2
“ขุนเขาน่ะ เขาเป็นลูกคนเดียวของลุงเขม ทรัพย์สมบัติทุกอย่างก็ต้องเป็นของเขา เรานั่นแหละควรดีใจที่ได้แต่งงานกับผู้ชายที่ดีเช่นนี้ แล้วเราก็ต้องขอบคุณแม่สิถึงจะถูก”
“แม่แค่อยากได้สมบัติคนอื่นเหรอคะ”
“คนอื่นที่ไหน แต่งงานกันแล้วเป็นผัวเมียกัน ไม่ใช่คนอื่น”
“แม่นี่ช่างมีความคิด” เธอเม้มปาก เพราะเป็นแม่เลยไม่อยากด่าว่าให้เป็นบาปติดตัว
“ขันหมากมาแล้ว แม่ต้องออกไปรับแขก ลูกของแม่สวยที่สุดเลยนะวันนี้ ยิ้มเอาไว้จ้ะคนดี วันแต่งงานเราไม่ควรทำหน้าบึ้งนะ” ว่านหอมดีใจจนเนื้อเต้นกับสินสอดทองหมั้นที่จะได้รับ
“แม่คะ” ประโยคเรียกขานของบุตรสาวทำให้นางต้องชะงัก
“ว่าไงจ๊ะ”
“อย่าลืมเรื่องบ้านของคุณยายนะคะ แม่ต้องเอาเงินไปใช้หนี้ไถ่ถอนกลับมาให้คุณยาย” เธอขอแค่เรื่องเดียว ถ้าบ้านสวนหลังนี้โดนยึด คุณยายของเธอจะไปอยู่ที่ไหน เธอเองก็เหมือนกัน หากเลิกรากับขุนเขา ก็อยากกลับมาอยู่กับยายที่บ้านสวน เป็นเพื่อนท่านในบั้นปลายชีวิต แม้ว่าตอนนี้คุณยายจะยังแข็งแรงดีอยู่ แต่คนเราอายุมากแล้วก็ควรมีลูกหลานคอยดูแล
“แม่สัญญา”
“แม่รับปากแล้วนะคะ” เธอเน้นย้ำ มองมารดาอย่างจริงจัง ทำให้ว่านหอมต้องรีบรับคำอีกรอบ เธอเอาโฉนดบ้านกลับมาให้แน่ ๆ เพราะเงินที่จะได้จากการแต่งงานและทรัพย์สินของตระกูลโขมพัสต์มันมากมายกว่าหลายเท่า
ใบหน้าบูดบึ้งของลูกชายทำให้เขมราชต้องรีบกระซิบบอกเสียงเบาตรงริมหู
“ทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิขุนเขา แต่งงานนะไม่ใช่จะพาไปฆ่า”
“ก็ถ้าพ่อไม่ใช้วิธีสกปรกบังคับผม มีหรือผมจะมายืนอยู่ตรงนี้” มีอย่างที่ไหนจะยกทรัพย์สมบัติให้การกุศลให้หมด ในขณะที่เขาเป็นลูกชายทั้งคน
เงื่อนไขของท่านก็คืออยากให้เขาแต่งงานนั่นเอง
บิดายอมลงทุนคิดสั้นจะผูกคอตาย
เอาเถอะ อยากแต่งก็แต่ง เขาก็อยากรู้ว่าผู้หญิงหน้าเงินคนนั้นเป็นใคร
แต่ไม่คิดว่าจะเป็นยายตัวแสบคู่ปรับของเขาเมื่อหลายปีก่อนอย่างแก้มหอม
บิดาของเขากับบิดาของแก้มหอมเป็นเพื่อนรักกัน เลยไปมาหาสู่กันโดยตลอด ยายแก้มหอมนั้นแสบ ซน แถมยังขี้เหร่เป็นที่สุด
จำได้ว่าเธอเคยทำวีรกรรมเอาไว้มากมาย กลั่นแกล้งเขาสารพัด แล้วตอนที่เขากำลังพลอดรักกับแฟนสาวสมัยมัธยม หล่อนก็แกล้งเอารังมดแดงมาโยนใส่ จนวงแตก เขากำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่แท้ ๆ
ยิ่งรู้ว่าบิดาของเธอกับบิดาของเขาอยากให้หมั้นหมายแต่งงานกัน เขาก็รีบปฏิเสธทันควัน หัวเด็ดตีนขาดก็จะไม่ยอมแต่งงานกับยายตัวแสบนี่เด็ดขาด
แต่งได้ก็หย่าได้ แต่งกันเมื่อไหร่เธอจะได้รู้ว่านรกมีจริง เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อหย่าขาดจากเธอให้จงได้
ตอนเด็กเขาจำได้ว่าเธอขี้เหร่ขนาดไหน ตอนโตก็คงไม่ต่างกัน
แม่งซวยซ้ำ ซวยซ้อน ซวยอะไรแบบนี้วะไอ้ขุนเขา
เขาโคตรเกลียดหล่อนบรรลัย ทำไมต้องมาแต่งงานกับคนที่เกลียดด้วยวะ
เลิกกับเธอได้เมื่อไหร่เขาคงต้องไปทำบุญเจ็ดวันเจ็ดวาล้างซวยแน่นอน
“หนูแก้มเขาสวยน่ารัก เรียนก็เก่งได้เกียรตินิยม เพิ่งเรียนจบปีนี้เลยนะ พ่อหาผู้หญิงดี ๆ ให้ ยังจะมาว่าพ่ออีก” เขมราชต่อว่าลูกชาย
“ยายแก้มเหม็นของคุณพ่อนี่นะครับสวย ผมไม่เชื่อเด็ดขาด ตอนเด็กขี้เหร่ยังไง โตขึ้นก็ขี้เหร่แบบนั้นแหละครับ คนเราจะสวยขึ้นมาได้ยังไง ถ้าไม่ได้ไปศัลยกรรม แต่สำหรับยายแก้มเหม็น ให้ศัลยกรรมทั้งตัวก็ขี้เหร่เหมือนเดิมครับ”
“พ่อขี้เกียจพูดกับแกแล้ว”
“คุณพ่อเถียงไม่ออกน่ะสิครับว่ายายแก้มเหม็นขี้เหร่ อีกอย่างเรียนจบได้เกียรตินิยมก็น่าจะมีงานดี ๆ ทำ ไม่น่ามาแต่งงานหวังเงินเอาตัวเข้าแลกเลย หรือว่าเกรดที่ได้มาเพราะเอาตัวเข้าแลก นอนกับอาจารย์หวังเกรดเอาล่ะครับ เดี๋ยวนี้นักศึกษาหลายคนก็ชอบทำแบบนั้น”
“ปากแกนี่มันเหมือนใคร” เขมราชเริ่มมีน้ำโห พูดกับลูกชายไม่ได้ชอบทะเลาะกัน ก็ปากหมาๆ ของเจ้าลูกชายตัวดีนี่แหละทำเขาอกจะแตกตายทุกครั้ง
ไม่สงสัยเลยว่าทำไมถึงยังไม่มีเมีย
“ปากแกแบบนี้ไง ฉันถึงไม่สงสัยว่าทำไมแกถึงยังไม่มีเมีย ฉันล่ะสงสารหนูแก้มจริงๆ ที่ต้องมาเป็นเมียแกนี่”
“พ่อสงสารหนูแก้มของคุณพ่อ แล้วไปขอให้เธอมาแต่งงานกับผมทำไมล่ะครับ”
“ถ้าแกยังไม่หุบปากฉันจะทุบกบาลแกให้เลือดซิบ”
“ก็เอาสิครับ”
“แกนี่มัน!” เขมราชหงุดหงิดกับประโยคของลูกชาย แต่เพราะขบวนขันหมากเดินทางมาถึงหน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่อันแสนร่มรื่นเรียบร้อยแล้ว ทำให้การปะทะฝีปากและการทะเลาะกันของสองพ่อลูกต้องจบลงไป
มาถึงหน้าบ้านก็ต้องผ่านประตูเงิน ประตูทอง แล้วก็ต้องพาเจ้าบ่าวไปรับเจ้าสาวที่ห้องแล้วจับมือกันออกมาทำพิธี
พิธีเป็นแบบนี้เพราะคุณยายจันทร์หอมให้หมอพิธีในชุมชนทำเช่นนี้
ของขุนเขาเดินมาหยุดอยู่หน้าห้อง ก้อนจะใบหน้าบึ้งตึงเขาทำหน้าเหมือนกินยาขมเมื่อโดนกั้นประตูอีกรอบ กว่าจะได้เข้าไปรับเจ้าสาว พอประตูเปิดออกเขาก็เบือนหน้าหนี ไม่อยากมองเจ้าสาวแสนอัปลักษณ์ที่เขาเกลียดแสนเกลียด