บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 10 เริ่มมีความหวัง

ตอนที่ 10 เริ่มมีความหวัง

เมิ่งลู่ซือเดินกลับเรือนนอนพร้อมกับเสี่ยวชิงสาวใช้คนสนิท ระหว่างทางได้พบกับน้องสาวต่างมารดา คล้ายว่าจงใจมาดักรอคงจะต้องมาหาเรื่องนาง

“มายืนรอข้าเยี่ยงนี้ มีอันใดกันแน่” ผู้เป็นพี่สาวส่งเสียงเอ่ยถาม ไม่ต้องให้อีกฝ่ายอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่เสียแล้ว

ผู้ที่กำลังจะอ้าปากตอบกลับยังคงนิ่งงัน ตีสีหน้าดูแคลนส่งสายตาถากถาง พร้อมกับเดินวนเวียนรอบ ๆ ตัวของอีกฝ่าย พินิจพิจารณาแล้วยังกอดอกอีกด้วย จากนั้นเมิ่งหลันเซียนสำรวจจนพอใจ จึงได้หยุดฝีเท้าลงเบื้องหน้าของเมิ่งลู่ซือ

“ข้านึกว่าจะเจ็บหนักปางตายเสียอีก ยังเดินเหินได้คล่องสินะ เจ้าไปออดอ้อนท่านพ่ออีกหรืออย่างไรกัน” เพราะความริษยาเนื่องจากบิดาเอ็นดูพี่สาวผู้นี้ยิ่งนัก นางถูกเปรียบเทียบตั้งแต่วัยเยาว์ และยามนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอ สายตาของนางจึงเปี่ยมไปด้วยความริษยาและชิงชัง

“ข้าเนี่ยนะ จะต้องออดอ้อน ขอให้ท่านพ่อมารักและเอ็นดูข้า” เมิ่งลู่ซือยกนิ้วขึ้นชี้ยังตนเอง สีหน้ายังคงเรียบเฉย แววตาดุดันเพิ่มขึ้น “คงจะเป็นเจ้ามากกว่ากระมัง ถอยไปซะ” นางส่งเสียงห้วนห้าว มิได้รักษาน้ำใจของน้องสาวผู้นี้

“ข้ามาถามเจ้าว่า จะไปร่วมชมงานในวังหลวงหรือไม่ อีกอย่างเจ้าคงจะไม่อยากไปสินะเพราะว่า...” นางเล่นลิ้น พร้อมยิ้มเยาะกล่าวยียวนกวนประสาทอีกฝ่ายแววตาเย้ยหยันอย่างจงใจ มุมปากบิดขึ้นเล็กน้อย

“องค์ชายสามไม่อยากแต่งงานกับเจ้า ดูเอาสิขนาดนี้แล้ว เหตุใดไม่ถอนหมั้นไปเสียเล่า จะยื้อเอาไว้ทำไมกัน หรือว่าอยากเป็นพระชายาจนตัวสั่น”

“แน่นอนสิ ตำแหน่งนี้ใช่ว่าใครอยากเป็นแล้วจะได้เป็นได้ง่าย ๆ มีหรือที่ข้าอยู่เหนือเจ้าแล้ว อนาคตจะต้องเป็นเจ้าที่อยู่ต่ำกว่า พร้อมกราบกรานขอความเมตตาจากข้าแน่”

เมิ่งลู่ซือผลักไหล่น้องสาวให้ถอยห่าง แม้ว่าจะเจ็บปวดบาดแผล แต่นางฝืนทนเอาไว้ เพราะมิอยากให้อาการบาดเจ็บสาหัสเจียนตายรั่วไหลถึงหูศัตรูในที่ลับ

เมิ่งหลันเซียนกระทืบเท้าย่ำอยู่กับที่อย่างเดือดดาล เหตุใดนางจึงยั่วให้อีกฝ่ายกรุ่นโกรธไม่ได้ อยากให้กระอักเลือดออกมาให้สาแก่ใจ แต่นางเองกลับเป็นฝ่ายถูกเมิ่งลู่ซือเล่นงานอีกเช่นเคย แม้แววตาของนางเกรี้ยวกราดแต่ย่อมจำนนจนใจให้กับคำพูดของอีกฝ่าย

“คุณหนูอย่าโกรธไปเลยเจ้าคะ กลับเรือนนอนกันเถิดนะเจ้าคะ” สาวใช้ชักชวนนายสาว เกรงว่าหากนายท่านออกมาพบเข้า คุณหนูของนางคงจะถูกดุอีกเป็นแน่

ทว่าคุณหนูของนางกระทืบเท้าและกรีดร้องเสียงดังลั่น ส่งผลให้นางยกมือขึ้นปิดหูตนทั้งสองข้า ด้วยเพราะทนเสียงเล็กแหลมแผดออกบาดหูนางเสียเหลือเกิน

เสียงกรีดร้องของบุตรีคนที่สาม แม่ทัพเมิ่งถึงกับไม่พอใจมากโข เคยเอ่ยตักเตือนนางหลายครั้งหลายหนแล้ว ด้วยเพราะถูกตามใจจนเคยตัว กลายเป็นเด็กก้าวร้าวต่อผู้อื่นเสมอ

“เซียนเอ๋อร์ เจ้าโวยวายอะไร เสียงดังขนาดนี้ มิสำรวมกิริยาบ้าง” ท่านแม่ทัพยืนเคียงข้างผู้เป็นภรรยาลำดับที่สอง สตรีที่เขารักที่สุด

“ท่านพ่อ!” เมิ่งหลันเซียนได้ยินเสียงบิดาตะคอกมา จึงกรุ่นโกรธขึ้นมากกว่าเดิม นางแผดเสียงเล็กแหลมอย่างเดือดดาลอีกครั้ง

“เข้าข้างแต่นาง ท่านพ่อไม่เคยรักข้า ยังเห็นข้าเป็นลูกท่านหรือไม่ หรือว่านางจิ้งจอกเอายาอันใดให้กินแน่ ถึงได้ถูกเป่าหูเช่นนี้” นิ้วชี้ของเมิ่งหลันเซียนชี้ไปยังฮูหยินข้างกายของผู้เป็นบิดา สีหน้าและน้ำเสียงบ่งบอกว่ายามนี้นางเกรี้ยวกราดเพียงใด

“หยุดนะ เจ้าขอโทษแม่รองเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงแข็งกระด้างได้ออกมาจากปากของบิดา ลูกสาวผู้นี้มิได้สำนึกหรือสำรวมสักนิด กลับเอาแต่ใจยิ่งนัก ซ้ำยังไม่เคารพยำเกรงผู้ใดอีก

“ข้าไม่ขอโทษ” นางยืนกรานเสียงแข็ง แววตาหนักแน่น “ข้าไม่ผิด”

“ท่านพี่อย่าได้โกรธเด็กไม่รู้จักโตเลยเจ้าค่ะ พี่สาวคงจะสอนสั่งนางได้เพียงแค่นี้ ถึงได้ก้าวร้าวไม่รู้จักเคารพนอบน้อมผู้อื่น ข้าไม่กล่าวโทษนางให้เสียปาก พวกเรากลับห้องกันเถิดเจ้าค่ะ” กวนอวี้เหยายิ้มเยาะเล็กน้อย ส่ายหน้าเบา ๆ อย่างเบื่อหน่าย

“เจ้ากล้าดีอย่างไรสั่งสอนข้า!” เมิ่งหลันเซียนถูกยั่วจนโทสะ นางแผดเสียงดังออกมาพร้อมกับเดินปรี่เข้าไปหากวนอวี้เหยา หมายจะสั่งสอนสตรีสมควรตายผู้นี้ให้จดจำ

“หยุดนะ หากเจ้ากล้าลงมือกับแม่รอง จะหาว่าข้าไม่เตือน!” นับวันลูกสาวผู้นี้ถือดีและเอาแต่ใจยิ่งนัก ใครสอนสั่งตักเตือนอย่างหวังดี นางก็ยังคิดว่าอีกฝ่ายกล่าวเสียดสีแดกดัน เป็นเช่นนี้แล้วเขาจะทำอย่างไรกับลูกสาวผู้นี้เล่า

“ท่านพ่อ!” เมิ่งหลันเซียนใบหน้าแดงก่ำ เมื่อบิดาออกตัวปกป้องสตรีนางนี้ แล้วจะไม่ให้นางกรุ่นโกรธได้อย่างไรกัน นับตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยเห็นบิดาโอบกอดปลอบใจมารดาของนางสักครั้ง มักจะขลุกตัวอยู่กับสตรีนางนี้เสมอ

“ไปคุกเข่าสำนึกผิดซะ” แม่ทัพเมิ่งพ่นลมหายใจออกด้วยเพราะไม่พอใจบุตรสาว จึงได้ลงโทษนางให้นั่งสำนึกผิดขัดเกลาจิตใจอันหยาบกระด้างให้เบาบางลงมาเสียบ้าง น้ำเสียงของผู้เป็นบิดาจึงได้เกรี้ยวกราด พลอยทำให้กวนอวี้เหยาตระหนกตกใจไม่น้อย

เมื่อสามีเดินไปยังเรือนนอนด้านใน นางจึงได้เร่งฝีเท้าเดินตามแผ่นหลังของผู้เป็นสามีไป โดยทิ้งให้เมิ่งหลันเซียนยืนชักสีหน้าบูดเบี้ยวพร้อมกระทืบเท้าย่ำกับอยู่ที่อย่างเอาแต่ใจ

ไหนเลยจะมีใครเข้าใจหญิงสาวผู้นี้มากไปกว่ามารดาผู้ให้กำเนิด แม่นมเจินได้ยินเสียงคุณหนูของนางกรีดร้องโวยวาย คาดว่าย่อมเกิดเรื่องเป็นแน่ และเป็นดั่งที่หญิงชราคาดการณ์เอาไว้ไม่ผิดสักนิด และผู้ใดกันเล่าทำให้คุณหนูอารมณ์ไม่ดีถึงเพียงนี้ น้ำเสียงจึงดังลั่น แม้เรือนจะอยู่ห่างพอสมควรยังคงได้ยินเสียงเจนยิ่งนัก

“คุณหนูเจ้าคะ อย่าได้เสียใจไปเลย พวกเรากลับเรือนกันเถิดเจ้าคะ หากยังเป็นเช่นนี้อีกจะเสียการใหญ่นะเจ้าคะ” หญิงชราจูงมือนายสาวตัวเล็ก พร้อมกับเอ่ยปลอบใจเด็กน้อยไร้เดียงสา ให้รีบเดินกลับเรือน แม้ว่าเมิ่งหลันเซียนจะขัดขืนก็ตาม นางยังคงดึงมืออยู่เช่นนั้น

ทว่าแม่นมเจินยังให้เหตุผลชวนน่าฟังขึ้นว่า “ฮูหยินกำลังวางแผน การเดินทางครั้งนี้แน่นอนว่าคนที่จะงดงามเป็นหนึ่งเดียวในงานเลี้ยงย่อมเป็นคุณหนูแน่นอนเจ้าค่ะ”

“จริง ๆ นะ ข้าจะต้องงดงามไม่เป็นรองใคร ๆ อีก” เมิ่งหลันเซียนหายเกรี้ยวกราดแล้ว ใบหน้าดูมีความหวังขึ้นมา เมื่อได้ยินถ้อยคำของแม่นมเจิน พลอยทำให้จิตใจอันมัวหมองเมื่อครู่ได้จางหายไปในพริบตาเดียว

“จริงสิเจ้าคะ ข้าจะโกหกคุณหนูได้อย่างไรกัน” แม่นมเจินยังคงพูดจานุ่มนวลชวนน่าฟังยิ่งนัก ทั้งยังประคองคุณหนูของนางเดินกลับเรือน

ผู้ถูกเอ่ยถึงคือพี่สาวต่างมารดา สีหน้ายามนี้ทั้งซีดเซียวอีกทั้งริมฝีปากม่วงคล้ำอีกด้วย อาการบาดเจ็บคราวนี้หนักหนายิ่งนัก นางนั่งสมาธิเพื่อเพิ่มกำลังลมปราณ ใช้ปราณของนางขับไล่พิษ ทว่าจู่ ๆ นางได้กระอักโลหิตออกมา

เสี่ยวชิงซึ่งมีหน้าที่ติดตามดูแลเจ้านายจึงร้อนใจยิ่งนัก เมื่อพบว่าเจ้านายของนางกระอักโลหิตออกมา “คุณหนู!” ด้วยความตกใจ สาวใช้ที่แสนดีจึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่มุมปากของนายสาว

“เจ็บตรงไหนอีกหรือไม่เจ้าคะ” คำถามนี้ ย่อมต้องการคำตอบ เสี่ยวชิงรับรู้ว่าเจ้านายแสนงดงามเจ็บปวดเพียงใด หากแลกได้ นางขอเจ็บปวดแทนเจ้านายเสียยังดีกว่า เมื่อพบว่าคุณหนูของนางมีอาการหนักหนายิ่งนัก นางกลัดกลุ้มและกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง

“คุณหนูรีบพักผ่อนเถิดเจ้าค่ะ อย่าหักโหมอีกเลย หากคุณหนูไม่ยอมนอน ข้าจะนั่งคุกเข่าอยู่เช่นนี้” สาวใช้เอ่ยขึ้นด้วยความหวังดีอีกครั้ง พร้อมจะคุกเข่าได้ทุกเมื่อ ทว่ามือเรียวของนายสาวได้จับท่อนแขนของนางเอาไว้เสียก่อน

“ก็ได้ ๆ” น้ำเสียงหวานแหบแห้งได้ออกจากปากของเมิ่งลู่ซือ นางเดาใจเสี่ยวชิงออก หากว่านางดื้อรั้นไม่ยอมพักผ่อน เสี่ยวชิงก็จะคุกเข่าอยู่เช่นนี้ “ลุกขึ้นเถิด เจ้าก็ไปพักได้แล้ว ดูแลข้ามาทั้งวันแล้วเหนื่อยเจ้าจริง ๆ”

“คุณหนูข้าน้อยเป็นสาวใช้ของท่าน เมื่อท่านบาดเจ็บเช่นนี้ ไหนเลยข้าจะเพิกเฉยละเลยเล่าเจ้าคะ” เสี่ยวชิงรีบถอดรองเท้าให้เจ้านาย พร้อมกับประคองให้นางนอนราบบนเตียง สายตาจดจ้องใบหน้าอันขาวซีด อดกังวลใจและเป็นห่วงไม่น้อย

“คุณหนูเจ้าคะ ข้าได้ยินท่านหมอพูดกับนายท่านว่า ตำหนักซีหยวนขององค์ชายสาม มีบ่อน้ำพุร้อน ช่วยให้บรรเทาพิษได้” เสี่ยวชิงบังเอิญได้ยิน แต่ดูเหมือนท่านแม่ทัพยังคงครุ่นคิดอย่างรอบคอบ อีกทั้งวันนี้ยังมีจดหมายส่งมาอีก ไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วองค์ชายสามเป็นคนเช่นไรกันแน่

“เจ้าหมายถึงอะไรกันแน่” เมิ่งลู่ซื่อขมวดคิ้ว พลางข้องใจ จึงได้เอ่ยถามสาวใช้

“ข้าน้อยหมายถึงว่า หากคุณหนูเข้าไปเป็นพระชายาแล้ว ย่อมต้องเข้าไปในตำหนักซีหยวนได้ แล้วบ่อน้ำพุร้อนนั่นอีกด้วย คราวนี้พิษร้ายนี้อาจจะบรรเทาเบาบางลงอย่างไรเล่าเจ้าคะ”

เสี่ยวชิงตอบกลับ แววตาหนักแน่น น้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งนัก มือเรียวหยาบกร้านกอบกุมมือเจ้านายสาวเอาไว้ ดวงตาคู่งามเริ่มมีความหวังขึ้นมา

สาวงามดวงตาอ่อนล้าลงมา ครุ่นคิดพิษร้ายในร่างกาย จู่ ๆ กำเริบขึ้นมาอย่างดื้อ ๆ อีกทั้งยังสืบเสาะหาเบาะแสคนทรยศยังไม่พบ เรื่องนี้ไม่อาจนิ่งนอนใจได้

“หากเป็นดั่งที่เจ้าพูดคงดีไม่น้อย รอยาถอนพิษจากแคว้นจ้าวเมื่อไรเล่าที่ข้าจะหายดีเสียที” นางกล่าวจบถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เป็นลูกสาวแม่ทัพนี่ไม่ง่ายจริง ๆ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel