3
สามวันมานี้บรรยากาศช้างนอกช่างเหน็บหนางเหลือเกินข้างนอกถนนทุกตรอกซอยเต็มไปด้วยหิมะ จวนสกุลปันคนที่เป็นว่าที่เจ้าสาวอย่าง ปันเสี่ยวหรานเก็บตัวเงียบในเรือนวสันต์ ช่วงสามวันมานี้นางได้ยินข่าวจากด้านนอกว่า คนสกุลรั่วญาติฝั่งฮูหยินรองก็ต้องแต่งไปพร้อมกับนางด้วย เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้วที่ปันเสี่ยวหรานต้องออกเรือนไปทางแถบชายแดนเหนือ
“หรานเอ๋อร์” ปันจิงสาวเท้าเข้ามาในเรือนหาบุตรสาว
ปันเสี่ยวหรานทอดมองผู้มาเยือนเรือนของนาง บิดาผู้ที่รักแต่น้องรองหาได้รักนาง ทำไมไม่เป็นน้องรองเล่า เหตุใดต้องเป็นนางด้วย
“ท่านพ่อ”
“อย่าได้โกรธข้าเลย ราชโองการนี้เป็นของฝ่าบาท ข้ามิอาจหลีกเลี่ยงได้ เจ้าแต่งไปกับท่านแม่ทัพ ข้าสัญญาจะดีกับมารดาของเจ้า เจ้าอย่าได้ห่วง”
ที่ผ่านมาบิดาของนางเย็นชากับมารดาของนางยิ่งนัก พอนางมีผลประโยชน์ บิดาก็จะรักใคร่มารดา น่าขันสิ้นดี
“ท่านมันเห็นแก่ตัว ข้าไม่แต่ง”
ปันจิงเลือดขึ้นหน้าเมื่อบุตรสาวคนโตเอ่ยบอกว่าจะไม่แต่ง
“ถ้าเจ้าไม่แต่ง เจ้ากับมารดาก็ไสหัวออกไปจากจวนของข้า”
“ท่านมันเห็นแก่ตัว ที่ข้าให้เจ้าแต่ง เพราะว่าฝ่าบาทต้องการทราบความเคลื่อนไหวของท่านแม่ทัพ มิได้ให้เจ้าไปรักท่านแม่ทัพจริง ๆ”
“อ๋อ ที่แท้เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง ให้ข้าเป็นหน่วยสอดแนม ชีวิตข้าทั้งชีวิต ต้องเอาไปทิ้งที่แถบชายแดน” สุดท้ายบิดาก็อยากจะให้นางเป็นนางนกต่อ เพื่อสืบความ
“ทำไมท่านมิให้น้องรองทำ”
“น้องเจ้ายังเด็ก หน้าที่นี้มอบหมายให้เจ้าทำดีที่สุดแล้ว” ปันจิงเอ่ยขึ้น
“ถ้าข้าไม่ทำ”
“เจ้ากับมารดาของเจ้า ออกไปจากจวนเสีย” แสดงว่าบิดาคงจะหย่ากับมารดาของนาง สตรีที่ถูกสามีหย่า เป็นสิ่งที่เจ็บปวดใจยิ่งนัก ดวงตางามหยาดไปด้วยน้ำตา
“ได้ ข้าแต่ง” นางยอมทิ้งความสุขทั้งชีวิตเพื่อมารดา
“ดี ข้าจะดีกับมารดากับเจ้า เรื่องนี้ อย่าให้มารดาของเจ้ารู้เป็นอันขาด”
“เจ้าค่ะ”
คล้อยหลังบิดา ปันเสี่ยวหรานร่ำไห้ออกมา นางกลั้นน้ำตาไว้มิอยู่จริง ๆ เกิดมาทั้งทีในสกุลใหญ่แทนที่จะมีความสุข แต่กลับต้องทุกข์ใจ เพราะบิดาไม่รักนาง
ฮูหยินใหญ่สาวเท้าเข้ามาหาบุตรสาว “หรานเอ๋อร์” สามวันมานี้บุตรสาวของนางเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในเรือนเพราะไม่อยากจะแต่งงานกับท่านแม่ทัพ
“ท่านแม่” หญิงสาวโอบกอดมารดา
“อย่าร้องไห้ไปเลย”
“ข้าจะไม่เสียใจเจ้าค่ะ ข้าจะแต่งงานครั้งนี้”
“โถ่ หรานเอ๋อร์ของข้า เด็กดี” ฮูหยินใหญ่ช่วยบุตรสาวมิได้เลย เรื่องการแต่งงานคงเป็นเพราะสวรรค์กระมังที่กำหนด
นางต้องทำเพื่อมารดาของนาง ให้บิดากลับมารักมารดาอีกครั้ง ถือว่าเป็นการกตัญญูต่อผู้มีพระคุณแล้ว
ท้องฟ้าสดใสอากาศดีไม่มีหิมะตกลงมาเหมือนอย่างวันก่อน ๆ ปันเสี่ยวหรานตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่ทันขัน ต้องแต่งหน้าทำผมเพราะวันนี้คือวันที่นางต้องออกเรือนมุ่งหน้าไปสู่ชายแดนทางเหนือที่เหน็บหนาว ฮูหยินใหญ่หวีผมให้บุตรสาว เรือนผมยาวสยายอย่างงดงามดุจแพรไหม
“หรานเอ๋อร์ งดงามยิ่งนัก” คนเป็นมารดาเอ่ยชมบุตรสาวของตนเอง
“ก็ข้าได้ความงามมาจากท่านอย่างไร จะมิให้งดงามได้รึ” บุตรสาวเอ่ยชมมารดา ทั้งที่ในใจเจ็บปวด ไม่อยากจะแต่งงานจากไปไกล
แม่สื่อก็พลันม้วนผมให้นางประดับด้วยมงกุฎหงส์ อย่างงามล้ำ ดวงหน้าจิ้มลิ้มถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องประทินโฉมจนหอมฟรุ้ง
“คุณหนูใหญ่ ช่างมีวาสนานัก ได้ออกเรือนไปกับท่านแม่ทัพ” แม่สื่อเอ่ยชมนาง จากนั้นพลันเอ่ยออกไปจากเรือนรอด้านนอก
“หรานเอ๋อร์ สินเดิมของเจ้าสามสิบหีบ ไปที่นั่นเจ้าจะได้มีเงินใช้ ไม่อดไม่อยาก ของกินที่นั่นแพงมาก ถ้าขาดเหลือเงินทองส่งพิราบมาหาแม่ได้” ฮูหยินใหญ่กุมมือบุตรสาวไว้
“เจ้าค่ะท่านแม่” นางยิ้มให้กับมารดา ถึงนางจะออกเรือนไปไกลเพียงใด แต่มารดาก็ยังเป็นห่วงเรื่องการกินอยู่ของนาง
“นี่เป็นกำไลที่แม่เตรียมไว้ให้เจ้า” ฮูหยินใหญ่ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อ กำไลหยกสีฟ้างดงามนัก นางจำความได้ว่า ตั้งแต่เกิดมามารดามักสวมกำไลวงนี้เป็นประจำ
“มอบให้เจ้า” นางสวมใส่ข้อมือบุตรสาว
“ท่านแม่ ดูแลตัวเองด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องห่วงมีเสี่ยวอี้ คอยดูแลแม่อยู่”
“พี่หญิงใหญ่ มอบของขวัญให้ลูกใหญ่เสร็จรึยัง ข้ากับหงส์เอ๋อร์จะได้มอบให้นางเสียที” สองแม่ลูกตัววุ่นวายสาวเท้าเข้ามาในเรือนวสันต์ ดูท่าพวกนางคงจะมีความสุขมาก ที่ปันเสี่ยวหรานได้ออกเรือนไปไกลถึงถิ่นกันดาร
ปันเสี่ยวหรานเหลือบตามองสตรีทั้งสองนางอย่างนึกชัง นางมิได้อยากจะได้ของขวัญวันแต่งงานกับสตรีสองตัวนี้
“เจ้ามีอะไรจะให้นางก็เอาออกมาเถอะ” ฮูหยินใหญ่ตัดบท
“แม่ใหญ่ ข้าจะมอบของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้พี่ใหญ่เจ้าค่ะ” ว่าแล้วปันเสี่ยวหงส์มอบผ้ายันต์สีแดงให้ปันเสี่ยวหราน
“นี่มันยันต์นี่”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้าอยากจะให้ท่านพี่ สงบอารมณ์บ้าง หลายวันมานี้ พี่ใหญ่ฟุ้งซ่าน อาการน่าเป็นห่วง” นางยื่นให้ปันเสี่ยวหราน
“ขอบใจ”
“ของแม่รองเป็นสร้อยมุก”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ” ปันเสี่ยวหรานจำใจต้องรับของขวัญกับสองคนนั้นไว้ ไม่นานนักแม่สื่อเดินเข้ามาเรียกได้เวลาออกเดินทางแล้ว ฮูหยินใหญ่คลุมผ้าคลุมหน้าให้บุตรสาวแล้วเดินประคองมุ่งหน้าไปที่ประตูหน้าจวน
ในใจของนางอาลัยมารดามาก ไม่อยากจากไปไหนเสียด้วยซ้ำ เจ้าสาวขึ้นรถม้า เสียงประทัดเสียงกลองตีดังสนั่นลั่นถนน ขบวนเจ้าสาวมุ่งหน้าไปสู่ประตูเมือง เหล่าฝูงชนต่างยืนเรียงรายยินดีกับคุณหนูสกุลปันที่ได้แต่งงานกับท่านแม่ทัพแห่งแว่นแคว้น
ฝูงชนต่างหันไปมองขบวนเจ้าสาวอีกขบวน นั่นก็คือ บุตรสาวของใต้เท้ารั่วผู้ตรวจการของเมืองหลวงนั่นเอง รั่วหนานก็ได้แต่งไปที่แถบชายแดนเหนือด้วย กระนั้นขบวนเจ้าสาวสองขบวนจึงเบียดกันบนท้องถนนในตรอกเยี่ย
“โอ๊ย !!!” ในรถม้าของปันเสี่ยวหราน ศีรษะนางกระแทกกับผนักรถม้าอย่างแรง หญิงสาวจึงเปิดม่านถามสาวใช้เสี่ยวฮัว
“เกิดอะไรขึ้น”
“ขบวนเจ้าสาวของคนสกุลรั่วเบียดเราเจ้าค่ะ”
“ให้พวกนางไปก่อนแล้วกัน” ในเมื่อรีบนักก็ไปก่อนเถอะ ปันเสี่ยวหรานไม่สนใจหรอก ว่าใครไปถึงจะเป็นฮูหยินใหญ่ นางขอเพียงแค่ อยู่นั้นอย่างสงบก็เป็นพอ
ขบวนเจ้าสาวของปันเสี่ยวหรานหลบให้ขบวนของรั่วหนานไปก่อน กระนั้นรั่วหนานพอใจยิ่งนักที่จะได้นำไปก่อนขบวนปันเสี่ยวหราน
“คุณหนูเจ้าคะ พวกนางหลบให้เราเจ้าค่ะ” เสี่ยวเถารายงานนายสาว
“ดี” มุมปากงามยิ้มขึ้นอย่างพอใจ นางต้องได้เป็นฮูหยินใหญ่ของท่านแม่ทัพเท่านั้นรั่วหนานคิดอย่างพอใจ นางจะทำทุกอย่างให้ขบวนเจ้าสาวของคนสกุลปันไปถึงช้ากว่านางให้ได้…
ขบวนเจ้าสาวทั้งสองขบวนได้ออกนอกเมืองต้าหยางแล้ว เดินทางมาค่อนวัน ปันเสี่ยวหรานให้บ่าวชายหญิงตั้งกระโจมแถวทะเลสาบซีหู ก็ใกล้พลบค่ำ ดูเหมือนขบวนคนสกุลรั่ว จะไปไกลริบตาเหลือเกิน ปันเสี่ยวหรานนั่งผิงไฟ ดูปลาย่างที่มันสุกแล้วส่งกลิ่นหอมออกมา
“คุณหนูบ่าวแกะให้เจ้าค่ะ”
เสี่ยวฮัวอาสาแกะปลาย่างให้เจ้านาย
ปันเสี่ยวหรานยิ้มให้สาวใช้ เสี่ยวฮัวทำให้นางยิ้มได้เสมอ “คุณหนูไม่กลัว คุณหนูรั่วได้เป็นฮูหยินใหญ่หรือเจ้าคะ ดูท่านางเดินทางอย่างไม่พักเลย”
“ช่างนางเถอะ ข้าไม่สนใจนาง นางอยากจะเป็นฮูหยินใหญ่ ก็เรื่องของนาง” ปันเสี่ยวหรานต้องการอยู่อย่างสงบ
ในระหว่างที่นางนั่งใต้ต้นไม้กับสาวใช้ ได้มีลูกธนูเฉียดหน้านางไปปักที่ต้นไม้ อย่างบอกนะ ว่ามีโจรภูเขาซุ่มอยู่
สองนายบ่าวต่างหลบลูกธนูที่ยิงมาใส่พวกนาย เหล่าองค์รักษ์นับสิบที่ตามมาด้วย ต่างมองหาคนรอบสังหารคุณหนูใหญ่ ปันเสี่ยวหรานไม่คิดว่าจะมีคนมาลอบทำร้ายนาง หญิงสาวในชุดเจ้าสาวใช้วิชาตัวเบาพุ่งไปหาพวกมันที่หลบอยู่โพรงหญ้า จากนั้นใช้มีสั้นเสียบคอพวกมัน เหล่าองครักษ์ตามปกป้องคุณหนูใหญ่ต่างต้องตกใจ เมื่อเห็นคุณหนูใหญ่สังหารโจรป่าอย่างไม่กลัว
“รีบสังหารพวกมัน อย่ามัวมองข้า” มีดสั้นดึงออกมา ปักที่ลำคอของโจรคนต่อไป ชั่วพริบตาเดียวนางสังหารโจรภูเขาไปแล้วห้าคน
องครักษ์กำลังจะแทงโจรอีกคน แต่ทว่าปันเสี่ยวหรานห้ามไว้ แล้วดึงผ้าคลุมหน้ามันออก นางไม่เชื่อว่าจะเป็นโจรภูเขาจริง ๆ
“ใครส่งเจ้ามา” นางเอ่ยถามมัน
“ข้า ข้าไม่บอก” เขารับงานมาเพื่อจะมาข่มเหงสตรีนางนี้ แต่ไม่คิดว่านางเป็นวรยุทธ์ สังหารพี่น้องเขาตายไปหลายคน
“ได้ในเมื่อไม่บอก”
“อ๊ากกกก” มีดสั้นปักที่คอบุรุษผู้นั้นจนขาดใจตาย องครักษ์ไม่คิดว่า คุณหนูใหญ่สตรีในห้องหับจะเก่งถึงเพียงนี้
นางเรียนวรยุทธ์มานานกับอาจารย์จี้รวมกับเหล่าสหายที่เป็นบุรุษในเมืองหลวง แต่ไม่เปิดเผยให้ผู้ใดรู้เท่านั้นเอง ถึงนางจะไม่เก่งเพลงพิณหมากล้อม แต่ด้านการต่อสู้นางไม่เป็นสองรองใคร นางจะต้องสืบให้ได้ว่าใครคิดจะทำร้ายนาง…