5
ห้องโถงของเรือนใหญ่ เซียวอี้ในชุดเกราะสีน้ำเงินนั่งที่เก้าอี้รอเพียงฮูหยินทั้งสองของเขาก้าวเข้ามา ละครงิ้วก็พร้อมที่จะเริ่มเปิดฉากแล้วมุมปากหนาเผยอยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย บทละครนี้ เขาเป็นตัวเอกแสดงเพียงเล็กน้อย นอกนั้นให้สองสตรีปะทะคารมกัน
สองสตรีเดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ต่างคนต่างยอบกายคำนับท่านแม่ทัพ เซียวอี้พิจารณาสตรีทั้งสองนาง พวกนางต่างเป็นบุปผาที่งดงามเสียจริง รั่วหนานใบหน้าแป้น ดวงตากลมโต จมูกโด่งเล็กน้อย ริมฝีปากบางได้รูป หญิงงามเขาเคยเห็นมานับไม่ถ้วนแล้ว
ปันเสี่ยวหรานเป็นสตรีที่ดวงหน้าจิ้มลิ้ม น่ารัก คิ้วงามดั่งจันทร์วาด จมูกเชิดเล็กน้อยรับกับปากเรียวงาม นางไม่ได้งดงาม แต่นางน่ารัก แต่เสียดายที่นางเป็นบุตรสาวของศัตรูเขา
“เชิญพวกเจ้านั่งเถอะ” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยขึ้น
รั่วหนานไม่คิดว่าท่านแม่ทัพจะหล่อเหลาถึงเพียงนี้ นางเลือกนั่งฝั่งซ้าย ปันเสี่ยวหรานเลือกนั่งฝั่งขวา
“ขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ” สองสตรีเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
ปันเสี่ยวหรานมองสามี ช่างเป็นบุรุษหน้าหยกสีจริง หน้านิ่งหน้าเดียว นางยิ่งมองยิ่งแค้นไม่หายเลย ที่ให้นางแต่งกับไก่เมื่อวาน
“น้องหญิงทั้งสอง ข้าต้องขอโทษพวกเจ้า ที่มิได้เข้าหอด้วย โดยเฉพาะน้องหญิงปัน ที่ต้องแต่งกับไก่เมื่อวานนั้น” เซี่ยวอี้เอ่ยอย่างยิ้ม ๆ แต่ทว่ารั่วหนานหัวเราะออกมาอย่างแรง รั่วหนานไม่คิดว่าปันเสี่ยวหราจะแต่งกับไก่ ช่างขายหน้าสิ้นดี เซียวอี้ปรายตามองรั่วหนานกระนั้นนางจึงสำรวม ปันเสี่ยวหรานยิ้ม
“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะ” นางกัดฟันพูด
“ข้าออกจากห้องของรั่วหนาน เกิดเมาขึ้นมาจึงไปนอนที่ห้องหนังสือ นอนยาวถึงรุ่งเช้า ข้าต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” รั่วหนานยิ้มให้สามี
เซียวอี้ยิ้มให้พวกนางทั้งสองคน พร้อมคีบอาหารให้ปันเสี่ยวหราน จนรั่วหนานมองอย่างตาเขียวขึ้นมา
“น้องหญิงปัน ทานเยอะๆ” เซียวอี้แกล้งเล่นละคร
“เจ้าค่ะ” ปันเสี่ยวหรานคิดว่าเขาตบหัวแล้วมาลูบหลังนาง
“ท่านพี่ก็เช่นกันเจ้าค่ะ” รั่วหนานไม่พูดเปล่าพร้อมคีบเนื้อให้เขา
ปันเสี่ยวหรานอยากจะอ้วกเลี่ยนเหลือเกิน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จพวกนางก็แยกย้ายกันกลับเรือนไป เซียวอี้นึกถึงตอนที่คีบอาหารให้ปันเสี่ยวหรานจนรั่วหนานหน้าเปลี่ยนสี เห็นทีความริษยาของรั่วหนานคงต้องไปหาเรื่องปันเสี่ยวหรานแล้วงานนี้
“ท่านแม่ทัพยิ้มอันใดขอรับ” พ่อบ้านจูที่ไม่รู้เรื่องราวอันใดด้วยเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
“เปล่าหรอก ข้าจะออกไปที่ค่ายทหารแล้ว” เรือนร่างหนาหมุนกายมุ่งตรงไปที่หน้าจวนทันที
เรือนร้อยดาวคือเรือนของปันเสี่ยวหรานนางเพิ่งสังเกตป้ายเรือนของนาง หลังจากที่กลับมาจากเรือนใหญ่ นางนึกไม่ถึงว่าบุรุษผู้นั้นจะสำนึกผิด วันนี้คีบอาหารให้แต่นาง หึ เสแสร้งล่ะสิไม่ว่า
“เสี่ยวฮัว เอา อาไป๋ อาเป่า ออกมาเล่นสิ”
“ฮูหยิน นี่มันจวนท่านแม่ทัพนะเจ้าคะ ท่านมิใช่คุณหนูเหมือนแต่ก่อนแล้ว” เสี่ยวฮัวเอ่ยเตือนเจ้านาย
“เถอะน่า ข้าไม่มีอะไรทำ” น้ำเสียงเอ็ดสาวใช้ ใครเป็นนาย ใครเป็นบ่าวกันแน่
ไม่นานนัก อาไป๋กับอาเป่า ก็อยู่โถแก้ว ตรงหน้าของปันเสี่ยวหราน นางไม่ได้เล่นตั้งหลายวัน เจ้าจิ้งหรีดน้อยสองตัวยังแข็งแรงดี
เสี่ยวฮัวมองเจ้านายใช้ไม้เล็กแหย่จิ้งหรีดไปมา ให้พวกมันทั้งสองสู้กัน ดูเหมือนว่าการแต่งงานครั้งนี้จะไม่ทำให้คุณหนูของนางเป็นผู้ใหญ่ขึ้นเลยขึ้นเลย
“แย่แล้ว แย่แล้ว มีโจรบุกเข้ามา” เสียงบ่าวชายดังขึ้นหน้าจวน สองนายบ่าวรีบปิดประตูเรือนแล้วหาที่ซ่อนทันที
“ฮูหยินทำอย่างไรดีเจ้าคะ” เสี่ยวฮัวหวาดกลัว
ปันเสี่ยวหรานรู้เพียงว่าต้องหลบในที่นี้ก่อนอย่าเพิ่งออกไป มาเมืองเหนือยังไม่ทันไร จวนท่านแม่ทัพก็มีโจรเสียแล้ว ดูท่าท่านแม่ทัพสร้างศัตรูเอาไว้ไม่น้อยเสียจริง
ด้านนอกลานเรือน รั่วหนานถูกจับเป็นตัวประกัน นางไม่คิดเลยว่า ระหว่างที่นางจะมุ่งหน้าไปหาปันเสี่ยวหรานที่เรือน รั่วหนานถูกโจรที่บุกเข้ามาในจวนท่านแม่ทัพกลางวันเสก ๆ จับเป็นตัวประกัน
“ไปเรียก เซียวอี้มา ไม่อย่างนั้นฮูหยินของเขาได้กลายเป็นศพแน่” โจรชั่วผู้นั้นพลันเอ่ยขึ้น รั่วหนานน้ำตาคลอ นางยังไม่ทันได้เข้าห้องหอกับท่านแม่ทัพเลย นางจะตายไม่ได้
“ไปสิ ไปเรียกท่านแม่ทัพมาช่วยข้า” รั่วหนานสั่งพ่อบ้านจู
“พวกเจ้าต้องการอะไร” พ่อบ้านจูกับเหล่า บ่าวชายหญิงมองโจรที่กล้าบุกจวนท่านแม่ทัพ อย่างไม่กลัวตาย พวกมันช่างขวัญกล้ายิ่งนัก
“ข้าไม่บอก ไปเรียก เซียวอี้มา” ในระหว่างนั้น โจรชั่วสายตาดียิ่งนักมองเห็นถังอุจจาระกับถังปัสสาวะ วางอยู่ไม่ไกล
“ไปเอาถังสองถังนั้นมา”
รั่วหนานที่ถูกกระบี่จ่อที่ลำคออยู่ นางใจไม่ดีเลย ที่พวกโจรจะเอาถังอุจจาระมาทำไม “เจ้าจะทำอะไร”
“ทำอะไรเจ้าก็รู้เองล่ะ”
บ่าวชายหญิงรวมทั้งพ่อบ้านจู ต่างหมอบกับพื้น ภาวนาขอให้ท่านแม่ทัพกลับจวนไว ๆ พวกเขาต่างกลัวโจรอย่างหัวหดแล้ว
“พวกเจ้า ถ้าเซียวอี้ไม่มาในหนึ่งก้านธูป ฮูหยินของเขาจะได้กินมูลแทนข้าววันนี้” มันเอ่ยอย่างโหดเหี้ยม เหล่าพี่น้องโจรต่างหัวเราะที่จะได้เห็นสาวงามท่ามกลางมูลอึ
“ไม่นะ ไม่” รั่วหนานแหกปากร้อง
บ่าวชายหญิงต่างอ้าปาก ไม่อยากจะนึกถึงภาพนั้นเลย สาวงามกินมูลอึ แค่คิดก็ชวนอาเจียนแล้วหนา สงสารแต่ฮูหยินที่ต้องมาเจอคราเคราะห์ร้าย
หนึ่งก้านธูปผ่านไป ทุกคนรอจนใจจนใจจ่อ ท่านแม่ทัพก็ยังไม่โผล่หัวออกมา พ่อบ้านจูเหงื่อไหลพลั่กๆ ทั้งที่ส่งคนไปแจ้งท่านแม่ทัพได้ครึ่งชั่วยามแล้ว เหตุใดยังไม่มา ถ้าฮูหยินรั่วท่านนี้ ได้กินมูลอึ ก็เป็นวาสนาคราเคราะห์ของนางแล้ว
เจ้าโจรยิ้มอย่างผู้มีชัย ถึงเวลาแล้ว แม่ทัพยังไม่มา ถึงคราที่สาวงามกินขี้แล้ว
“ข้าจะทำให้สาวงามอับอาย ฮูหยินท่านแม่ทัพกินขี้” เจ้าโจรชั่วผลักรั่วหนานนั่งลงกับพื้น มูลอึราดที่ตัวนางจนส่งกลิ่นเหม็น เหล่าโจรหัวเราะ
“ฮูหยิน!!!” ทุกคนต่างร้องอย่างตกใจพร้อมเอามืออุดจมูกไว้ กลิ่นขี้มันแรงเหลือเกิน รั่วหนานทั้งเหม็นตัวเองอีกทั้งร่ำไห้
“มันจะมากไปแล้วนะ” พ่อบ้านจูทนไม่ไหว ลุกขึ้นต่อว่าโจรป่าอย่างไร้สำนึก พ่อบ้านจูเลือดขึ้นหน้าหมายจะสู้กับโจรมือเปล่า โจรชั่วยกกระบี่ขึ้นมาจะแทงไปที่ท้องพ่อบ้านจู
แต่ทว่ากระบี่นั้นจำต้องหลุดมือไปก่อน
“อ๊าก ใครทำข้า” เข็มพิษปักที่มือของเจ้าโจรชั่ว สายตามันมองเห็นบุรุชุดดำร่างเล็ก ในมือถือกระบี่พร้อมจะต่อสู้
“ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ สนุกมากหรือไม่”
“เจ้าเป็นใครถึงได้มาสอด” โจรชั่วเอ่ยถาม
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ แต่เจ้าทำร้ายคนในจวนท่านแม่ทัพ ข้าทนไม่ได้”
โจรชั่วถอยออกมาสามก้าว ส่งสายตาไปทางลูกน้องนับสิบ ให้จัดการบุรุษชุดดำ แต่ทว่าชั่วพริบตาเดียว บุรุษชุดดำจัดการโจรชั่วนอนร้องโอดโอย หัวหน้าโจรตกใจทั้งปวดมือ
“ท่านแม่ทัพมาแล้ว” เสียงนี้ทำให้ชายชุดดำ กระโดดหนีไป ท่านแม่ทัพมาพร้อมกับเหล่าทหารนับสิบ
เซียวอี้ปรายตามองรั่วหนานที่อาบไปด้วยมูล และเหล่าโจรนอนกองกันกับพื้น ผู้ใดมาสังหารโจร แล้วปันเสี่ยวหรานไปไหน
“ท่านพี่ช่วยข้าด้วย”
“เจ้าไปอาบน้ำก่อน”
“โชคดีที่มีบุรุษชุดดำมาช่วยพวกข้าไว้ขอรับ” พ่อบ้านจูเอ่ยขึ้น ทหารนำโจรนับสิบไปขังคุกเพื่อลงโทษ เซียวอี้ในตอนนั้นกำลังฝึกทหารอยู่ในค่ายนอกเมืองกว่าจะเดินทางมาถึงใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม ผู้ใดจะไปคิดว่าจะมีคนกล้าล้วงคองูเห่า…
ห้องโถงใหญ่ในเวลานี้
เซียวอี้ให้คนไปเรียกฮูหยินทั้งสองมาหลังจากที่ รั่วหนานอาบน้ำเสร็จแล้ว แปลกที่ว่าปันเสี่ยวหรานไม่ถูกจับตัว นางซ่อนตัวที่ไหนกัน
ทั้งสองมากันครบแล้ว รั่วหนานขอบตาแดงก่ำ นางโดนอุจจาระราดหัว ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป ผู้คนได้หัวเราะนางเป็นแน่แท้ ด้านปันเสี่ยวหรานนั่งนิ่งมาก เซียวอี้รอบมองดวงหน้างาม นางซ่อนตัวที่ไหนกันแน่
“น้องหญิงปัน ตอนเกิดเรื่องเจ้าไปซ่อนตัวที่ใด”
“ท่านพี่ ข้าไม่ขอปิดบัง ข้าได้ยินเสียงตะโกนของบ่าวไพร่ ในตอนนั้นข้ากับสาวใช้รีบปิดเรือน ซ่อนตัวในฉากกั้นห้องน้ำเจ้าค่ะ” นางเอ่ยอย่างตามตรง
“ทำไมต้องเป็นข้าที่โดนกระทำด้วย” รั่วหนานโวยวาย
“ขอถามเจ้า ตอนที่โจรบุกมา เจ้าอยู่ที่ไหน” ปันเสี่ยวหรานถามรั่วหนาน
“ข้ากำลังจะไปหาเจ้า ระหว่างทางโจรมาจับข้า”
“นั่นไง ถ้าเจ้าอยู่ในเรือน เจ้าก็ต้องรอด แต่เจ้าไม่ยอมอยู่ในเรือนเอง” ปันเสี่ยวหรานแย้งขึ้นมา
เซียวอี้นั่งนิ่ง นับว่าปันเสี่ยวหรานฉลาดที่ไม่เดินเพ่นพ่านไปไหน
รั่วหนานเงียบ แสดงว่านางโง่ที่ออกมาเดินเพ่นพ่านสินะ
“เอาล่ะ ข้าจะเพิ่มทหารให้มากเป็นสองเท่า พวกเจ้าไปพักผ่อนได้แล้ว” คล้อยหลังฮูหยินทั้งสองคน ชายหนุ่มมองไปที่พ่อบ้านจู
“พ่อบ้านจู แล้วบุรุษที่มาช่วยเจ้าเล่าเป็นใคร”
“บ่าวไม่รู้ขอรับ พอเขาได้ยินท่านแม่ทัพมา เขาก็โดดหายไปเลย” ชายหนุ่มฟังแล้วโบกมือให้พ่อบ้านจูไปทำงานต่อ เขาสั่งให้ลูกน้องสืบความกับเจ้าโจรชั่วที่บุกมาที่จวน คืนนี้คงจะได้คำตอบ ส่วนบุรุษชุดดำตามสืบคราวหลังก็แล้วกัน…