ตอนที่ 5 คนสวยจริงใจ
ตอนที่ 5 คนสวยจริงใจ
ริมฝีปากอุ่นกับริมฝีปากนุ่มประกบเข้าหากันอย่างหนักหน่วงและดุดัน สองลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดแลกน้ำลายกันพัลวัน ฝ่ามือของเขาและเธอต่างฝ่ายต่างรั้งต้นคอของอีกฝ่ายเข้าหากันแนบแน่น ทั้งสองเรือนร่างบดเบียดแนบชิดกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงกว้าง ริมฝีปากจูบขยี้อย่างหนักหน่วงในแบบไม่มีใครยอมใคร ทันใดนั้นภาคินรู้สึกว่าตัวเองได้ตกลงมาจากที่สูง
"โครม!! โอ๊ย!!" สะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองนอนดิ้นจนตกเตียง ลงมานอนกองอยู่ที่พื้น เมื่อนึกถึงความฝันเมื่อสักครู่ ก็รู้สึกนึกเสียดายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
"ฝันเหรอวะเนี่ย" ในขณะนี้เองเสียงนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นมาจากมือถือส่วนตัวที่วางอยู่บนหัวเตียง เขาขยับตัวลุกขึ้นไปกดปิดเสียงเจ้ากรรมที่ดังไม่รู้จักเวล่ำเวลา
"เขวี้ยงทิ้งซะดีมั้ง" ขยี้ผมบนศีรษะของตัวเองแรงๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว และเตรียมตัวออกไปทำงานในเช้าวันที่สอง
บนท้องถนนที่แออัดเต็มไปด้วยยานพาหนะและฝุ่นควัน ภาคินกำลังนั่งคิดถึงความฝันเมื่อช่วงเช้า ยังนึกเสียดายไม่หาย
"เฮ่อ..." นั่งถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อตัวเองยังคงรู้สึกเสียดายความฝันเมื่อเช้าอยู่ไม่หาย แต่ก็พยายามบอกกับตัวเองว่าอาจจะเป็นเพราะคิดมากเกินไป ส่วนผู้หญิงในความฝันก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนที่ส่งจูบใส่กระจกรถเขาเมื่อเช้าวานนี้
"เป็นอะไรครับบอส มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาได้เลยนะครับ" เสียงณดลเอ่ยถามขึ้นในขณะที่รถกำลังติดไฟแดงท่ามกลางฝุ่นควันบนท้องถนนตอนนี้ที่แสนจะน่าเบื่อ
"ไม่มี" ขืนบอกไปมีหวังได้อับอายจนลูกบวชแน่ๆ
"ไม่มีแน่นะครับ ผมเห็นบอสนั่งถอนหายใจตั้งหลายครั้งแล้ว"
"สอดรู้สอดเห็น"
"บอสใช้ภาษาไทยผิดนะครับ ที่บ้านผมเรียกว่าช่างสังเกตครับ"
"ขับรถไปดีๆ แล้วรถติดแบบนี้เมื่อไหร่จะถึงเนี่ย"
"ก็พักนึงแหละครับ บอสพักสายตาไปก่อนก็ได้นะครับ ถึงแล้วเดี๋ยวผมปลุก"
"อือ" รับคำลูกน้องเสร็จ ก็หลับตาลง ริมฝีปากนุ่มนิ่มกับรสจูบดุดันในความฝันเมื่อช่วงเช้ามันยังคงวนเวียนตราตรึงอยู่ในใจไม่ยอมหายไป
@อาคารสำนักงาน
เมื่อหาที่จอดรถได้ทั้งสองหนุ่มก็พากันเดินเข้าลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการ แต่ระหว่างทางเดินเขาบังเอิญเดินสวนกับน้ำผึ้ง เผลอแอบมองริมฝีปากของเธอ ทันใดนั้นรสจูบอันเผ็ดร้อนเมื่อเช้าก็แล่นเข้ามาในหัวของเขาอีกครั้ง
"เป็นแม่มดหรือไง!" บ่นเสียงหนักออกมาคนเดียวอย่างเผลอไผล จนณดลถึงกับต้องเอ่ยถาม
"อะไรนะครับ มดกัดบอสเหรอครับ" สายตาคมกริชเบนไปมองหน้าณดลนิ่งๆ แล้วเดินนำไป โดยที่ไม่ได้อธิบายอะไรเลยสักคำ
"เป็นอะไรของเขานะ" บ่นพึมพำเบาๆก่อนที่จะเดินตามบอสไปติดๆ
ภายในห้องผู้บริหารมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่และเก้าอี้หนังอย่างดี ถูกคนตัวสูงทิ้งตัวนั่งลงไปจากนั้นเขาก็เปิดฝาโน๊ตบุ๊คขึ้นเตรียมที่จะทำงาน
"กาแฟมั้ยครับบอส" หน้าที่เอาอกเอาใจเจ้านายต้องยกให้เลขาอย่างณดล
"ขอเข้มๆ ไม่ใส่น้ำตาล"
"กี่ช้อนดีครับ"
"สาม" จัดให้ครับ! สามช้อนกำลังดี
"ได้ครับ รอสักครู่นะครับ" เขามีท่าทางหงุดหงิดตั้งแต่ช่วงเช้า ซึ่งณดลก็ไม่รู้ว่าเจ้านายเป็นอะไร สงสัยอากาศเมืองไทยจะร้อนเกินไป
"กาแฟเข้มๆ ไม่ใส่น้ำตาลได้แล้วครับ" ณดลส่งสายตามองลงไปในแก้วกาแฟที่เขาเป็นคนไปชงมาให้เองกับมือ พลางคิดในใจว่าดื่มชาตินี้ตาสว่างไปถึงชาติหน้าแน่ๆ
"มองอะไร"
"ดื่มให้อร่อยนะครับ"
"ไปเรียกคุณน้ำผึ้งให้เข้ามาหาผมหน่อย"
"มีอะไรหรือเปล่าครับ"
"........." ช้อนสายตาขึ้นมองไปที่ใบหน้าของณดลประมาณว่า...ไม่จำเป็นต้องรายงาน!
"ผมจะได้บอกเธอถูก เธอจะได้มีข้อมูลมาพูดกับบอสไงครับ" ซึ่งเป็นหน้าที่ของเลขาอย่างณดลอยู่แล้ว จะให้ไปพูดลอยๆได้ยังไง ต่างคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเองที่ต้องทำ
"ไปบอกเธอว่าผมอยากฟังพรีเซ้นท์เรื่องเมื่อวานนี้อีกรอบ" ห๊า...
"บอสสงสัยตรงไหนถามผมได้นะครับ จะได้ไม่ต้องไปรบกวนเธอ" มันยังไม่เข้าใจ!
"ว่างเหรอ..." เขาเลิกคิ้วสูงพร้อมกับเอ่ยถามด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
"เอ่อ...จะไปตามให้เดี๋ยวนี้ครับ" เห็นสายตาแบบนี้ณดลก็พอมองออก ไม่นานนักใบหน้าหวานๆที่เขาอยากเจอก็เดินเข้ามาในห้องส่วนตัว
"ก๊อกๆๆ คุณณดลบอกว่าคุณภาคินเรียกผึ้งใช่มั้ยคะ" แทนตัวเองด้วยชื่อเล่นรู้สึกน่ารักขึ้นไปอีก ก่อนหน้านี้ภาคินไม่เคยมีความรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เธอเป็นคนแรกที่เขารู้สึกสนใจมากๆ
"เชิญนั่งลงก่อนสิ"
"ขอบคุณค่ะ" น้ำผึ้งหย่อนก้นนั่งลงไปที่เก้าอี้ ตัวที่อยู่ด้านหน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของเขา
"ผมอยากฟังคุณพรีเซ้นท์งานเรื่องเมื่อวานนี้อีกรอบ คุณพอจะมีเวลาว่างมั้ยครับ"
"ได้ค่ะ" ในขณะที่น้ำผึ้งก็พูดพรีเซ้นท์ของเธอไปเรื่อยๆ เธอกลับรู้สึกว่าคนตัวสูงตรงหน้านั่งมองริมฝีปากของเธออย่างไม่คิดที่จะปกปิด แต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เนื่องจากว่าเขาก็ไม่ได้มีท่าทีไม่ดีใส่เธอแต่อย่างใด อีกอย่างเขามีตำแหน่งสูงกว่าเธอด้วย
"จบแล้วค่ะ คุณภาคินสงสัยตรงไหนถามมาได้เลยนะคะ"
"คุณทำงานที่นี่มากี่ปีแล้ว" ทำไมเขาไม่ถามถึงข้อมูลที่เธอพรีเซ้นท์จบไปเมื่อสักครู่นี้ล่ะ
"ห้าปีแล้วค่ะ"
"แล้วตำแหน่งผู้จัดการล่ะ เป็นมากี่ปีแล้ว"
"สามปีค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้น คุณมีข้อมูลยอดขายย้อนหลังสามปีให้ผมดูหน่อยมั้ย พรุ่งนี้ก็ได้ผมไม่รีบ" นี่ขาดไม่รีบนะ!
"ได้ค่ะ"
"ถ้าคุณทำข้อมูลไม่ทันผมให้คุณทำโอทีได้"
"ฉันไม่ทำโอทีค่ะ" ข้อมูลพวกนี้เธอมีอยู่แล้ว
"อ้าว ทำไมล่ะ"
"มีภารกิจส่วนตัวค่ะ"
"แล้วถ้ามีงานด่วนล่ะ คุณจัดการงานยังไง โยนให้ลูกน้องเอาไปทำให้เหรอ" คำพูดของเขาเหมือนตำหนิเธอ แต่น้ำเสียงฟังดูปกติเหมือนคนคุยกันธรรมดา
"ถ้าทำไม่ทันจริงๆ ฉันเอากลับไปทำที่บ้านให้ค่ะ" ตอนแรกแทนตัวเองว่าผึ้งตอนนี้เปลี่ยนเป็นฉัน ราวกับว่าคำพูดของเขาทำให้เธอไม่ค่อยพอใจซะอย่างนั้น
"ผมไม่ได้มีเจตนาจะตำหนิคุณ แค่ถามดูเฉยๆ บอกได้มั้ยว่าภารกิจของคุณที่ไม่สามารถทำโอทีได้คืออะไร"
"ดิฉันมีลูกเล็กค่ะ วัยของเขากำลังต้องการแม่ ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆที่ไม่สามารถทำโอทีที่บริษัทให้ได้" ดิฉัน!
"ไม่เป็นไรๆ ผมไม่ได้ว่าอะไร แล้วสามีของคุณล่ะ" ไหนๆก็เสียมารยาทแล้ว ขอถามอีกหน่อยก็แล้วกัน
"ตายไปนานแล้วค่ะ ถ้าคุณภาคินไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะคะ" ตายไปแล้วก็ดี! รู้สึกชอบคำตอบนี้ของเธอจัง
"เชิญครับ"
ทันทีที่เธอเดินออกไปจากห้องทำงานส่วนตัวของเขา ใบหน้าหล่อเหลาก็คลี่ยิ้มแป้นออกมาทันที ข้อมูลของเธอที่เขาถามเธอเมื่อสักครู่ เขาพอจะรู้มาจากณดลบ้างแล้ว ลองถามเธอดูอีกครั้ง ไม่คิดว่าเธอจะมีความจริงใจบอกหมดไม่มีปิดบังแบบนี้