บทที่ 10 ภารกิจอันตราย
@เช้าวันถัดมา
วันนี้คุณโกศลเรียกให้ปิ่นมุกไปพบเพราะมีเรื่องบางอย่างอยากจะไถ่ถาม ซึ่งเรื่องนั้นก็คือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อคืน ที่เขาบังเอิญไปเห็นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“นั่งลงก่อนสิ”
“คุณท่านมีอะไรให้ปิ่นรับใช้หรอคะ” ปิ่นมุกเลื่อนเก้าอี้ลงนั่งอย่างสงบเสงี่ยม ชายชราที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ผู้บริหารหมุนตัวกลับมา ปกติคุณท่านจะไม่เรียกพบใครเป็นการส่วนตัว หากไม่ใช่เรื่องสำคัญ
“เมื่อคืนฉันเห็นเธอมากับ....ปาย”
“ระ...เรื่องนั้นปิ่นอธิบายได้นะคะ คือว่าปิ่นกับผู้ชายคนนั้น...”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนิ” ชายชรายิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนกำลังดีใจ “ดีซะอีก อย่างน้อยเธอก็สนิทกับปาย”
“มะ...ไม่ได้สนิทค่ะ เราสองคนแค่บังเอิญเจอกันในผับที่ปิ่นทำงาน...แล้ว...เอ่อ...พี่เขาก็ขับรถมาส่งที่บ้าน”
“งั้นหรอ”
โกศลยกมือลูบคางอย่างใช้ความคิด เมื่อคืนเขานอนไม่หลับเลยออกมาเดินเล่นนอกบ้าน แล้วบังเอิญเห็นปิ่นมุกก้าวลงมาจากรถของลูกชายคนโต และก็เห็นปุณวิชญ์เดินเข้าไปดึงปิ่นมุกออกมา เขาแอบซุ่มดูอยู่ห่างๆแต่ไม่รู้ว่าทั้งสามคนพูดอะไรกัน แต่ดูจากสีหน้าของลูกชายคนโตแล้ว...เหมือนไม่พอใจอะไรบางอย่าง
เขาเลี้ยงปริยภัทรมาตั้งแต่แบเบาะ ทำไมจะไม่รู้จักนิสัยลูกของตัวเอง การที่ปิ่นมุกสามารถก้าวเข้าไปอยู่ในโลกของปริยภัทรได้ แสดงว่าลึกๆแล้ว...ลูกชายของเขาต้องคิดอะไรกับปิ่นมุกแน่ๆ เพราะบางเรื่องมันชัดเจนมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ด้วยเหตุผลนี้เขาจึงอนุญาตให้ปิ่นมุกไปทำงานที่ผับ เพราะรู้ว่าปริยภัทรเป็นหุ้นส่วนของที่นั่น!
“ตะ...แต่ปิ่นกับเขาไม่ได้มีอะไรกันนะคะ พี่เขาแค่มาส่งปิ่นเฉยๆ เราสองคนไม่ชอบขี้หน้ากันด้วยซ้ำ”
“ฉันดีใจนะที่เห็นเธอมากับตาปาย”
“คะ?”
“จะว่าอะไรไหม หากฉันจะขอร้องอะไรสักอย่าง”
“คะ...คุณท่าน...เอ่อ...จะให้ปิ่นช่วยอะไรหรอคะ” ปิ่นมุกเริ่มใจคอไม่ได้ ก็อย่างที่รู้ๆกันว่าคุณท่านอยากให้ลูกชายกลับมาอยู่ด้วย หวังว่าคงจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ
“ช่วยพาลูกชายของฉัน...กลับมาอยู่ที่นี่เหมือนเดิมได้ไหม”
“ว่าไงนะคะ!!”
“ฉันคิดถึงปาย ฉันแค่อยากชดใช้ในสิ่งที่เคยทำกับลูก” ดวงตาของโกศลฉายแววเศร้า นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้เจอหน้าลูกชาย ตั้งแต่ออกจากบ้านไป เขากับปริยภัทรก็ไม่เคยคุยกันอีกเลย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมปริยภัทรถึงเกลียดพ่อเลวๆคนนี้ เพราะเขาไม่เคยปกป้องลูกชายของตัวเอง ไม่เหมือนลูกชายคนเล็กที่ทั้งโอ๋ ทั้งเอาใจ
“คุณท่านคะ ปิ่นคงทำไม่ได้หรอก คุณปริยภัทรเขาเกลียดขี้หน้าปิ่นจะตาย”
“ไม่หรอก ฉันรู้จักลูกชายของตัวเองดี”
“ผู้ชายคนนั้นเขายังเหมือนเดิมค่ะ แถมเขายังขู่อีกว่าไม่ให้ปิ่นกับคุณท่านไปยุ่งกับเขา ปิ่นว่าคุณท่านล้มเลิกความตั้งใจนี้เถอะค่ะ ปิ่นทำไม่ได้หรอก” ปิ่นมุกว่ากล่าวอย่างอ้อนวอน แค่เมื่อวานยังโดนเขาทำร้ายอยู่ในรถ หากยังไปตามตอแยอีก ไม่แน่อาจจะโดนระเบิดสมองก็ได้
“ถือว่าฉันขอนะ ไม่มีใครเข้าถึงตัวเขาได้สักคน....ยกเว้นเธอ”
“แต่ถึงอย่างนั้นปิ่นก็กลัวอยู่ดี อีกอย่างปิ่นเคยเป็นต้นเหตุทำให้เขาโดนคุณหญิงตีบ่อยๆ คิดว่าเขาจะญาติดีกับปิ่นหรอคะ ขอร้องล่ะค่ะคุณท่าน”
“อย่ามองโลกในแง่ร้ายขนาดนั้นสิ”
“แล้วถ้าเกิดเขาฆ่าปิ่นล่ะคะ อย่างเมื่อวานปิ่นก็โดน...เอ่อ....โดนเขาทำร้ายในรถ”
“หึหึ ยังเหมือนเดิมเลยนะ....ไอ้เจ้าลูกชาย” ชายชราหัวเราะในลำคอเหมือนรู้นิสัยใจคอของลูกชายตัวเอง พฤติกรรมแบบนี้ถือว่าเป็นอันตรายต่อคนรอบข้าง แต่ท่านกลับมองเป็นเรื่องตลก ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย “เขาไม่กล้าทำอะไรเธอหรอกปิ่นมุก”
“ดูรอยที่แขนของปิ่นสิคะ เกิดจากฝีมือของเขาทั้งนั้น”
“ฉันขอมากไปหรอ”
“สำหรับปิ่นถือว่ามากค่ะ ปิ่นสามารถทำเพื่อคุณท่านได้ทุกอย่าง...แต่ไม่ใช่เรื่องนี้ ปิ่นกลัวค่ะ”
“จำคำของฉันไว้นะ ไม่มีใครเกลียดคนที่หวังดีกับเราหรอก ปายอาจจะเป็นคนดูเข้าถึงยาก แต่ลึกๆแล้วฉันรู้ว่าเขาต้องการอะไร ฉันผิดเองที่ทอดทิ้งเขากับแม่” โกศลหลับตาลงนึกถึงอดีตภรรยา เขาทำผิดต่อแม่ของปริยภัทรไว้มาก มันก็สมควรแล้วแหละที่ลูกชายจะเกลียดจนไม่อยากมองหน้า แต่เขาเองก็เสียใจเหมือนกันที่มันเป็นแบบนี้ หากไม่ใช่เพราะน้ำเมา เขากับแม่ของปริยภัทรก็คงไม่ต้องเลิกกัน “ฉันแค่อยากได้ยินคำว่าพ่อจากปากของปายอีกครั้ง เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้ ฉันคงตายตาไม่หลับแน่ๆ”
“คุณท่านอย่าพูดแบบนี้สิคะ”
“เรื่องนี้ฉันไม่เคยบอกใคร แต่จะบอกเธอเป็นคนแรก” เขายื่นผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลชื่อดังให้ปิ่นมุกดู ด้วยเหตุนี้เลยรีบเขียนพินัยกรรมและแบ่งมรดก เพราะเขาคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน “ก่อนหน้านี้ฉันป่วยเป็นโรคหัวใจมานานหลายปี และเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งตรวจเจอว่า...ฉันเป็นมะเร็งตับ”
“คุณท่าน....” ปิ่นมุกเข่าอ่อน ทอดตามองชายชราที่รักเหมือนพ่อแท้ๆด้วยความเป็นห่วง ลำพังโรคหัวใจก็หนักหนาสาหัสอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะมีโรคร้ายเข้ามาแทรกซ้อนอีก
“เพราะฉันรู้ตัวว่าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ฉันจึงอยากฝากฝังให้เธอ ช่วยดูแลตาปายแทนฉันที เพราะฉันไม่รู้จะขอร้องใครแล้ว”
น้ำเสียงและสีหน้าของท่านเริ่มทำให้ปิ่นมุกใจอ่อน เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคร้ายส่วนมากจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
“คุณท่าน...”
“รับปากสิ ว่าจะพาปายกลับมาที่นี่ให้ได้”
“...” ปิ่นมุกสบตากับโกศลซึ่งเต็มไปด้วยความลำบากใจ แต่ยังไม่ตอบตกลง เพราะคิดว่าคงทำไม่ได้
“ถ้าเธอรับปาก...ฉันคงตายตาหลับ”
“ละ...แล้วปิ่นจะมั่นใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่ทำอะไรปิ่น”
“เชื่อเถอะ ฉันดูคนไม่ผิดหรอก” เขาคลี่ยิ้มอย่างมีความหวัง เอื้อมมือไปสัมผัสศีรษะเล็กทุยเบาๆ “ถือซะว่าทำเพื่อฉันนะ...ปิ่นมุก”
ปิ่นมุกเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง รู้สึกกระอักกระอวนอยู่ในใจ ยอมรับว่าสงสารคุณท่าน ยิ่งมารู้อะไรแบบนี้ ยิ่งไม่อยากให้ท่านคิดมาก กลัวว่าร่างกายจะทรุดหนักไปมากกว่านี้ และเธอเองก็ยังไม่เคยทำอะไรตอบแทนท่านเลย
อย่างน้อยก็ทำเพื่อผู้มีพระคุณ...
“ตกลงค่ะ! ปะ...ปิ่นไม่รับปากนะคะว่าเขาจะกลับมา แต่ปิ่นจะทำเพื่อคุณท่านค่ะ”