4
“แม่คะ เรายกเลิกกันแต่งงานได้ไหมคะ”
“อะไรกัน จะทำเป็นเด็กเล่นขายของไปได้ เราแต่งงานกับขุนเขาแล้วนะ จดทะเบียนกันแล้วด้วย”
“คุณแม่ไม่เห็นเหรอคะว่าเขาป่าเถื่อนแค่ไหน” แก้มหอมทำท่าเหมือนจะร้องไห้
“แม่ก็ไม่เห็นว่าเขาจะป่าเถื่อนตรงไหนเลยนี่จ้ะ” ประโยคของคนเป็นแม่ทำให้แก้มหอมรู้สึกมืดมนเป็นที่สุด
มารดาไม่เคยสนใจเธออยู่แล้วว่าเธอจะรู้สึกนึกคิดเช่นไร ไม่เคยสนใจว่าเธอจะเป็นอย่างไร เธอยังจะไปขอร้องอ้อนวอนอะไรท่านอีก
ยังไม่ทันที่สองแม่ลูกจะได้คุยอะไรกันอีก ขุนเขาก็เปิดประตูห้องเข้ามา เขาจำได้แม่นว่าห้องนอนของเธออยู่ตรงนี้ เพราะตอนมารับเธอออกไปก็จำทางได้แต่แรก
แก้มหอมอ้าปากค้างตาโตที่เห็นคนเถื่อนถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้ามา เคาะประตูก็ไม่ยอมเคาะ
“ขุนเขามาหาน้องเหรอจ๊ะ งั้นแม่ออกไปก่อนนะ”
“แม่คะ เดี๋ยวก่อน” เธอรีบยกมือขึ้นปราม แต่ท่านก็เดินลับหายออกไปโดยเร็ว
“จะไปไหน” เสียงเข้มดุของเขา ทำให้เธอถอยหนี
“เฮียอย่าเข้ามานะ” แก้มหอมถอยหนี ก่อนจะคว้าโคมไฟมาถือเอาไว้เป็นอาวุธ
สีหน้าท่าทางหวาดกลัวของเธอไม่ได้ดูน่าสงสาร แต่ดูน่าขย้ำเข้าไปอีก เขากวาดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ยอมรับว่าเธอสวยขึ้นมาก หุ่นดี แล้วก็ผิวพรรณดี มันเนียนละเอียดจนนึกอยากลูบไล้ไปทั้งเนื้อทั้งตัว
อาการกวาดสายตามองแบบจาบจ้วงของเขาทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวลามไปถึงใบหู
“แก้มอยากเจรจากับเฮีย” แก้มหอมเอ่ยออกไปเสียงสั่น แม้จะพยายามบังคับไม่ให้มันสั่นเพียงใด
“เจรจาเรื่องอะไร” เขาหรี่ตามอง เสียงของเธอไพเราะน่าฟัง น่าแปลกที่ไม่ได้เจอกันสิบกว่าปี เธอดูดีไปหมดแม้กระทั่งน้ำเสียง
“แก้มไม่ได้อยากแต่งงานกับเฮีย และดูเฮียเองก็คงเหมือนแก้ม”
“แล้วไง”
“เราหย่ากันหลังจากนี้เลยดีไหมคะ ไม่ต้องบอกให้ผู้ใหญ่รู้ แก้มเรียนจบแล้ว ไปสมัครงานเอาไว้ เขาเรียกตัวแล้วน่ะค่ะ แก้มจะได้ไปทำงานของแก้ม เฮียก็อยู่ที่ไร่ของเฮียไป” เธอยื่นข้อเสนอที่คิดว่าเขาจะพึงพอใจ
“เฮียอาจจะมีผู้หญิงที่ชอบอยู่แล้ว เฮียก็จะได้คบกับเธอต่อไปไง” เธอไม่รู้หรอกว่าเขามีหรือไม่มี เธอก็พูดไปแบบนั้น เพราะถ้าเขามีเขาจะได้คล้อยตามเธอ
“ข้อเสนอของเธอก็ไม่เลวนะ”
“เฮียเห็นด้วยกับแก้มใช่ไหมคะ” เธอวางโคมไฟลง คิดว่าเจรจาสำเร็จแล้ว สีหน้าของเธอดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนที่เข้าใจอะไรยาก
“เห็นด้วยบางส่วนว่าเฮียไม่อยากแต่งงานแต่แรก แต่เงินที่แม่ของเธอเอาไปก็ก้อนใหญ่อยู่นะ เธอมีเงินคืนแล้วหย่ากับเฮียใช่ไหม”
“แก้มไม่มีหรอก”
“ไม่มีก็ต้องไปอยู่ด้วยกันก่อน อย่างน้อยก็เอาตัวเธอใช้หนี้” เขาเดินเข้าหา แก้มหอมรีบคว้าโคมไฟเอาไว้ จะฟาดเขาหากเขาเข้ามาทำอะไรเธอ แต่ไม่ทัน เขาคว้าข้อมือของเธอเอาไว้ก่อน
“ถ้ายังไม่มีเงินมาคืนก็เอาตัวเธอขัดดอกไปก่อน”
“ว้าย! ปล่อยแก้มนะเฮีย ปล่อยแก้ม” คนป่าเถื่อนจับเธอพาดไปบนบ่า ทั้งที่ยังอยู่ในชุดแต่งงาน ก่อนที่จะแบกเธอไปที่รถ
“ปล่อยแก้มนะ ปล่อยแก้ม” แก้มหอมรัวกำปั้นใส่เขาไม่ยั้ง แต่ชายหนุ่มก็ฟาดก้นเธอโต้ตอบกลับไปเช่นกัน
“โอ๊ย!” แก้มหอมร้องด้วยความเจ็บ น้ำตาแทบร่วง มึนหัวไปหมด
“ตาเถร!” คุณยายที่เป็นลมไปเพิ่งฟื้นเป็นลมอีกรอบที่เห็นหลานสาวถูกฉุดขึ้นรถไปแบบนั้น
“ผมฝากพ่อเอาเสื้อผ้าเมียผมตามกลับไปที่ไร่ด้วยนะครับ ผมล่วงหน้าไปก่อนล่ะ” ขุนเขาเอ่ยบอกบิดาที่ตามมาต่อว่า แต่เขาไม่คิดจะสนใจ ขับรถออกไปในทันที
“เฮีย อย่าขับรถเร็วสิ แก้มกลัว” เธอเอ่ยบอกเขาเสียงสั่น ตอนแรกจะเปิดประตูรถหนีเขาก็ล็อกเอาไว้แน่นหนา คราวนี้ต้องหันมาคาดเข็มขัดนิรภัยแทน
เธอเองก็ไม่ได้ขาดสติจนบ้าจี้กระโดดลงไปนอกรถให้คอหักหรอกนะ อย่างน้อยก็ต้องรักษาชีวิตเอาไว้ก่อน
“กลัวเหรอ” เขาเอ่ยถาม หัวเราะหึหึในลำคอ น้ำเสียงของเขาเขย่าขวัญเธอค่อนข้างมาก
แก้มหอมเม้มปากไม่ตอบ ถ้าบอกว่ากลัวเขาก็จะยิ่งแกล้ง ความทรงจำวัยเด็กที่แกล้งกันไปมาทำให้เธออยากนึกย้อนไปในอดีตนัก
ถ้าเป็นไปได้เธอจะไม่แกล้งเขาเด็ดขาด ใครจะรู้ว่าโตขึ้นเขาจะแค้นฝังหุ่นขนาดนี้
แก้มหอมหายใจติดขัด รู้สึกเกร็งไปหมด ข้างทางเริ่มเป็นเส้นทางที่ห่างไกลจากบ้านของคุณยายมากขึ้นทุกที
แก้มหอมอยากจะร้องไห้ แต่กลัวว่าความอ่อนแอของเธอจะยิ่งทำให้เขาสะใจ
เพราะความเครียดและความเหนื่อยล้า ทำให้แก้มหอมเผลอหลับไปตั้งแต่ตอนไหนเธอไม่รู้ตัวเลยสักนิด
คนที่ขับรถเร็วเริ่มขับเรื่อย ๆ เหลือบมองใบหน้านวลเนียนที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางชั้นดีเอาไว้
เธอไม่ได้แต่งหน้าจัดเหมือนเจ้าสาวทั่วไป แต่แต่งแต้มบางเบา ทำให้ดูเป็นธรรมชาติและทำให้รู้ว่าใบหน้าและผิวพรรณของเธอดีอยู่แล้ว
เขาเผลอเหลือบมองเธอบ่อยครั้งจนขับรถมาถึงไร่
ขุนเขาไม่ได้ปลุกเธอ เพราะเห็นว่ายังหลับสบาย และเขาก็เผลอแอบมองเธอไม่วาง