บทที่2
หลังจากเหตุการณ์นั้น...เนื้อหาช่วงหลังของนิยาย..สาริณีถึงกับอ่านตามอย่างซึมๆ ไอ้ความฟง..ความฟินช่วงต้นนิยาย...หายแวบไปกลับตา แล้วบทลงเอยนิยายเรื่องนี้ ก็จบตรงที่ว่านางร้ายหมายเลขสองต้องลาออกจากมหาวิทยาลัยเพราะรับเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่ได้..อีกทั้งยังกลายเป็นโรคซึมเศร้า แล้วฆ่าตัวตายในที่สุด ส่วนนางร้ายหมายเลขหนึ่งก็พาครอบครัวล้มละลาย เพราะตามราวีนางเอก...ในขณะที่น้องนางเอกก็ดันท้องแล้วหนีพระเอกไปอยู่ที่อื่น จวบจนพระเอกขอโทษสำหรับทุกอย่างที่เคยดูถูกเหยียดหยาม ทั้งเคยบอกว่าไม่รัก เขาขอโอกาสอีกสักครั้งเพื่อให้เรากลับมารัก.. และยัยน้องก็ให้อภัย...สร้างครอบครัวสุขสันต์ในท้ายที่สุด...โดยมีพระรองที่แสนดีคอยเป็นฝ่ายซัพพอร์ตตามทั้งเรื่อง
หญิงสาวพึ่งอายุครบสี่สิบปีบริบูรณ์ไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้วพลิกตัวไปมา..ความรู้สึกหดหู่ใจในชะตากรรมของนางร้ายหมายเลขสองยังติดอยู่ในใจ...ส่งผลให้เจ้าตัวลุกขึ้นนั่ง...แล้วหยิบมือถือขึ้นมา และเปิดเข้าหน้าขายนิยายพ่ายรักภรรยาคนเดิม
ในหน้าคอมเมนต์ถึงนักเขียน...เริ่มมีแฟนนิยายส่งกำลังใจพร้อมกับคอมเม้นต์ชื่นชมในความสนุก ความฟินเฟ่อที่ได้รับ แต่มือเจ้ากรรมของแฟนคลับนิยายหมายเลขหนึ่งกับพิมพ์ๆ ลบๆ ข้อความ...เต็มไปด้วยความลังเล..เพราะกลัวพิมพ์ไปนักเขียนคนโปรดจะเสียความรู้สึก
ก่อนที่สาวใหญ่จะตัดสินใจวางโทรศัพท์ในมือลงอีกรอบ...ความนึกคิดย้อนกลับไปยังครอบครัวสมัยเด็ก
แต่เดิมเธอเกิดมาในครอบครัวคนชั้นกลาง..ถึงแม้ครอบครัวจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็ไม่ถึงกับอดมื้อกินมื้อ พ่อของหล่อนทำอาชีพเป็นวินมอเตอร์ไซต์ ส่วนแม่ทำอาหารตามสั่งขาย...วันหนึ่งก็มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้ชีวิตครอบครัวเล็กๆ ของเธอนั้นเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
ตอนนั้นเด็กหญิงสาริณีอายุเพียงแปดขวบ..พ่อไปรับแม่จากงานทำบุญของชุมชน แต่แล้วก็มีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งดักทำร้าย..แม่ของเธอถูกลากไปรุมโทรม ในขณะที่พ่อพยายามเข้าไปช่วยจนโดนทำร้าย...เมื่อเหตุการณ์ทุกอย่างจบลง พ่อของเธอเสียชีวิต..และแม่แทบเป็นบ้า...ส่วนพวกที่ทำเลว..บางคนอายุยังอยู่ในเกณฑ์เยาวชนบทลงโทษในสมัยนั้นก็แสนจะน้อยนิด..บางคนอายุมากหน่อยก็โดนลงโทษติดคุกเพียงไม่กี่ปี..แต่สำหรับครอบครัวผู้สูญเสียแล้วมันคือการสูญเสียครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
แล้วบทลงโทษที่ว่า มันไม่สาสมเลยแม้แต่น้อย...วันนั้นเธอสูญเสียพ่อ และแม่ก็ตัดสินใจบวชชีตลอดชีวิต เนื่องจากไม่สามารถทำใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ดังนั้นสาริณีจึงเติบโตมากับป้าผู้หาเช้ากินค่ำ
เมื่อนอนไม่หลับนักอ่านตัวยงก็ตัดสินใจโดเนทนิยายให้กับนักเขียนเป็นครั้งสุดท้าย..พร้อมส่งข้อความไปว่า
'คุณนักเขียนคะ นิยายเรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ แต่รี๊ดคิดว่าจุดจบของมณีเมขลามันไม่สมควรโดนขนาดนี้...ตัวร้ายไม่ว่าจะเลวร้ายแค่ไหนก็ไม่ควรมีใครโดนลงโทษด้วยการโดนข่มขืน...มันโหดร้ายเกินไปค่ะ'
แน่ละ เธอไม่รู้ว่าคุณนักเขียนจะโกรธมั้ยที่คอมเมนต์ไปแบบนั้น...แต่สำหรับคนที่เคยมีปมเรื่องนี้มาก่อนก็อดจะพิมพ์มันลงไปไม่ได้
กว่าร่างบอบบางผอมแห้งจะหลับไปเวลาก็ผ่านไปร่วมหลายชั่วโมง มารู้ตัวอีกทีเมื่อส่วนร่างของแก่นกายสาวถูกบางสิ่งสอดใส่กระแทกกระทั้น..บดอัดรุนแรง..ส่วนบนโดนมือหนาหยาบหยอกเย้าปทุมถันจนแข็งเป็นไต..คนโดนกระทำถึงกับวาบหวิว...เสียวจนอดส่งเสียงครางออกมาโดยไม่รู้ตัว..นิ้วมือเท้าเกร็งงอ สาริกาถึงกับสะลึมสะลือหรี่ตามอง..แต่เธอก็เห็นเพียงแสงไฟที่ลอดผ่านมาจากห้องน้ำ..ซึ่งดูผิดตำแหน่งกับคอนโดหลังน้อยของเธอนัก
เสียงครางกระเส่าปนหอบไม่คุ้นหู ซึ่งมันดันส่งมาจากลำคอของเธอ..ใช่มันคือเสียงของเธอ
และแล้วแรงกระแทกเป็นจังหวะที่ได้รับต่อเนื่องก็สร้างความรู้สึกเสียวขั้นสุดเหมือนตัวล่องลอย แล้วตกกระแทกลงมาอย่างแรง..มันเป็นความเสียวที่ตลอดชีวิตสาวซิงไม่เคยสัมผัสมาก่อน และมันก็ส่งผลให้หล่อนผวากอดร่างสูงใหญ่ตรงหน้า...อกนุ่มสัมผัสกับอกแกร่ง...เหงื่อซึมชื้นตามกิจกรรมเข้าจังหวะ..ผสมเป็นเนื้อเดียวกัน
ในขณะที่ชายปริศนาเองก็ไม่สามารถสะกดกั้นความกระสันที่ได้รับจากแรงตอด..มันทั้งนุ่มนิ่ม..อบอุ่น..และกอดรัดเจ้ามังกรน้อยเสียแนบแน่น..เสียงคำรามต่ำ..บ่งบอกว่าเขาถึงจุดหมายปลายทางแห่งความใคร่เป็นที่เรียบร้อย..ในขณะที่ใต้ร่างบอบบางนั้นกระตุกสั่นไปก่อนหน้านี้แล้ว
เมื่อลมหายใจอุ่นร้อนของชายแปลกหน้าเริ่มปรับจังหวะลมหายใจจนเรียบนิ่ง...คนที่ทำให้หล่อนอึดอัดก็ดันตัวเองออก ก่อนจะโยนถุงยางอนามัยลงถังขยะปลายเตียง..ร่างสูงสมาร์ตหุ่นดีราวกับนายแบบเดินแก้ผ้าโทงๆ เข้าไปในห้องน้ำ
ในขณะที่สาวใหญ่ใช้มือเกยหน้าผาก...เต็มไปด้วยความรู้สึกช็อก นี้มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย!!!!!