บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 แผนร้ายองค์ชายน้อย

ตอนที่ 7 แผนร้ายองค์ชายน้อย

ตำหนักซีหยวน

ตำหนักพักต่างอากาศขององค์ชายสาม ยามนี้กำลังร่ำสุราข้างกายมีนางกำนัลคอยดูแลปรนนิบัติเจ้านายผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ในอาการโศกเศร้า แม้วันเวลาจะผ่านมาหกปีแล้ว

องค์ชายสามยังคงซึมเศร้าเสียใจกับการจากไปของพระชายาเอก ผู้ซึ่งเป็นที่รักเพียงหนึ่งเดียวในพระทัยเสมอมา ข้างกายขององค์ชายสามจินจื่อหยางมีเด็กชายตัวเล็กวัยหกหนาว ซึ่งเป็นพระโอรสของเขากับองค์หญิงแคว้นชิง

ทว่ามีเหตุการณ์มิคาดฝันว่ามันจะเกิดขึ้นในวันที่พระชายาเอกคลอดพระโอรส ผ่านมาหกปีแล้ว องค์ชายสามมิเคยลืมพระชายาเอกไปจากใจได้ แม้ว่าได้หมั้นหมายกับบุตรสาวของแม่ทัพแดนเหนือหลังจากที่พระชายาจากไปสามปีแล้ว

บัดนี้องค์ชายผู้นี้ยังคงสวมหน้ากากมนุษย์ร่ำสุราเคล้านารีด้วยความเคยชิน เพราะตัวเขานั้นได้ทำตามคำสั่งของผู้เป็นนาย แม้แต่องค์ชายจินจื่อหมิงเองก็ยังไม่ทราบ

องครักษ์ผู้หนึ่งกดยิ้มที่มุมปาก มององค์ชายสามตัวปลอมเล่นงิ้วได้สมจริงเสียเหลือเกิน แม้แต่ลูกชายเองยังมองไม่ออก ว่าแท้จริงแล้วชายผู้นี้คือใครกันแน่

“ท่านพ่อขอรับ เมื่อไรจะเลิกดื่มสุราเสียที ลูกเห็นท่านดื่มจนร่างกายซูบผอมไปหมดแล้ว” ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเด็กอายุเพียงหกหนาวแต่มีใบหน้าคมคายหล่อเหลายิ่งนัก ดวงตากลมโตถอดแบบจากมารดา รูปหน้ารามถึงคิ้วจมูกริมฝีปากล้วนถอดแบบบิดามาทั้งสิ้น

เมื่อเห็นบิดาอยู่ในภวังค์เช่นนี้หลายครั้งหลายครา อดที่จะสงสารระคนห่วงใยไม่น้อย เขาเขียนจดหมายถึงเสด็จปู่ซึ่งเป็นฮ่องเต้แคว้นจิน ให้เร่งการอภิเษกให้บิดาเร็ววัน

ทว่าจดหมายที่ตอบกลับมานั้นมีเนื้อหาเพียงว่าสตรีผู้ที่จะมาเป็นมารดาป่วยเรื้อรัง ยังมิอาจอภิเษกสมรสได้ในเวลาอันกระชั้นชิดนี้

“หมิงเอ๋อร์ เจ้าคิดจะส่งจดหมายไปอีกรึ อย่าคิดว่าพ่อไม่รู้ว่าเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่ ลืมแม่เจ้าไปแล้วหรือ” องค์ชายสามมีสีหน้าแดงก่ำ ดวงตามิได้หม่นหมอง กลับมีแต่ความสุขยิ่งนัก วัน ๆ ไม่ต้องทำอันใดร่ำสุราอยู่กับนางกำนัลทั้งสอง จะมีอะไรมีความสุขไปมากกว่านี้อีกเล่า

“ท่านพ่อ หากลูกไม่ทำเช่นนี้ ท่านก็คงยังป่วยใจ ลูกคิดดีแล้วย่อมต้องเร่งรัดให้นางมาเป็นมารดาของลูก” จินจื่อหมิงย่อมดื้อรั้นเพราะบิดามีอาการป่วยทางใจมานานแสนนาน หากมิรักษาแล้วละก็ ตัวเขาจะกลายเป็นเด็กกำพร้าเป็นแน่

“เหอะ เจ้าอายุเท่าไรกันเร่งรัดให้ข้ารีบแต่งงาน ริอ่านเป็นพ่อสื่อให้แล้วรึ มิเชื่อฟังบิดาของเจ้าหรืออย่างไรกัน” ชายหนุ่มส่งเสียงดุดัน พร้อมกับเหลือบมองชายหนุ่มซึ่งยืนเคียงข้างอยู่กับองค์ชายน้อย

“แต่ว่าท่านพ่อขอรับ การแต่งงานจะเลื่อนไปมากมิค่อยเหมาะสมนัก สตรีแคว้นจินสมควรแต่งงานตั้งแต่อายุสิบเจ็ด ตอนนี้นางก็อายุเหมาะสมแล้ว และก็เจ็บป่วยเรื้อรังอีกด้วย และนี่มิเป็นผลดีกับท่านพ่อหรือขอรับ” เขาหว่านล้อมบิดา เห็นชัดว่าฝ่ายแม่ทัพเมิ่งไม่ส่งสารเร่งรัดการอภิเษกสมรสเสียที

“เหอะ เจ้าโตแล้วจริง ๆ สินะ” จินจื่อหยางวางจอกสุราลงบนโต๊ะ เหลือบมององค์ชายผู้สูงศักดิ์ที่ริอ่านเป็นพ่อสื่อชักนำสตรีนางอื่นมาแทนที่องค์หญิงชิงมู่ตาน

เขาจึงแสร้งเอ่ยขึ้นว่า “ใจข้ามีเพียงแค่มารดาของเจ้า นางน่ารักอ่อนโยนเพียบพร้อมยังอ่อนหวานยิ่งนัก จะมีหญิงใดทัดเทียมนางได้กัน”

“ท่านพ่อ ลูกเห็นเป็นผลดีเสียมากกว่า ไม่ต้องรักก็ได้ ที่ผ่านมาลูกก็เห็นว่าแต่งงานเพื่อเสริมอำนาจมิใช่หรือขอรับ” จินจื่อหมิงมิใช่เด็กน้อยไม่รู้ประสา เขาร่ำเรียนเขียนอ่านมากความสามารถ

ดังนั้นเขาต้องเก็บซ่อนมันเอาไว้ ด้วยเพราะเกรงว่าจะมีภัยมาถึงตัว การที่มารดาของเขาจากไปในวันให้กำเนิดเขานั้น ย่อมต้องมีผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังเป็นแน่ ทว่าคนผู้นั้นเป็นใครกัน ช่างได้กล้าหาญขวัญเทียมฟ้าลงมือวางยาพิษมารดาของเขาเยี่ยงนี้

“ผลดีอย่างไรกัน รับตัวพระชายาเอกที่ป่วยใกล้ตายมายังตำหนักต่างอากาศ ไร้งานอภิเษกได้หรือ เจ้าคิดว่าท่านปู่เจ้าจะยินยอมหรือไม่ หากข้ารับปากแต่งงานกับนางไร้ซึ่งพิธีการต่าง ๆ เล่า” องค์ชายสามหยัดกายลุกขึ้นยืน ทอดสายตามองไปยังบ่อน้ำพุร้อนของตำหนักซีหยวน พร้อมกับรู้สึกถึงสายตาเหี้ยมเกรียมของชายผู้นั้น ซึ่งยืนอยู่มิห่างจากองค์ชายน้อย

เมื่อได้รับหน้าที่ย่อมต้องทำตามรับสั่ง หากองค์ชายสามไม่กล่าวโทษ ย่อมต้องเอ่ยเช่นนี้เป็นแน่ เรื่องนี้เขากับองค์ชาย เคยปรึกษากันมาก่อน สายลับของเฉินฮองเฮายังมิปรากฏ เช่นนั้นไม่อาจแหวกหญ้าให้งูตื่นได้

“ส่งสารถึงฝ่าบาท ข้ายินดีจะแต่งงานกับนาง แต่ไร้ซึ่งพิธีการใด ๆ ทั้งสิ้น หากยินยอมนางจะเป็นพระชายาเอกเพียงผู้เดียว หากมิยินยอมก็ยกเลิกสัญญาหมั้นหมายกันเสีย”

“เพคะองค์ชาย” หนึ่งในนางกำนัลเอ่ยขึ้น นางก้มหน้ามิกล้าสบตาผู้เป็นนาย หน้าที่ของนางคือดูแลองค์ชายน้อยรวมถึงเครื่องเสวยต่าง ๆ ในวังซีหยวนแห่งนี้

เมื่อองค์ชายสามเดินจากไปแล้วมองเห็นเพียงแผ่นหลังที่ลาลับสายตาไป นางกำนัลไม่พอใจสีหน้าจึงบูดบึ้งยิ่งนัก นางจึงถือดีว่าตนคือคนสนิทขององค์หญิงแคว้นชิง หรือคนสนิทของมารดาองค์ชายน้อยผู้นี้ นางจึงได้ตักเตือนด้วยความหวังดี

“องค์ชายน้อยเพคะ หากสตรีผู้นั้นร้ายกาจชิงชังและไม่รักองค์ชายจะทำเช่นไรเพคะ” นางกังวลใจเรื่องนี้ยิ่งนัก ใครเล่าจะรักและเอ็นดูลูกของสตรีอื่นมากกว่าลูกของตนเองเล่า

“ไม่ต้องเป็นห่วงไป นางมิทำเช่นนั้นเป็นแน่” นั่นเพราะเมื่อปลายปีที่แล้ว เขาออกเดินทางไปยังแดนเหนือ บังเอิญได้พบคุณหนูรองและนางยังเป็นสตรีที่เหมาะสมคู่ควรกับบิดาเขายิ่งนัก

ในวันนั้นเขาพลัดหลงกับองครักษ์ โชคดีที่ได้นางช่วยเหลือเอาไว้พวกนักฆ่าโผล่มาจากไหนไม่รู้ ตามสังหารเขาจนพลัดหลงกับองครักษ์ และบังเอิญได้พบกับสตรีนางหนึ่ง

นางเป็นคนช่วยชีวิตเขาจากคมหอกคมดาบ สังหารนักฆ่าพวกนั้นจนสิ้นชีวิตต่อหน้าต่อตาเขา และเพิ่งทราบว่า แท้ที่จริงแล้ว นางคือเมิ่งลู่ซือ หรือว่าที่มารดาเลี้ยงของเขานั่นเอง บังเกิดเป็นความประทับใจตั้งแต่แรกพบ กระทั่งองครักษ์ที่ติดตามเขาเสมอ ยังออกปากชื่นชมเยินยอนางอีกด้วย

“องค์ชายแน่ใจได้อย่างไรเพคะ” นางกำนัลไม่มั่นใจนักซักไซ้เพราะอยากรู้ต้นสายปลายเหตุ

“เจ้ามีหน้าที่แค่ติดตามดูแลข้า เรื่องอื่นไม่จำเป็นต้องรู้” ถึงแม้เขาจะมีอายุเพียงหกหนาวแต่กิริยาท่าทางราวกับบุรุษหนุ่มเติบโตสมวัยยิ่งนัก ท่วงท่าองอาจ ใบหน้าหล่อเหลามิได้ยิ้มแย้มให้นางกำนัลเหมือนเช่นเคย กลับมีดวงตาคมกริบจ้องเขม็งมายังนางกำนัลด้วยความมิพอใจ

“คราวหน้าหัดสำรวมให้มากกว่านี้ อย่าได้สอดแส่เรื่องของเจ้านาย” จินจื่อหมิงเอ่ยขึ้นด้วยถ้อยคำซึ่งรุนแรงยิ่งนัก

ทำให้นางกำนัลก้มหน้างุดมิกล้าเงยหน้าขึ้นมาสักนิด ภายในอกนางเจ็บปวดแค้นเคืองยิ่ง ด้วยเพราะองค์ชายสามกำลังจะรับสตรีนางหนึ่งเข้ามาเป็นพระชายาเอก แทนที่องค์หญิงของนางที่ไปเยือนปรโลกแล้ว

“เพคะองค์ชายน้อย ต่อไปหม่อมฉันจะระมัดระวังให้มาก จะไม่ทำเช่นเมื่อครู่นี้อีกเพคะ” นางรับปากส่ง ๆ ไปเท่านั้น เพราะคิดในใจเอาไว้แล้วว่า นางจะส่งสารถึงองค์ชายใหญ่แห่งแคว้นชิง

ทางด้านผู้ถูกหมายหัวเอาไว้ ว่าจะรับเข้ามาเป็นพระชายาเอกนั่นก็คือคุณหนูรองเมิ่งลู่ซือ ถูกหามเข้ามาในจวนทางด้านหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาผู้คนมากมาย บรรดาสาวใช้ทั้งหลายต่างรีบเร่งจัดการอาภรณ์ของคุณหนูรองที่ย้อมไปด้วยคราบโลหิต ยังมีกลิ่นคาวลอยคลุ้งไปทั่วห้องของนาง

“อะไรนะ เจ้าพูดใหม่อีกครั้งซิ” กวนอวี้เหยาแทบจะเป็นลมล้มพับเมื่อได้ยินข่าวร้ายจากสาวใช้ที่รีบมารายงานให้รับทราบถึงอาการบาดเจ็บของคุณหนูรอง

“ฮูหยินรองคุณหนูบาดเจ็บสาหัสเจ้าค่ะ ตอนนี้กำลังพักอยู่ในห้อง” สาวใช้ก้มหน้าก้มตากล่าวรายงาน น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย ในใจภาวนาขอให้คุณหนูของนางปลอดภัยไม่ร้ายแรง

พลันกวนอวี้เหยารีบลุกขึ้นยืนจากนั้นจึงรีบเร่งฝีเท้าออกจากห้องเรือนนอนของนาง ตรงไปยังเรือนของผู้เป็นลูกสาว สาวใช้ของฮูหยินเอกได้รับรู้ข่าวก็รีบวิ่งพรวดพราดเข้าไปในห้องของโม่ผิงอันทันที สีหน้าของสาวใช้ผู้นี้มิได้เศร้าหรือเสียใจ กลับยกยิ้มอย่างดีอกดีใจแทนเจ้านายอย่างออกหน้าออกตา

“ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูรองบาดเจ็บสาหัส ได้ข่าวว่าพิษนี้ร้ายแรงทีเดียว” นางรายงานพร้อมกับจีบปากจีบคอพูดจาสาปแช่งอีกฝ่าย

ส่วนโม่ผิงอันถึงกับยิ้มไม่หุบ “ดีให้มันตายไปได้ก็ยิ่งดี จะได้ไม่รกหูรกตาข้า”

สาเหตุที่เมิ่งหลันเซียนไม่ชอบหน้าพี่สาวผู้นี้ ไม่มีอันใดนอกเสียจากบิดาจะรักและเอนเอียงเข้าข้างพี่สาวต่างมารดา และมักตำหนินางก่นด่าไม่เว้นวัน ซ้ำยังให้นางเอาเยี่ยงอย่างผู้สาว แล้วจะมิให้นางชิงชังได้อย่างไรกัน

“ข้าเกลียดนางยิ่งนัก หากตายวันตายพรุ่งได้ยิ่งดี ท่านพ่อจะได้รักข้าบ้าง”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel