บทที่ 4 เป็นผู้ใหญ่ก็ห้ามโกหกนะ
ขวัญข้าวกระโจนเข้าไปในอ้อมอกนภาลัย “คุณแม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ? บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?”
“ไม่มีจ๊ะ ไม่มี” เธอรีบเช็ดน้ำตาของลูกสาวพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่ไม่เป็นอะไรเลย” แต่ในใจของเธอกลับหวาดหวั่น!
สายตาของภีมพลกวาดตามองเด็กน้อยทั้งสองและผู้หญิงคนนี้อย่างสงสัย คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันดูเคร่งขรึมนัก
สายตาที่ดูโกรธเคืองของเขาสั่งให้หัวใจของนภาลัยรู้สึกแน่นขึ้นมาทันใด
ขวัญข้าวมองไปที่ภีมพลด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาคลอเบ้า “คุณพ่อแย่มากๆเลย! หนูไม่ต้องการคุณพ่อแล้ว! คุณพ่อทำร้ายคุณแม่! ฮือ ฮือ...... คนชั่ว! !” เธอไม่ตกใจในความโกรธของเขาแม้แต่น้อย
นภาลัยรู้สึกไม่ดี “อย่าไปเรียกคุณพ่อมั่วๆอีกนะ! เขาไม่ใช่คุณพ่อของพวกหนู!”
“แม่บอกว่าไม่ใช่ก็ต้องไม่ใช่หรอ?” แชมป์ไม่อยากจะยอมแพ้ “กล้าไปตรวจพิสูจน์ดูไหมล่ะ?”
นภาลัยหมดคำจะพูดและควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ “แชมป์!”
“คุณแม่ คุณแม่แบกรับเรื่องนี้มา 7 ปีแล้ว 7 ปีต่อจากนี้ก็ควรจะให้เขาเป็นคนแบกรับภาระบ้างสิ!” แชมป์ครุ่นคิดเรื่องนี้มาอย่างดี เขาแน่ใจว่าคนๆนี้คือพ่อของเขา
ใบหน้าที่ตึงเครียดของภีมพลผ่อนคลายลงเล็กน้อย เขาเม้มปากเล็กๆ ในสายตาอันลึกล้ำปรากฏความซับซ้อนให้เห็นครู่หนึ่ง
เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่ง
“คำสอนข้อที่ 3 ของตระกูลแตงมณ เด็กห้ามโกหก! ผู้ใหญ่ก็ห้ามโกหกเหมือนกัน!” แชมป์เงยหน้าขึ้นถาม “คุณแม่ จริงๆแล้วเขาคือคุณพ่อของพวกเรารึเปล่าครับ?”
ในขณะนั้น แนวป้องกันในใจที่นภาลัยได้สร้างไว้ก็พังลง เมื่อเผชิญหน้ากับสายตาเย็นชาที่ดูซับซ้อนของภีมพล ร่างกายของเธอก็หยุดนิ่งราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังแตกสลายอย่างไม่มีเงียบๆ
“......” เธอไม่รู้ว่าจะตองลูกชายอย่างไรดี
ภีมพลขมวดคิ้วที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามของเขาแล้วมองไปที่เด็กน้อยผิวขาวเนียนละเอียดและชาญฉลาดทั้งสองที่อยู่ตรงหน้า จากนั้น เขาก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในทันที
วริศมองดูเด็กน้อยทั้งสองอย่างละเอียดถี่ถ้วน คิ้วที่เรียงเป็นระเบียบนั้นช่างเหมือนกันกับท่านประธานไม่มีผิด! เขาตกตะลึงอ้าปากค้างขึ้นมาในทันที!
สวรรค์!
นึกไม่ถึงเลยว่า ในฐานะผู้ช่วยส่วนตัวที่อยู่กับท่านประธานมาโดยตลอด เขาจะไม่รู้เรื่องที่ใหญ่โตขนาดนี้มาก่อนเลย!
นภาลัยแหงนหน้ามองฟ้าแล้วถอนหายใจยาว จากนั้นจึงหลับตาลงอย่างรู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมาย เธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเรื่องนี้จะเป็นเพียงแค่ความฝัน!
แชมป์กอดต้นขาเธอไว้แน่น เพราะกลัวว่าเธอจะโกรธ ——
“คุณแม่ อย่าดุพวกเราเลยนะครับ พวกเราคิดถึงคุณพ่อจริงๆ” เด็กน้อยพูดจากความรู้สึก “ทุกครั้งที่จัดกิจกรรมที่เกี่ยวกับครอบครัวของโรงเรียนอนุบาล คุณพ่อไม่เคยมาร่วมงานเลยสักครั้ง เพื่อนๆคนอื่นชอบล้อพวกเราว่าพวกเรากระโดดออกมาจากรอยแตกของก้อนหิน”
ขวัญข้าวรู้สึกเสียใจน้ำตาคลอเบ้า ในใจรู้สึกขัดแย้ง คุณพ่อคนนี้โหดร้ายจัง! เขาทำร้ายคุณแม่ จะรับเขาเป็นพ่อดีไหมนะ?
แชมป์เห็นว่าพลังของตัวเองไม่มากพอ เขาจึงดึงกระโปรงของน้องสาว “ขวัญข้าว เธอไม่อยากรู้จักคุณพ่อแล้วหรอ? พูดอะไรหน่อยสิ”
ขวัญข้าวคิดเล็กน้อยจึงหมุนตัวมากอดต้นขาอีกข้างของนภาลัย ใบหน้ารูปไข่ที่มีน้ำตาคลอถูเข้ากับตัวเธอ ท่าทางที่น่าสงสารนั้นทำให้นภาลัยโกรธไม่ลง แต่กลับกลายเป็นเจ็บปวดใจและตำหนิตัวเองแทน เพราะเธอเอง ที่ทำให้เด็กๆมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์
ภีมพลนึกถึงคืนที่เขามีสัมพันธ์ซึ่งกันและกันเมื่อ 7 ปีก่อนขึ้นมาอีกครั้ง เธอตั้งท้องหรอ? เรื่องใหญ่ขนาดนี้แต่เธอกลับปิดบังเอาไว้หรอ?
วริศพยายามเรียกสติกลับมา และพูดเบาๆ “ท่านประธาน......”
ภีมพลมองไปยังบ้านไม้ไผ่ เขายังคงไม่ลืมเหตุผลที่เข้ามายังหมู่บ้านแห่งนี้ จริงๆแล้วใครเป็นคนขโมยโครงการท้องฟ้าสีครามไปกันแน่นะ?
เขาระงับอารมณ์ทั้งหมดเอาไว้และมองไปยังผู้หญิงคนนั้น “ที่นี่มีใครอยู่อีกบ้าง?” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“แชมป์! แกไปแฮกใครมาอีก? ทำไมแท็บเล็ตถึงเปิดอยู่ตลอด? มันยังส่องตำแหน่งอยู่เลยนะ! แกไม่กลัวคนอื่น......” สาวินถือแท็บเล็ตเดินออกมาจากในบ้านไม้ไผ่ เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ลานบ้านก็ก้าวเดินต่อไม่ไหวขึ้นมาทันที! ทำไมคนเยอะขนาดนี้เนี่ย?
“คุณพ่อ! ผมเป็นคนแฮกคอมของพ่อเอง!” แชมป์วิ่งไปด้านหน้าสาวินเพื่อเอาแท็บเล็ต จากนั้นก็วิ่งกลับมา “ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่เลยแม้แต่นิดเดียว! ผมทำคนเดียว ผมก็ต้องรับผิดชอบคนเดียว!”
มือน้อยๆชูแท็บเล็ตขึ้นสูงๆ ภีมพลจึงยื่นมือมารับไป
“หนูก็มีส่วนร่วมด้วยเหมือนกัน” ขวัญข้าวหลบอยู่ด้านหลังพี่ชาย เธอมองชายที่อยู่สูงขึ้นไปด้วยท่าทางอ่อนแอ “หนูกับพี่ชายช่วยกันแฮก......”
นภาลัยคิดมากขึ้นมาและสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง
ภีมพลมองลึกลงไปอีกครั้ง เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กสองคนเป็นคนทำเรื่องนี้
“คุณพ่อ ผมลบข้อมูลที่ผมขโมยมาแล้ว! ผมไม่ได้แตะต้องมันเลยนะ! ผมสาบาน!” แชมป์มองเขาอย่างจริงใจ “ผมแค่อยากเจอคุณ! อยากให้คุณรู้ว่ามีผมและน้องอยู่!”