ตอนที่ 4 เมิ่งลู่คัง
ตอนที่ 4 เมิ่งลู่คัง
ยามนี้จวนตระกูลเมิ่งมีเรื่องที่น่ายินดีเกิดขึ้น นั่นเพราะว่าฮูหยินรองคลอดบุตรีได้อย่างปลอดภัย ชายหนุ่มอายุสามสิบปีกว่า ๆ จ้องใบหน้าพริ้มเพราของเจ้าตัวเล็กในห่อผ้า สีหน้ายิ้มแย้มเบิกบานใจยิ่งนัก
สตรีข้างกายของแม่ทัพปลายหางตามองมายังเด็กน้อยในห่อผ้า ซึ่งถูกผู้เป็นบิดาอุ้มกอดนางเอาไว้ในวงแขน พลันเด็กชายตัวอวบอ้วนน่ารักน่าชังวิ่งเข้ามาร่วมดูด้วย เขาคือบุตรชายคนโต นามว่าเมิ่งลู่คัง เกิดจากสาวใช้อุ่นเตียง เดิมทีฐานะของเขานั้นช่างต่ำต้อยยิ่งนัก
ทว่าฮูหยินเอกช่วงชิงเด็กน้อยคนนี้มาเสียก่อน เมิ่งลู่คังจึงได้เป็นคุณชายใหญ่ เด็กชายอายุเพียงหกหนาวจึงยื่นหน้าชะเง้อดูน้องน้อยในห่อผ้า เพียงพบดวงหน้าจิ้มลิ้มกำลังหลับใหลนั้น เขาจึงอดใจไม่ไหว เพราะในที่สุดเขาก็มีน้องสาวเหมือนสหายผู้อื่นแล้ว “ท่านพ่อ นางน่ารักยิ่งนัก”
เมิ่งลู่คังมิได้กล่าวเกินความจริงสักครึ่งคำ “ข้าจะดูแลและปกป้องน้องเล็กเองขอรับ”
“เอาตัวเจ้าให้รอดเสียก่อนเถิด แล้วค่อยอาสารับปากจะดูแลนาง”
โม่ผิงอันกล่าวแดกดันประชดประชัน กระนั้นยังกลอกกลิ้งตาไปมาด้วยความไม่พอใจ ด้วยใจคิดริษยาแค้นเคืองมารดาของเจ้าตัวเล็กในห่อผ้า ซ้ำร้ายนางยังไร้ทายาทจึงต้องรับลูกชายของสาวใช้มาดูแลมิอยากให้อำนาจในมือของนางถูกสตรีหน้าด้านไร้ยางอายอย่างกวนอวี้เหยาช่วงชิงมันไป
และกว่าที่นางจะได้ตำแหน่งฮูหยินตราตั้งมิง่ายดายสักนิด ย่อมต้องแลกมาด้วยสายตาเหยียดหยามชิงชังจากผู้เป็นสามี หัวใจของเขามิเคยมีนาง ทว่ากลับมีเพียงแค่กวนอวี้เหยาอยู่ในหัวใจนั้น
“ท่านแม่ขอรับ ถึงอย่างไรนางก็เป็นน้องสาว” ด้วยความไม่ประสา มิได้เข้าใจความหมายของโม่ซื่อซึ่งมีฐานะเป็นมารดาบุญธรรม เด็กน้อยเอียงคอสงสัยอยากรู้ยิ่งนัก แต่มิกล้าเอ่ยสอบถามเกรงว่าจะถูกก่นด่าเข้าให้เหมือนที่ผ่านมา
“เอาน่า เจ้าก็กลับไปเสียเถิด ปล่อยให้น้องอยู่กับแม่รอง อีกสองสามวันค่อยมาเยี่ยม” เพียงเพราะมิอยากให้ผู้ที่เพิ่งคลอดบุตรได้ฟังคำพูดจาเสียดสีของโม่ผิงอัน เช่นนั้นแล้วเขาจึงเอ่ยห้ามทัพเสียก่อน
“ขอรับท่านพ่อ” เมิ่งลู่คังสีหน้าเศร้าสลด เดินคอตกกลับไปยังเรือนพักของตนอย่างห่อเหี่ยว เขาไร้สหายก็เพราะว่าเกิดจากมารดาที่เป็นแค่สาวใช้ แม้บิดาจะรักใคร่เอ็นดู แต่กลับรู้สึกว่าตนเองนั้นต้อยต่ำเสียยิ่งกว่าบุตรชายขุนนางผู้อื่น เขามักถูกคนพวกนั้นข่มเหงและถากถางด้วยสายตาอยู่เสมอ
“ท่านพี่” โม่ผิงอันไม่เพียงรู้สึกผิดซ้ำยังเชิดหน้าดวงตาดื้อรั้นยิ่งนัก “ข้าว่าท่านควรกลับไปพักผ่อนได้แล้วนะเจ้าคะ” นางเหลือบสายตามองสามีพร้อมกับชิงชังเจ้าหัวผักกาดตัวเล็ก ๆ
“เจ้ากลับไปก่อนเถิด ข้าจะเข้าไปดูเหยาเอ๋อร์” กล่าวจบท่านแม่ทัพเมิ่งอุ้มเจ้าตัวเล็กอย่างระมัดระวัง เขาเดินเข้าไปในห้องคลอดซึ่งฮูหยินที่เขารักสุดดวงใจนอนซมอยู่ข้างในนั้น มิอยากให้ภรรยารักรอนานจนเกินไป
โม่ผิงอันลุกขึ้นยืนใบหน้าบิดเบี้ยวดวงตาคู่งามจ้องเขม็งแผ่นหลังของผู้เป็นสามี นิ้วมือทั้งสิบจิกลงบนฝ่ามืออย่างเดือดดาล นางสะบัดหน้าพรืดอย่างคับอกแค้นใจ กระนั้นริมฝีปากบางยังบ่นอุบอิบมิหยุดหย่อน
แม่นมเจินผู้ติดตามมาจากตระกูลโม่ ยืนรอนายสาวของตนอยู่นานแล้ว เมื่อเห็นว่าคุณหนูของนางมีสีหน้าเช่นนั้นแม่นมผู้นี้จึงได้รีบเอ่ยตักเตือนขึ้นว่า
“ฮูหยินโปรดจดจำเอาไว้ ที่นี่มิใช่จวนตระกูลโม่จะทำอันใดควรคิดอ่านให้รอบคอบเจ้าค่ะ ทางที่ดีฮูหยินต้องรีบมีบุตรชายให้ท่านแม่ทัพ มิเช่นนั้นแล้วคุณชายใหญ่ย่อมเอนเอียงเข้าข้างฮูหยินรองเป็นแน่ อำนาจในมือจะสั่นคลอนไม่ได้” นางกำชับขึ้น สีหน้าและแววตาดูมุ่งมั่นทีเดียว
“แล้วข้าจะต้องทำเช่นไรเล่าจึงจะตั้งครรภ์ ท่านหมอต่างก็บอกว่าข้าร่างกายไม่แข็งแรง เลือดลมไม่ปกติมีไอเย็นในกายมากจนเกินไป” โม่ผิงอันแทบร่ำไห้ ความหวังของนางช่างริบหรี่จนเกินไป หากมิใช่เพราะร่างกายอ่อนแอยามนี้นางย่อมมีบุตรทั้งชายและหญิงให้สามีได้ชื่นชม ความหวังของนางมันรางเลือนเต็มที
“ข้าได้ยินข่าวว่าท่านหมออู๋เดินทางกลับมาจากเมืองหลวงแล้ว ท่านหมอผู้นี้ฝีมือเก่งกาจยิ่งนัก ไม่แน่ว่าอาจรักษาฮูหยินก็เป็นได้นะเจ้าคะ” สีหน้าของแม่นมผู้นี้ช่างดูมั่นอกมั่นใจนักหนาว่าท่านหมอผู้นั้นย่อมรักษาคุณหนูของนางจนหายดีได้แน่
แต่ก่อนที่จะเดินทางไปพบท่านหมอ โม่ผิงอันยังไม่ลืมกำชับแม่นมเจินว่า “อย่าปล่อยให้ลู่คังเข้าออกห้องของกวนซื่ออย่างเด็ดขาด ทำอย่างไรก็ได้ให้เขาชิงชังพวกนางสองแม่ลูก”
“เจ้าค่ะ เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมเจินรับปาก มาดหมายว่าจะเป็นผู้ที่คอยเสี้ยมสอนคุณชายใหญ่ให้ชิงชังน้องสาว
ผู้ที่ถูกกล่าวถึงกำลังเคร่งเครียดกับตำรามากมาย ในห้องหนังสือนั้นมีตำราหลากหลาย ทั้งวรยุทธ์ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนถึงระดับชั้นสูงสุด ยังมีตำราพิชัยสงครามอีกด้วย ไม่เพียงแต่มีแค่ตำราอย่างเดียวในห้องหนังสือยังมีกระดานหมากวางเอาไว้ระหว่างกลางของห้องนี้
ท่านแม่ทัพเมิ่งกลับออกจากห้องของภรรยารอง เขาจึงเดินมายังห้องหนังสือ เกรงว่าลูกชายคนโตจะน้อยใจ ทันทีที่เดินเข้ามายังห้องก็พบว่าลูกชายกำลังคร่ำเครียดอยู่กับการอ่าน ท่วงท่าของเมิ่งลู่คังช่างดูราวกับบัณฑิตแก่เรียน
“คังเอ๋อร์ พรุ่งนี้ท่านอาจารย์ของเจ้าจะเดินทางมาถึงแล้ว” ท่านแม่ทัพหย่อนกายนั่งลงเคียงข้างผู้เป็นลูกชายทั้งเอ็นดูปนสงสารจับใจ นั่นก็เพราะว่าโม่ซื่อจิตใจคับแคบ ซ้ำยังกระหายในอำนาจมักสร้างเรื่องวุ่นวายจนเขาปวดหัวกับนางนัก
ครั้นจะปลดนางออกจากตำแหน่งฮูหยินตราตั้งก็ไม่สามารถกระทำได้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามารดาของนางฝากฝังโม่ผิงอันเอาไว้ก่อนสิ้นใจไป หากเขาไม่รับปากคนป่วยใกล้สิ้นใจเกรงว่านางคงนอนตายตาไม่หลับ
“ขอรับ” เขาตอบสั้น ๆ ดวงตามิได้ละจากตำราในมือของตน “แต่ว่าข้าอยากพบน้องสาวอีก ให้ข้าไปพบแม่รองด้วยได้หรือไม่ขอรับ” ด้วยเพราะมารดารองเป็นสตรีที่โอบอ้อมอารียิ่งนัก ดังนั้นแล้วจึงรักนางราวกับเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด ซึ่งแตกต่างจากฮูหยินเอกยิ่งนักทั้งก่นด่าไม่เว้นวัน
“ได้สิ อนาคตเจ้าต้องปกป้องดูแลพวกนางให้ดี หากพ่อไม่ได้อยู่ดูแลพวกเจ้าที่จวน” เมิ่งลู่หานกำชับบุตรชายคนโต เขายิ้มอ่อนมอบให้เจ้าเด็กน้อยตัวอวบอ้วน ใบหน้าของเจ้าตัวแสบนั้นถอดแบบเขามาแทบทุกกระเบียดนิ้ว
ทั้งสองคนจับจูงกันไปยังเรือนปีกขวา ซึ่งเป็นเรือนพักของกวนอวี้เหยา ผู้ถูกกล่าวถึงกำลังให้นมบุตร เต้าอวบนุ่มนิ่มถูกดูดดึงอย่างกระหายหิว ใบหน้าซีดเซียวกลับมีรอยยิ้มอย่างมีความสุข เจ้าก่อนแป้งในห่อผ้าช่างไม่ร้องไห้โยเยกลับเลี้ยงง่ายยิ่งนัก
“เหยาเอ๋อร์” ชายหนุ่มผู้เป็นสามีเอ่ยขึ้นเบา ๆ เกรงว่าบุตรตัวเล็กจะตกใจแล้วจะร้องไห้ขึ้น เขายืนอยู่ด้านนอกห้องนอน เมื่อมองเข้าไปข้างในจะพบว่ามีม่านคลุมเตียงเอาไว้ ใต้เตียงนอนจะมีถ่านเติมความอบอุ่นให้แก่ภรรยาสาว
“เจ้าคะท่านพี่ คังเอ๋อร์ก็มาด้วยหรือ” น้ำเสียงแหบแห้งกล่าวถามไถ่ “เจ้ามาดูน้องรึ” นางเอ็นดูลูกชายผู้นี้ไม่น้อย ด้วยเพราะเขาเฉลียวฉลาดและรู้และยังเป็นเด็กดีมากอีกด้วย
“ขอรับแม่รอง น้องสาวนอนหรือยังขอรับ” เมิ่งลู่คังยังคงตื่นเต้นจนเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่
“นางยังไม่ลืมตาเต็มที่เลย เจ้ารอก่อนนะ” กวนซื่อกวักมือเรียกสาวใช้แล้วให้นางอุ้มคุณหนูน้อยออกมาให้ผู้เป็นพี่ชายได้พบหน้าน้องสาวได้ถนัดขึ้น เมื่อสาวใช้อุ้มคุณหนูน้อยแล้วมอบให้แก่ท่านแม่ทัพ ชายหนุ่มรีบอุ้มเอาไว้พลางหย่อนกายนั่งลงบนเก้าอี้
เมิ่งลู่คังมองดวงหน้าแสนน่ารักมีรอยย่นบนใบหน้า “ท่านพ่อ น้องสาวของข้าช่างน่ารักยิ่งนัก”
“แม่รองตั้งชื่อให้นางแล้ว ลู่ซือเหมาะกับนางที่สุด” กวนอวี้เหยาส่งเสียงเอ่ยขึ้น นางยังคงนอนอยู่บนเตียงเช่นเดิม ด้วยเพราะยามนี้นางกำลังอยู่ไฟ เดินเหินมิสะดวกนักจึงทำได้แค่นอนนิ่ง ๆ บนเตียงไปก่อน
“เหมาะสมทีเดียวขอรับ ซือเอ๋อร์เจ้าโตเร็ว ๆ นะ พี่ใหญ่จะปกป้องเจ้าเอง” ขณะที่เขากำลังหยอกล้อผู้เป็นน้องสาว หนูยิ้มได้ยินทุกถ้อยคำการสนทนาในห้องนี้ เพียงแต่ว่านางไม่อาจลืมตาได้แต่ส่งเสียงอ้อแอ้ไม่เป็นภาษาด้วยเพราะเพิ่งจะถือกำเนิดคลอดออกมายังไม่ถึงสองชั่วยามเสียด้วยซ้ำ
ยามนี้ในเมืองหลวงกำลังระส่ำระสายทั้งศึกนอกศึกในล้วนอันตรายแทบทั้งสิ้น แล้วยิ่งเขามีบุตรีแล้วย่อมมิเกิดผลดี นั่นเพราะว่าชายแดนเหนือมีเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ มีตระกูลฝ่ายมารดาของภรรยาหนุนหลัง เหตุนี้อำนาจในมือของเขาย่อมมากตามไปด้วย “อนาคตตระกูลเมิ่ง คงต้องพึ่งพาคังเอ๋อร์แล้ว”
“ขอรับท่านพ่อ ลูกจะต้องดูแลแม่รองและน้องเล็กให้ปลอดภัย”