ตอนที่4 คนเจ้าเล่ห์แผนการ
“แซม นายไปตามศิริยามาพบฉันที่ห้องทำงานทีสิ” เมื่อมาถึงโรงพยาบาล แดเนียลก็สั่งแซมก่อนจะเดินตรงไปที่ลิฟต์ของผู้บริหารเพื่อที่จะไปรอพบหญิงสาวที่ห้องทำงาน
“ครับคุณแดเนียล” แล้วแซมก็เดินแยกตัวออกไปทำตามคำสั่งทันที
“คุณศิริยาใช่ไหมครับ” แซมเอ่ยถามเมื่อเดินเข้ามาถึงตัวศิริยา ที่กำลังล้างแผลให้คนป่วยในห้องผู้ป่วยรวมอยู่
“ใช่ค่ะ” เธอเอ่ยเพียงสั้น ๆ แล้วก็หันไปสนใจคนป่วยต่อ
“ขอโทษนะครับผมชื่อแซมเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของผู้อำนวยการโรงพยาบาลครับ พอดีคุณแดเนียล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลให้ผมมาตามคุณไปพบที่ห้องทำงานครับ” แซมเอ่ยแนะนำตัวกับศิริยาก่อนจะเอ่ยถึงธุระของตัวเอง
พยาบาลสาวชะงักมือที่กำลังจะพันแผลให้คนป่วยทันที ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน กลัวว่าตัวเองทำอะไรผิดจนผู้อำนวยการเรียกพบ
“อะไรนะคะผู้อำนวยการโรงพยาบาลเรียกฉันไปพบ ฉันทำอะไรผิดคะ” หญิงสาวถามแซมด้วยความตกใจ
“ไม่รู้ครับ ถ้าคุณอยากรู้ คุณต้องตามผมไปพบคุณแดเนียลเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“ค่ะ ถ้างั้นรอฉันแป๊บหนึ่งนะคะ ฉันขอพันแผลให้คนป่วยรายนี้เสร็จก่อนค่ะ” ศิริยารู้ว่าโรงพยาบาลมีผู้อำนวยการมาใหม่และชื่อก็ไม่รู้
“ครับคุณศิริยา” เหลือแค่พันแผลเฉย ๆ หญิงสาวก็จะเสร็จแล้วแซมเลยไม่เร่งศิริยา และรอไม่นานเธอก็ทำแผลเสร็จ
“เสร็จแล้วค่ะคุณแซม เราไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวผู้อำนวยการจะรอนานค่ะ” เมื่อทำแผลเสร็จ ศิริยาก็หันมาเอ่ยชวนแซม
“ครับ” แล้วแซมก็เดินนำศิริยาไปที่ลิฟต์ของผู้บริหารเพื่อจะไปห้องทำงานของผู้บริหารที่อยู่ชั้นสูงสุดของตึก
“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!"
“ใคร” แดเนียลร้องถามคนที่มาเคาะประตูห้องทำงานของตัวเองด้วยท่าทางยิ้มแย้มอารมณ์ดี รู้อยู่แล้วว่าใครมา แต่เขาก็แกล้งร้องถามไปงั้น ๆ
“ผมแซมเองครับ คุณแดเนียล” แซมร้องตอบกลับไปเช่นกัน
“เข้ามาได้แซม” เอ่ยอนุญาตเสร็จก็หมุนเก้าอี้ตัวที่ตัวเองนั่งหันหลังให้กับประตูห้องที่กำลังจะมีคนเข้ามาทันที
แซมและศิริยาได้เข้ามาในห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวได้แต่ยืนตัวเกร็ง หลบอยู่ด้านหลังของแซมด้วยความกลัวว่าจะโดนผู้อำนวยการเรียกมาพบแล้วไล่เธอออก
“นายออกไปได้แล้วแซม ฉันจะคุยกับศิริยาเพียงลำพัง” เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของตัวเอง เขาก็สั่งให้แซมออกไปข้างนอกทันที
“ครับคุณแดเนียล” แซมทำตามคำสั่งทันทีเพราะเป็นคนเดียวที่รู้จักแดเนียลดีไม่แพ้คนเป็นพ่อกับแม่ และที่เขาได้มาเป็นผู้ช่วยของแดเนียล ได้ตามมาประเทศไทยก็เพราะว่าแซมพูดภาษาไทยได้จึงได้ติดตามมาทำงานที่ประเทศไทยด้วย
“อืม...นายออกไปอย่าลืมล็อกประตูให้ฉันด้วยล่ะ” เขาเอ่ยสั่งแซมก่อนที่แซมจะเดินออกไป
“ครับคุณแดเนียล” แล้วแซมก็เดินออกไป แต่เดินยังไม่ถึงประตู ศิริยาก็ร้องเรียกเขาไว้
“คุณแซมแล้วฉันล่ะคะ?” ร้องถามแซมด้วยความกลัวที่จะได้อยู่กับผู้ชายที่นั่งหันหลังให้เธอในตอนนี้
“คุณศิริยาก็อยู่กับคุณแดเนียล คุยงานกันในนี้แหละครับ ส่วนผมจะไปรออยู่ข้างนอกครับ ไม่ต้องกลัวครับ เจ้านายผมเป็นคนใจดี” แซมหันมาเอ่ยก่อนจะเดินออกไป
“คุณไม่ต้องกลัวผมหรอกครับคุณศิ” แดเนียลเอ่ยออกมาด้วยความตลกในน้ำเสียงสั่น ๆ ของศิริยา
“คุณรู้จักชื่อเล่นฉันได้ยังไง” ศิริยาร้องถามด้วยความไม่พอใจ อีกอย่างตอนนี้หญิงสาวกำลังคิดว่าเสียงของผู้ชายที่นั่งหันหลังให้เธอในตอนนี้ทำไมมันช่างคุ้นหูนักแต่ก็นึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน
ยัยศิทำไมแกสมองปลาทองแบบนี้เนี่ย...หญิงสาวบ่นพึมพำในใจด้วยความโกรธตัวเองที่เป็นคนขี้ลืมแบบนี้บ่อย ๆ
“หึหึ...ผมรู้สึกว่าคุณจะเป็นคนขี้ลืมจริง ๆ เลยนะคุณศิ” เขาไม่ตอบคำถามศิริยาแต่เลือกเอ่ยถามหญิงสาวแทน พร้อมกับลุกขึ้นยืนหันหน้ามาหาหญิงสาว ก้าวยาว ๆ อ้อมโต๊ะมาหาเธอที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต๊ะทำงาน
ศิริยาอึ้งทันทีที่เห็นผู้ชายที่นั่งอยู่เมื่อกี้ลุกขึ้นหันหน้ามาทางเธอ ตอนนี้ขาของสาวเจ้าแทบก้าวไม่ออกเลยทั้ง ๆ ที่สมองของเธอสั่งให้เดินหนีออกจากตรงนี้ แต่ขาเจ้ากรรมกลับทรยศไม่ยอมขยับไปไหน
“คะ...คุณคนเมื่อเช้านี่” เอ่ยถามเขาเสียงขาด ๆ หาย ๆ
“ใช่ผมเองคุณศิ” แดเนียลยิ้มแฉ่งทันทีเมื่อเธอจำเขาได้
“อย่าบอกนะที่คุณเรียกดิฉันมานี่ก็เพราะว่าคุณไม่พอใจที่ฉันวิ่งหนีคุณขึ้นรถมาเมื่อเช้านี้” ศิริยาไม่รู้ว่าเขาเรียกมาเพราะเหตุผลอะไร หญิงสาวจึงคิดว่าคงเป็นเพราะเหตุการณ์เมื่อเช้านี้แน่ ชายหนุ่มถึงได้เรียกเธอมาพบ
“ผมว่าคุณนั่งลงก่อนเถอะครับ” เอ่ยเชิญหญิงสาวนั่งลงเก้าอี้ตรงหน้า ส่วนตัวเองก็เดินกลับไปนั่งที่เดิมที่ลุกมาเมื่อกี้
“ขอบคุณค่ะผู้อำนวยการ” ขอบคุณพร้อมกับนั่งลง
แดเนียลไม่พอใจอยู่ในทีที่หญิงสาวเรียกเขาว่าผู้อำนวยการ เมื่อนั่งลงแล้วจึงก็เอ่ยแนะนำตัวกับหญิงสาวอย่างเป็นทางการให้รู้จัก
“สวัสดีครับ ผมแดเนียลครับ เรียกผมแดเนียล ไม่ต้องเรียกผู้อำนวยการก็ได้ ผมรู้สึกห่างเหินยังไงก็ไม่รู้ครับ” เขาเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมกับขายขนมจีบศิริยาไปด้วย
“ค่ะผู้อำนวยการ ดิฉันว่าอย่าเลยค่ะ ดิฉันไม่อยากตีสนิทเจ้านายค่ะ ว่าแต่ว่าคุณรู้ชื่อดิฉันได้ไงคะ” ศิริยาดูออกจากสายตาเจ้าเล่ห์ที่มองมา ว่าที่เขาเอ่ยมาเมื่อกี้นั้นมันส่อแววถึงอะไร
“หึหึ คุณนี่จริง ๆ เลยนะครับคุณคิดให้ดี ๆ สิว่าเคยเจอผมที่ไหน” ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะให้หญิงสาวคิดว่าเคยเจอเขาที่ไหน
“แหะ ๆ ขอโทษจริง ๆ ค่ะ จำไม่ได้ คุณช่วยบอกฉันหน่อยค่ะ” ในเมื่อคิดยังไงก็คิดไม่ออกจึงเอ่ยถามเขาไป
เชื่อหญิงสาวเลยจริง ๆ ผ่านไปแค่วันเดียวก็ลืมเขาไปเสียแล้ว ก็อย่างว่าแหละวัน ๆ ทำงานเจอคนป่วยในโรงพยาบาลเยอะแยะไปหมด อาจจะจำเขาไม่ได้จริง ๆ ก็ได้
“เมื่อวานตอนเช้า คุณเดินชนผมไงครับ คุณจำได้ยัง ตอนนั้นแหละครับที่คุณบอกชื่อคุณให้ผมรู้ก่อนที่คุณจะเดินจากไป” เขาเล่าให้หญิงสาวฟังเพียงสั้น ๆ จับใจความได้ง่าย ๆ ให้ฟัง
ศิริยากำลังคิดตามคำพูดพร้อมกับสังเกตหน้าตาของเขาใหม่อีกครั้งว่าใช่ผู้ชายคนที่เดินชนเมื่อวานนี้ไหม เมื่อมองชัด ๆ แล้วว่าใช่จริง ๆ หญิงสาวก็ยิ้มหวานออกมาทันที
“จำได้แล้วค่ะ ขอโทษจริง ๆ ค่ะที่จำคุณไม่ได้ เพราะวัน ๆ ฉันเจอคนเยอะค่ะ ขอโทษจริง ๆ นะคะ” เมื่อจำได้แล้วว่าเป็นเขาจริง ๆ ผู้ชายนัยน์ตาสีฟ้าที่ทำให้เจ้าตัวใจเต้นแรงคนนั้นจริง ๆ ก็รีบขอโทษเป็นใหญ่
“ไม่เป็นไรครับคุณศิ” เขายิ้มหน้าบานทันทีที่หญิงสาวจำได้แล้ว
“ว่าแต่คุณเรียกฉันมาพบทำไมคะ?” ยังไม่เข้าใจว่าเขาเรียกเธอมาพบทำไม ถึงจะตกใจอยู่บ้างที่เขาเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนใหม่ที่ใคร ๆ ต่างลือกันว่าหล่อพิฆาตและมันก็เป็นอย่างทุกคนลือกันจริง
“คือผมอยากจะจ้างคุณมาเป็นพยาบาลพิเศษ ดูแลแม่ผมที่ป่วยเป็นโรคหัวใจครับ” เขาไม่รอให้เสียเวลาอะไรมากมาย ยิ่งทำให้ศิริยาตกลงได้เร็วเท่าไร เขาก็ยิ่งได้กลับไปนิวยอร์กเร็วขึ้นเท่านั้น
“ทำไมคุณถึงเลือกฉันคะ?” เธอยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“ก็เพราะคุณเป็นคนไทยเหมือนกับแม่ของผมไงครับ ผมถึงต้องเลือกคุณ” เขายกเหตุผลเรื่องนี้ขึ้นมาอ้าง
“พยาบาลคนอื่นก็มี ทำไมคุณไม่ไปจ้างเขาคะ” หญิงสาวยังไม่เลิกสงสัยอยู่ดี เป็นใครจะไม่สงสัยล่ะ พยาบาลมีตั้งเยอะตั้งแยะในโรงพยาบาลกลับไม่เลือก มาเลือกเธอ
“ก็เพราะผมอ่านประวัติของทุกคนแล้ว ไม่มีใครเหมาะเท่าคุณ ไหนจะเรื่องภาษาสากลคุณก็เก่งที่สุด ผมเลยเลือกที่จะจ้างคุณไปดูแลแม่ผมที่นิวยอร์กไงครับ” เขาพยายามที่สุดที่จะคิดหาเหตุผลมาอ้างเพื่อให้หญิงสาวคล้อยตาม
ศิริยาฟังเหตุผลที่เขาเล่ามาทุกอย่างมันก็จริงอย่างว่า จึงเลิกสงสัยพร้อมกับหันมาสนใจเรื่องข้อเสนอที่เขาได้ยื่นให้
“ไปดูแลแม่คุณที่นิวยอร์กเหรอคะ?” เอ่ยถามเขาด้วยความไม่อยากเชื่อหูของตัวเองว่าเธอจะได้ไปนิวยอร์ก เมืองในประเทศที่ใฝ่ฝันอยากจะไปมานานแล้วแต่ก็ไม่ได้ไปสักทีเพราะทำงานหนักเกิน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้อยากไปเที่ยวนิวยอร์กนั้น เพราะว่าเธออยากไปพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เมโทรโพลิทัน หญิงสาวเป็นคนหลงใหลในศิลปะจึงอยากไปเห็นพิพิธภัณฑ์แห่งนั้นสักครั้งในชีวิต
“ครับ ส่วนเรื่องค่าจ้าง ผมจะให้คุณเดือนละสามพันดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถ้าคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณเดือนละเก้าหมื่นบาท ส่วนเรื่องที่อยู่ อาหารการกินฟรีครับ เพราะคุณจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านผมในฐานะแขกคนพิเศษของบ้านเรา คุณคิดยังไงกับข้อเสนอของผม ถ้าคุณไม่พอใจ อยากปรับเปลี่ยนตรงไหนบอกได้นะครับ”
ศิริยาคิดตามคำพูดของเขาตลอด ซึ่งสิ่งที่ทำให้หญิงสาวอยากรีบตกลงทันทีก็คือเรื่องค่าตอบแทนที่คิดเป็นเงินไทยเยอะมากในความคิด แถมอยู่ฟรีกินฟรีอีก เป็นใครจะไม่สน เธอก็ตัวคนเดียว ไม่มีใครด้วย พ่อแม่ก็เสียไปหมดแล้ว ส่วนญาติพี่น้องก็ไม่มีแล้ว แบบนี้ไม่ตกลงก็โง่แล้ว
“ฉันยังไม่ตกลงว่าจะไปเลยนะคะ” หญิงสาวเอ่ยเล่นตัวไปนิดหนึ่ง
“แล้วคุณจะตกลงไปไหมครับ ถ้าไปก็เตรียมตัวเดินทางพรุ่งนี้เย็นเลยครับ พอดีผมรีบ” เขาเอ่ยด้วยความเจ้าเล่ห์ ซึ่งศิริยาดูไม่ออกเลยว่ารอยยิ้มของเขานั้นมีอะไรแอบแฝงอยู่บ้าง
“คือทำไมมันกะทันหันแบบนี้คะ” นึกว่าจะไปเดือนหน้าเสียอีก
“คงไม่ได้ครับ เพราะผมต้องรีบกลับนิวยอร์กด่วนเลย”
“อ๋อ ถ้างั้นดิฉันตกลงไปเป็นพยาบาลพิเศษให้กับแม่คุณค่ะ” คนงกอย่างศิริยามีหรือจะปล่อยให้โอกาสหลุดมือไป
แดเนียลยิ้มร่าทันทีที่ได้ยินคำตอบที่หน้าพอใจจากปากของเธอ “งั้นคุณก็กลับไปเก็บของได้เลยครับ ไม่ต้องมาทำงานแล้ว ส่วนเรื่องพาสปอร์ตของคุณไม่ใช่ปัญหา ผมจะให้แซมไปจัดการให้คุณเอง คุณไม่ต้องเป็นห่วง” เมื่อเธอเอ่ยตกลงแล้ว เขาก็ไม่คิดจะรีรออะไรอีก อยากพาสาวเจ้าไปในถิ่นของตัวเองเพื่อจะได้เผด็จศึกง่ายขึ้น
“ค่ะคุณแดเนียล ถ้างั้นดิฉันขอตัวไปลาเพื่อนร่วมงานและกลับไปเก็บของใช้จำเป็นเพื่อจะใช้สำหรับการเดินทางในวันพรุ่งนี้ตอนเย็นก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” ศิริยาเอ่ยขอตัวพร้อมกับยกมือไหว้ชายหนุ่ม
“ครับ” พอแดเนียลอนุญาตแค่นั้นแหละ หญิงสาวก็เดินออกไปจากห้องทำงานของเขาทันที
เมื่อศิริยาได้เดินออกไปจากห้องทำงานแล้ว เขาก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาแซมทันทีเพื่อที่จะสั่งให้ไปจัดการเรื่องพาสปอร์ตของเธอให้เรียบร้อยก่อนตอนเย็นของวันพรุ่งนี้
“แซม นายเข้ามาหาฉันหน่อยสิ” เมื่อปลายสายกดรับ เขาก็รีบเอ่ยขึ้นทันทีเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา
“ครับคุณแดเนียล” แล้วแซมก็ตัดสายเดินเข้ามาในห้องทำงานของเจ้านายทันทีที่ถูกเรียก พอเปิดประตูห้องเข้ามาก็เห็นเจ้านายตัวเองนั่งยิ้มหน้าบานเท่าจานเชิงเลยในตอนนี้
“คุณแดเนียลอารมณ์ดีเรื่องอะไรครับ” เมื่อเห็นเจ้านายยิ้มหน้าบานเลยเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“ฮ่า ๆ ๆ จะเรื่องอะไรที่ทำให้ฉันยิ้มได้ในเวลานี้แซม นอกจากเรื่องของศิริยา ฮ่า ๆ ๆ” ชายหนุ่มพูดไปหัวเราะไปจนทำให้แซมอดหัวเราะตามไม่ได้
“ฮ่า ๆ ๆ สงสัยงานนี้คุณแดเนียลจะรักคุณศิริยาจริง ๆ แน่ ๆ เลยถึงได้ดูมีความสุขอารมณ์ดีเช่นนี้ ฮ่า ๆ ๆ” แซมหัวเราะเจ้านายของตัวเองพร้อมกับเอ่ยแซวไปด้วย
“ฮ่า ๆ ๆ เรามาเข้าเรื่องกันดีกว่าแซม” ทั้งพูดทั้งหัวเราะ
“ครับคุณแดเนียล” แซมหยุดหัวเราะพร้อมรับคำนั่งลงเก้าอี้ตัวที่หญิงสาวนั่งอยู่ก่อนหน้านี้
“ฉันมีงานไปให้นายทำด่วน ให้ได้ก่อนเย็นของวันพรุ่งนี้นะ เพราะเราจะเดินทางกลับนิวยอร์กกันพรุ่งนี้เลย”
“แล้วมันงานอะไรครับ?”
“คือฉันอยากให้นายไปทำพาสปอร์ตให้ศิริยา และนายไม่ต้องบอกนะว่ามันเป็นไปไม่ได้ เรามีเงินซะอย่าง เรื่องแค่นี้เอง นายก็ใช้เป็นใบเบิกทางก็แล้วกันนะแซม” ชายหนุ่มรู้ว่าการทำพาสปอร์ตมันต้องยื่นเรื่องไว้ก่อนเป็นเดือน แต่มีหรือคนมีเงินอย่างเขาจะทำให้เป็นเรื่องง่าย ๆ ไม่ได้
“ครับคุณแดเนียล” แซมรู้อยู่แล้วว่าถ้าหากคนอย่างแดเนียลคิดจะทำอะไรแล้วสามารถทำได้ทุกอย่างที่เขาอยากทำและต้องการ ไม่มีใครสามารถมาขัดใจได้
“อืม...ถ้านายเข้าใจดีแล้วนายก็รีบไปทำซะ ส่วนฉันจะทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จก่อนเดินทางกลับพรุ่งนี้” เวลานี้แดเนียลอยากรีบเคลียร์งานที่กองอยู่ตรงหน้าของตัวเองให้เสร็จก่อนที่จะเดินทางกลับนิวยอร์ก
“ครับ” แซมรับคำสั่งแล้วก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องทำงานไปเพื่อจะไปจัดการธุระที่เจ้านายของตัวเองสั่ง