข้าไม่ได้ชอบนางสักคน”
“แต่ท่านแม่ทัพ ควรจะไปเข้าหอนะขอรับ สาวงามทั้งสองคนเหี่ยวแย่เลย”
“ข้าจะให้พวกนางนอนคนคนเดียว ทั้งปันเสี่ยวหรานกับรั่วหนาน เจ้าไปสืบความได้อย่างไรบ้าง เหตุใดขบวนเจ้าสาวของปันเสี่ยวหรานมาช้า”
“ข้าถามบ่าวแล้ว ว่าขบวนเจ้าสาวสกุลปันมีคนดักปล้น เลยทำให้การเดินทางล่าช้า”
มีโจรดักปล้นงั้นรึ
“ข้าว่าไม่ใช่ ข้าว่าต้องเป็นแผน”
จินหยวนคิดไปตามเจ้านาย
“หรือว่าคุณหนูรั่วแกล้งคุณหนูปัน”
“ก็อาจจะเป็นไปได้ ความริษยาของอิสตรีน่ากลัวเหลือเกิน วันนี้ข้าให้ปันเสี่ยวหรานแต่งกับไก่ เพื่อจะสั่งสอนนางเท่านั้น วันหน้านางจะเจอเรื่องอีกเยอะ”
“ท่านพูดราวกับว่านางกับท่านมีความแค้นต่อกัน” จินหยวนเอ่ยขึ้น
“ไม่มีหรอก เจ้าออกไปได้แล้ว”
คล้อยหลังจินหยวนดวงตาดอกท้อลุกเป็นประกายเพลิง สิบปีก่อน ถ้ามิใช่เพราะบิดาของนางปันจิง เซียวอี้จะสูญเสียครอบครัวรึ
“ท่านแม่ ท่านพ่อ” เด็กชายมองดูเปลวเพลิงมอดไหม้เรือนของบิดามารดา บ่าวไพร่ในจวนต่างหนีตายอย่างอลมาน เกิดอะไรขึ้นในจวนของเขากันแน่ ผู้ใดลอบวางเพลิงในยามวิกาล
“คุณชายรีบหนีไปก่อนเถอะ ขอรับ” พ่อบ้านจูลากแขนเด็กชายไว้ไปอีกทางหนึ่ง
“ไม่ ข้าจะไปหาท่านพ่อ ท่านแม่” เด็กชายตัวน้อยงอแงและไม่ยอม
พ่อบ้านจูเห็นบุรุษชุดดดำสาวมาทางนี้ เขาจึงอุดปากคุณชายน้อยไว้ พร้อมอำพรางความมืด เสียงบุรุษชุดดำดังขึ้น
“ท่านโหว เรียบร้อยแล้วขอรับ จวนท่านแม่ทัพ ถูกเผาเป็นตอตะโกแล้ว” บุรุษชุดดำมองค้อนลูกน้องขึ้นมาทันที
“อย่าเรียกข้าว่าท่านโหว”
“ขอรับนายท่าน”
“พวกเราไปรายงานนายใหญ่” กล่าวจบบุรุษชุดดำก็พลันหายไปกับความมืด คุณชายน้อยจำได้ขึ้นใจว่าคนคนนั้นมีตำแหน่งเป็นโหว เขาจะต้องล้างแค้นให้บิดามารดาของเขา
“ท่านแม่!!!” เซียวอี้ตื่นขึ้นมากลางดึกคืนนั้น เขาฝันเห็นบิดามารดาตายไปในกองเพลิงอีกแล้ว นานแล้วที่เขาไม่ได้ฝันเยี่ยงนี้
กลิ่นควันไหม้ลอยขึ้นหน้าเรือนนอนของชายหนุ่ม กระดาษเงินกระดาษทองถูกเผาปลิวว่อนฟ้าที่มืดมิด สิบห้าปีแล้ว คนบนฟ้าจะเป็นอย่างไรบ้าง?
“คุณชายฝันฮูหยินกับท่านแม่ทัพอีกแล้วรึขอรับ” พ่อบ้านจูในวัยกลางคนเอ่ยขึ้น ทุกครั้งที่ท่านแม่ทัพฝันเห็นบิดามารดาในยามค่ำคืน เขามักจะเผากระดาษเงินกระดาษทองอยู่เสมอ
เซียวอี้พยักหน้าไม่ได้ตอบอะไรมาก การที่เขาฝันครั้งนี้ เป็นการเตือนให้เขาแก้แค้นให้บิดามารดาที่จากไปอย่างไม่เป็นธรรม เขาจะแก้แค้นคนสกุลปันโทษฐานที่สังหารบิดามารดาเขา โดยเฉพาะปันเสี่ยวหราน…
ปันเสี่ยวหรานตื่นแต่เช้า เมื่อคืนนางมิได้เข้าหอกับคนหยาบช้าอย่างเซียวอี้ ช่างเถอะ นางอาบน้ำผลัดเปลี่ยนอาภรณ์เดินมองของในเรือนตกแต่งอย่างงามวิจิตร บุรุษผู้นี้สงสัยจะนอนกับรั่วหนานกระมัง
ช่างเถอะนางแต่งเข้ามาอยู่ในจวนเซียวอย่างสงบไม่ต้องการสู้รับปรบมือกับผู้ใด ในระหว่างที่ปั่นเสี่ยวหรานจิบน้ำชาอยู่นั้น สตรีอย่างรั่วหนานสาวเท้าเข้ามาในเรือนพร้อมสาวใช้
“ปันเสี่ยวหราน เจ้าเอาท่านแม่ทัพไปซ่อนไว้ที่ไหน” น้ำเสียงแหลมปรี๊ดดังขึ้น ปันเสี่ยวหรานมองหน้ารั่วหนาน เมื่อคืนท่านแม่ทัพมิได้ร่วมหอลงโลงกับรั่วหนานหรอกรึ
“รั่วหนาน ข้าไม่รู้เพราะเมื่อคืนท่านแม่ทัพมิได้มาเข้าหอกับข้า”
“ว่าอย่างไรนะ”
“ท่านแม่ทัพมิได้มาเข้าหอกับข้า” ปันเสี่ยวหรานย้ำอีกครั้ง ดูท่าคุณหนูรั่วคงจะหูหนวกกระมัง ถึงได้ให้นางเอ่ยอีกครั้ง
รั่วหนานขมวดคิ้วขึ้นมา ท่านแม่ทัพไม่มาค้างกับนาง อีกทั้งไม่มาหาปันเสี่ยวหรานแล้วท่านแม่ทัพไปค้างที่ไหนกัน ปันเสี่ยวหรานเองก็คิดไม่ต่างรั่วหนาน แล้วคืนเข้าหอท่านแม่ทัพไปไหน ในระหว่างที่สองสตรีขบคิดอยู่นั้น พ่อบ้านจูสาวเท้าเข้ามาในเรือน
“เรียนฮูหยินทั้งสอง ท่านแม่ทัพตั้งสำรับให้พวกท่านทั้งสองไปรับประทานอาหารร่วมกันที่ห้องโถงเรือนใหญ่ขอรับ”พ่อบ้านจูเอ่ยอย่างนอบน้อม รั่วหนานได้ยินกันนั้นรีบสาวเท้าตามพ่อบ้านจูอย่างไว ปันเสี่ยวหรานเองก็เช่นกัน…