บทที่ 5 แย่งเด็กๆไป
ขวัญข้าวไม่พูดอะไรอีก ตาโตสีดำเหมือนองุ่นมองไปที่พ่อ เขาหล่อมากๆเวลาที่เขาไม่ลงไม้ลงมือ! อยู่ๆหนูน้อยก็คิดขึ้นมาว่าเขาช่างเหมาะสมกับคุณแม่มากจริงๆ
ภีมพลแสกนแท็บเล็ตด้วยความรวดเร็วและพบว่า มีร่องรอยของการลบข้อมูลโครงการท้องฟ้าสีครามจริงๆ และแท็บเล็ตก็ยังคงเปิดเผยตำแหน่งอยู่เช่นกัน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่ทำให้ภีมพลสบตากับเด็กๆแล้ว สัญชาตญาณก็บอกให้เขาเชื่อในคำพูดของพวกเขา อาจจะเป็นเพราะดวงตาคู่นั้น ที่โกหกไม่เป็นก็ได้ล่ะมั้ง
เขามองคนแม่นมาก
คนอายุ 38 อย่างเขากำลังมองเด็กๆคู่หนึ่ง แต่ในใจก็เกิดความรู้สึกสับสนไม่หยุด
ภีมพลส่งแท็บเล็ตคืนให้เด็กผู้ชายและมองดูเขาใช้สองมือเล็กๆ รับมัน จากนั้นจึงเก็บลงในกระเป๋านักเรียนลายเป็ดน้อยสีเหลืองที่สะพายอยู่
เขาย่อตัวลงอุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้นมาส่งให้วริศรับไปอุ้มต่อ
จากนั้นก็มาอุ้มเด็กหญิงตัวน้อย จากนั้นก็มองนภาลัยอย่างสนใจ “ในเมื่อเด็กๆ คือลูกของผม งั้นก็ทำตามความหวังของเด็กๆแล้วกัน 7 ปีหลังจากนี้ ผมจะเป็นคนรับผิดชอบเอง”
บอดี้การ์ดเห็นเช่นนั้นจึงเปิดประตูรถทันที วริศจึงอุ้มเด็กๆ ขึ้นรถด้วยความรวดเร็ว
เมื่อนภาลัยได้สติ ขวัญข้าวก็ถูกเขาอุ้มเข้าไปในรถเรียบร้อยแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วจนเธอประหลาดใจ
“นี่! ฉันเป็นคนคลอดเด็กๆ มา คุณมีสิทธิอะไรมารับผิดชอบพวกเขา?!” นภาลัยพุ่งไปด้านหน้าเพื่อแย่งเด็กๆ คืนมาตามสัญชาตญาณ แต่กลับถูกบอดี้การ์ดมาขวางไว้
ทั้งสองฝ่ายเริ่มลงไม้ลงมือ สาวินร้อนใจมาก เขาอยากจะเข้าไปช่วยไกล่เกลี่ย แต่ก็กลัวจะโดนทำร้ายเสียเอง
บอดี้การ์ดคล่องแคล่วว่องไว พวกเขาเพียงแค่ป้องกันแต่ไม่ได้โจมตี เพราะยังไงซะเธอก็คือแม่ของเด็กๆ พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะให้เธอบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย
“คุณบ้าไปแล้วรึเปล่า? ภีมพล!! ลูกของฉันเกี่ยวข้องอะไรกับคุณ?” เมื่อเธอเห็นภีมพลขึ้นรถก็รู้สึกร้อนใจมาก “คุณจะเอาเด็กๆ ไปแบบนี้เลยหรอ? ไม่กลัวว่าเด็กๆ จะโกหกหรือยังไงกัน? ไม่คิดจะพิสูจน์อะไรก่อนเลยหรือไง?”
จริงๆ แล้วเธอเก่งกังฟูมาก หลังจากครั้งนั้น ที่เธอถูกจับไปครั้งแรก เธอก็จงใจไปเรียนโดยเฉพาะเพื่อเอาไว้ใช้ป้องกันตัวเอง
“คุณแม่ขา! คุณแม่! !” ขวัญข้าวยื่นหัวเล็กๆ ออกมาจากหน้าต่างรถ เธอร้องไห้อย่างร้อนใจ “หนูไม่อนุญาติให้พวกคุณทำร้ายคุณแม่......”
แชมป์ยื่นมือมาอุ้มน้องสาวไว้ “ไม่หรอก พวกเขาได้แต่เป็นคนถูกทุบตีเท่านั้น คุณแม่จะไม่เป็นอะไรหรอก!”
“ฮือ ฮือ......”
“ไม่ต้องร้องแล้วนะ คุณแม่ไม่ไปไหนหรอก” แชมป์เข้าไปกระซิบข้างหูขวัญข้าว “พวกเราต้องให้คุณพ่อยอมรับพวกเราก่อน”
เมื่อรถสตาร์ท บอดี้การ์ดก็กระโดดขึ้นไปด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่ประตูรถปิดลง รถก็จากไปต่อหน้านภาลัย
“ฉันไปด้วย!” นภาลัยตามไปพร้อมทั้งตะโกนด่าแลมโบกินีที่อยู่ไกลออกไป “คุณมีสิทธิอะไรมาขโมยเด็กๆ ไป? ! มาสู้กันตัวต่อตัวสิ! เอาบอดี้การ์ดมาสู้มันแมนตรงไหนกัน?”
ความลับที่เก็บซ่อนมาตลอด 7 ปี ในที่สุดก็ถูกเปิดเผย......
ลูกชายที่อัจฉริยะกับลูกสาวที่นุ่มนิ่มดั่งปุยฝ้าย......ถูกภีมพลแย่งไปแล้ว
เธอนั่งยองๆ สองมือกอดเข่าด้วยความท้อใจ ในใจรู้สึกโหวงเหวง “เขาถึงทำแบบนี้ได้ยังไงกัน? เขามีสิทธิอะไร?”
“อาจารย์......” สาวินย่อตัวลงมาประคองเธอ “ไม่ต้องกังวลไปหรอก แชมป์กับขวัญข้าวจะต้องไม่เสียเปรียบแน่ๆ ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้อาจจะกลับมาเองก็ได้นะ”
นภาลัยรู้ดีว่าต่อไปนี้ ชีวิตของเธอจะไม่มีวันสงบสุขแน่ๆ!
“เด็กๆ น่ะ มักจะเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อโลกใบนี้แล้วก็อยากเจอกับสิ่งแปลกใหม่ แต่ไม่ว่ายังไง พวกเขาก็ยังคิดว่าแม่ของพวกเขาดีที่สุดเสมอ” สาวินไม่รู้จะทำอย่างไรดีนอกจากปลอบเธอ
แต่นภาลัยกลับอยากจะร้องไห้!
ขวัญข้าวเป็นเด็กขี้กลัวและติดเธอมากๆ เมื่อกี้เธอยังตกใจร้องไห้อยู่เลย ถ้าเธอถูกทำให้ตกใจจะทำยังไงล่ะ? แล้วถ้าตกใจจนมีปัญหาจะทำยังไงกัน?
“อาจารย์......”
“เห้อ! คุณไม่ต้องปลอบฉันแล้ว!” นภาลัยลุกขึ้นยืนและเดินกลับบ้าน “แชมป์ทำผิดมากๆ อย่างน้อยก็น่าจะปรึกษาฉันก่อนสิ! อยู่ดีๆ ก็ไปแฮกคอมพิวเตอร์เขา ทำแบบนี้ก็เหมือนกับการชักศึกเข้าบ้านชัดๆ เลย!”
“ก็ถ้ามาปรึกษากับคุณก่อน คุณก็ต้องไม่เห็นด้วยน่ะสิ......”
“คุณ......”
“ขอ ขอโทษครับ! อาจารย์ ผมไม่ได้จะหมายความอย่างนั้น!”
สาวินหัวเราะแหะๆ เขารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี ฝั่งตรงข้ามคือคุณภีมพลเชียวนะ!
มีคนตั้งเท่าไหร่ที่ขอให้มีพ่อที่รวยขนาดนั้น?
นภาลัยเข้าไปในห้อง “ไม่ว่าใครก็ห้ามมารบกวนฉัน!” เธอปิดประตูดัง ปัง!
ในรถแลมโบกินีที่จากไป ภีมพลที่มีคิ้วยาวจนเกือบจะมาชนกันพร้อมเสียงทุ้มต่ำที่น่าดึงดูดใจ ก็ได้สังเกตเด็กน้อยทั้งสองพร้อมถามว่า “แม่ของพวกเธอชื่ออะไร?”
ทันทีที่เขาถามประโยคนี้ออกไป วริศก็เลือดแทบพุ่ง!
ถึงขนาดมีลูกด้วยกันแล้ว แต่กลับไม่รู้ชื่อของอีกฝ่ายเนี่ยนะ?