2
เขาเคยพาบิดามารดาไปสู่ขอยาหยีกับมารดาของหล่อน แต่จำปีหอมไม่ยอมยกให้ง่ายๆ ไม่ใช่เพราะสินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น มารดาของยาหยีไม่เรียกร้องเลยด้วยซ้ำ แต่ท่านบอกว่าต้องการผู้ชายดีๆ ที่จะดูแลบุตรสาว คนดีหายาก คนรวยหาง่าย เพราะใครๆ ก็ต่างอวดรวยกับนางทั้งนั้น
ก่อนที่เขาจะพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอยาหยี หล่อยก็มีผู้ชายบ้านอื่นพาผู้ใหญ่ไปสู่ขอแล้วเช่นกัน ซึ่งต่างก็โดนปฏิเสธกลับมา หลายคนหน้าแตกยับเยิน หลายคนเจ็บแค้นใจหาว่าโดนดูถูก เพราะบางคนเป็นถึงทายาทเจ้าของร้านขายเพชร ขายทองชื่อดังของจังหวัด
ยาหยีมีสีหน้าเรียบเฉยไม่ได้ยินดีรินร้ายกับหนุ่ม ๆ ที่มาช่วยกันตะโกนเรียกลูกค้า
แม้แต่เชิดที่ดูเก้ ๆ กัง ๆ ยามที่ช่วยขายของ เธอขายมันเทศ มันหวาน มันสำปะหลังและหัวเผือก น่าจะเป็นผลผลิตจากไร่ที่เธอปลูกกับมารดา
แสนยิ้มให้ยาหยี เธอเองยิ้มตอบให้เขาด้วย จริง ๆ แล้วแสนก็คิดว่ายาหยีมีใจให้เขาเช่นกัน
ชายหนุ่มไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองแต่คิดว่ายาหยีก็ไม่เคยทำท่าทีรังเกียจอะไรเขาเลย
“พี่อยากได้หัวเผือกไปบวช อยากได้มันหวานไปต้มคลุกกับมะพร้าวอ่อน อยากได้มันสำปะหลังไปเชื่อมกินกับน้ำกะทิ” เขาบอกเจตนารมณ์ให้เธอได้รับรู้
“ค่ะพี่แสน”
“พรุ่งนี้วันพระ จะได้ไปทำบุญที่วัดป่า ขายให้พี่บ้างจะได้ไหม” แสนยิ้มหวานเชื่อมให้หญิงสาวตรงหน้า
“ได้สิจ้ะ พี่แสนจะเอาไปทำบุญ ฉันก็อนุโมทนาบุญกับพี่ด้วยนะจ๊ะ เดี๋ยวฉันใส่ถุงให้นะพี่เดี๋ยวนี้เลยจ้ะ” เขาเหมาจนหมด เธอก็คิดว่าดี จะได้ไม่ต้องนั่งขายต่อ มีเวลาจะได้ไปทำสวนหรือทำงานบ้านให้เรียบร้อยในวันนี้
ยาหยีเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เธอเป็นแม่ค้าไม่ว่าใครจะซื้อเธอก็ขายทั้งนั้น แม้มารดาจะไม่ค่อยชอบผู้ชายไม่อยากให้เธอแต่งงานออกเรือนในตอนนี้เพราะยังไม่มีใครผ่านคุณสมบัติของท่าน แต่ท่านก็ไม่ได้บังคับให้เธอครองตัวเป็นโสดไปจนวันตาย หากได้เจอผู้ชายดีๆ เข้ามาในชีวิต
ท่านแค่คิดว่าเธอจะโดนหลอก กลัวผู้ชายไม่จริงใจหลงแค่รูปโฉม พอได้สมใจก็ทิ้งขว้างอย่างไม่ไยดี ท่านก็ไม่ได้ใจแคบถึงขนาดไม่ยอมให้เธอคุยกับใครเลย แต่เธอเองที่ยังไม่ได้ตัดสินใจแต่งงานเพราะคิดว่ายังอยากมีชีวิตโสดต่อไป
เธอเชื่อคำของมารดา หนทางพิสูจน์ม้ากาลเวลาพิสูจน์คนคือเรื่องจริง ถ้าผู้ชายคนนั้นรักเราจริงๆ ก็ต้องทำให้เรามีความสุขดูแลเราเป็นอย่างดีปรารถนาดีต่อเรา ไม่ใช่เกิดความรู้สึกอยากได้เราประเดี๋ยวประด๋าว ยกขันหมากมาสู่ขอทั้ง ๆ ที่ไม่ได้คบหาดูใจกันก่อน พออยู่ด้วยกันไป นิสัยแท้จริงออกมา อยู่ด้วยกันไม่ได้ หมดความอยากได้ใคร่รักก็ทิ้งขว้างเลิกกันอย่างง่ายดาย
เงินทองหรือการแต่งงานจึงไม่ใช่หลักประกันสำหรับชีวิตคู่ว่าเขาจะรักเราไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ซึ่งจริงๆ แล้วคนที่จะตัดสินใจแต่งงานอยู่กินกันฉันสามีภรรยานั้น จะต้องผ่านอะไรกันบ้างแล้ว ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ไม่ทอดทิ้งกัน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น มารดาของเธอบอกว่ามีคู่ชีวิตแบบนั้นอยู่ หากเราไม่มีแบบนั้นก็อย่าหาความทุกข์มาใส่ตัวจะดีกว่า
มารดาเล่าว่า บิดาเคยบอกว่ารักท่านสุดหัวใจ จะกลับไปที่กรุงเทพ ฯ เพื่อขอให้บิดามารดามาสู่ขอมารดา แต่ท่านก็หายเงียบไปไม่ติดต่อมาอีก ปล่อยให้มารดาต้องอุ้มท้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง
ท่านสารภาพกับเธอทั้งน้ำตาว่าได้ทำผิดพลาดครั้งใหญ่หลวง คือเผลอตัวเผลอใจไปกลับบิดา เลยตั้งท้องขึ้นมา
เธอจึงคลอดออกมาโดยไม่เคยเห็นหน้าบิดาเลย มารดาเลี้ยงเธอมาเพียงคนเดียวเท่านั้น
ท่านต้องโดนคนในหมู่บ้านครหานินทาว่าท้องไม่มีพ่อ เหตุนี้เธอถึงไม่อยากทำให้มารดาต้องทุกข์ใจด้วยการตัดสินใจแต่งงานกับผู้ชายที่แค่ชอบเธอเพราะความสวยภายนอก แต่เนื้อแท้ในจิตใจนั้นรักเธอหรือเปล่า เธอไม่เคยได้สัมผัสหรือรับรู้มันเลย
“พี่อยากเหมาทั้งหมดนี่เลยครับ เอาไปทำบุญพรุ่งนี้ คุณแม่ของพี่อยากจะทำบุญและทำขนมหวานเลี้ยงคนที่ไปทำบุญด้วย” เขาเอ่ยบอกสาวน้อยหน้ามนคนน่ารักด้วยรอยยิ้มหวานหยด
เชิดถึงกับหน้าตึง เขาไม่ชอบที่แสนอวดรวย จริงๆ เขาจะเหมาเผือกมันพวกนี้ทั้งหมดก็ย่อมได้ แต่เขาเอาไม่ใช้เงินหลอกล่อผู้หญิงแบบแสนก็แค่นั้นเอง
“เหลือเอาไว้ให้คนอื่นบ้างสิ” เชิดพูดขึ้น หมั่นไส้แสนนักที่ชอบอวดรวย แถมผู้หญิงในตำบลนี้ก็อยากเป็นเมียของแสนจนตัวซีดตัวสั่น
“จะเหลือเอาไว้ให้ใคร ไม่ใช่ของแจกเสียหน่อย นี่มันของซื้อของขาย” แสนเอ่ยถามเชิด ไม่ชอบขี้หน้าไอ้หมอนี่เอาเสียเลย รู้ทั้งรู้ว่าเขาหมายตายาหยีอยู่ ก็ยังจะตามจีบยาหยีแข่งกับเขา
แสนคิดว่า แต่ก็เอาเถอะ เขาเป็นลูกผู้ชายแมน ๆ แฟร์ ๆ ใครจะจีบก็จีบไป เขาไม่สามารถไปขัดขวางหรือบังคับใครได้ แข่งกันจีบแบบนี้ก็ดี ถ้าใครเอาชนะใจของยาหยีได้ ก็ถือว่าคนนั้นชนะอย่างขาวสะอาด ไม่กีดกันอีกฝ่าย
“พูดแบบนี้อวดรวยนี่หว่า” เชิดกำลังจะตรงเข้ากระชากคอเสื้อของแสน แต่ยาหยีรีบห้ามปรามเอาไว้เสียก่อน เธอไม่อยากให้ผู้ชายพวกนี้มาต่อยกันหน้าร้านของเธอ เดี๋ยวจะเป็นขี้ปากชาวบ้าน หาว่าเธอยั่วผู้ชายทำให้ผู้ชายทะเลาะกันอีก
“พี่เชิดอย่ามีเรื่องกันเลยจ้ะ ถือว่าฉันขอนะจ๊ะ”