บทที่ 5
เจียงซูซูพลันนั่งลงหลังถัดจากเจียงเหมย ดูเหมือนว่าท่านย่าคงจะปล่อยตัวเจียงเหมยออกจากห้องบรรพชนแล้วไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถมาเรียนเพลงพิณกับเจียงซูซูในวันนี้ได้
“อยู่ชนบทนานไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ปล่อยให้ผู้อาวุโสรอนาน” ดูเหมือนว่าเจียงเหมยจะพูดเหน็บแนมเจียงซูซู
เจียงซูซูมองค้อนด้วยสายตา อาจารย์หวางผิงดูท่าคนในสกุลเจียงจะไม่ค่อยดีกับคุณหนูใหญ่จริงๆ แม้แต่ผู้เป็นน้องสาวยังเอ่ยปากว่าผู้เป็นพี่สาวได้
“เอาล่ะ เริ่มเรียนกันได้แล้ว” อาจารย์หวางผิงเห็นเจียงซูซูกำลังจะเอ่ยปากขึ้น คนเป็นอาจารย์จึงตัดปัญหาให้พวกนางทั้งสามเข้าสู่เนื้อหาเรียนเพลงพิณ
เจียงซูซูได้แต่ก่นด่าเจียงเหมยในใจ
เจียงเหมยกับเจียงหยวนลอบดีใจที่อาจารย์หวางผิงถือหางพวกนาง
“เจ้าค่ะ” กระนั้นคุณหนูรองกับคุณหนูสามจึงเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
บทเรียนเพลงพิณในวันนี้ อาจารย์หวางผิงสอนขั้นพื้นฐานให้เจียงซูซู ทางด้านคุณหนูรองกับคุณหนูสามได้แต่นั่งฟังอาจารย์หวางผิงสอนเจียงซูซู เพลงพิณเพลงนี้คือเพลงกิ่งทองใบหยก เจียงซูซูพลันมองอาจารย์หวางผิงดีดพิณเจ็ดสายอย่างแผ่วเบา ทำให้คนฟังอย่างนางแทบหลงเข้าไปในบทเพลงนั้น
นิ้วเรียวงามกรีดกรายลงไปที่สายพิณอย่างช้าๆ
เสียงเพลงกึกก้องเข้ามาในหูของนาง
สายน้ำไม่มีวันไหลกลับมา
ความรักก็เช่นกัน
ท่านสัญญากับข้าว่า
จะรักกันราวกับกิ่งทองใบหยก
แต่ทว่ามีหญิงอื่นมาแทรกตรงกลางใจท่าน
ท่านนั้นกลับเปลี่ยนไป
เจียงซูซูพลันสะเทือนใจกับบทเพลงพิณนี้
“เอาล่ะคุณหนูใหญ่ ลองดีดเพลงกิ่งทองใบหยกให้ข้าฟังสิ” อาจารย์หวางผิงจ้องไปที่เจียงซูซู กระนั้นนางคลี่ยิ้มให้อาจารย์หวางผิง
“เจ้าค่ะ” เจียงซูซูรับคำ
คุณหนูรองกับคุณหนูสามพลันสบตากันอย่างมีเลศนัย เจียงซูซูพลันมองพิณเจ็ดสายอยู่ตรงหน้า มือคู่นั้นกรีดกรายลงไปในสายพิณ
ท่อนแรกที่นางดีดก็ช่างไพเราะกินใจคนฟังยิ่งนัก อาจารย์หวางผิงทำหน้าอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่คิดเลยว่าดรุณีที่ไปอยู่ในหมู่บ้านหุบเขาจะดีดเพลงพิณได้ไพเราะเยี่ยงนี้
ตึ่ง
ทุกคนต่างหันไปมองหน้าเจียงซูซูทันที เพราะสายพิณขาด นานดีดพิณจนสายพิณขาด
“เจ้ากล้าดีดพิณของข้าจนขาดเชียวรึ” อาจารย์หวางผิงมองพิณเจ็ดสายที่นางรักขาด
เจียงซูซูไม่รู้ว่าสายพิณขาดได้อย่างไร นางรีบออกมาโขกศีรษะให้อาจารย์หวางผิง ตอนนั้นดูเหมือนอาจารย์ยังมีสีหน้าชื่นชมนางอยู่เลย แต่พอสายพิณขาดอาจารย์กับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
“ข้าไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ”
“อาจารย์อย่าได้ว่าพี่ใหญ่ของพวกเราเลยเจ้าค่ะ นางเพิ่งมาจากหุบเขา ใช้แรงดีดมากไปหน่อยเกรงว่าสายพิณคงจะขาด ขออาจารย์อย่าได้ถือสาพี่ใหญ่ของพวกเราเลยเจ้าค่ะ” เจียงหยวนเอ่ยขึ้น แต่ทว่าในใจดแอบสาแก่ใจยิ่งนัก
เจียงซูซูพลันมองเจียงเหมยที่ลอบยิ้ม ในใจก็กระจ่างขึ้นมา หรือว่าจะเป็นแผนการของพวกนางที่เตรียมการไว้แล้ว
“เอาล่ะวันนี้ข้าจะไม่สอนพวกเจ้าแล้ว ฝากลาฮูหยินเฒ่าด้วยแล้วกัน” กล่าวจบอาจารย์หวางผิงให้คนรับใช้หอบพิณเจ็ดสายของนางแล้วย่างเท้าออกจากศาลาทันที
เจียงซูซูมองตามด้วยสายตาอาลัยยิ่งนัก
“พวกเจ้าสองคนแกล้งข้าใช่หรือไม่” เจียงซูซูพลันเอ่ยถามพวกนางทั้งสองคน
เจียงเหมยกับเจียงหยวนพลันหัวเราะคิกคักขึ้นมา
“พี่ใหญ่มาโทษพวกข้าได้อย่างไร ท่านเป็นคนดีดสายพิณแล้วมันขาดเอง พวกข้าทั้งสองคนนั่งดูเฉยๆ ไม่ได้ทำอันใดเลยแม้แต่น้อย” เจียงหยวนเอ่ยขึ้นอมยิ้มเล็กน้อย
เจียงซูซูนางเบื่อเหลือเกิน
“คุณหนูกลับเรือนเถอะเจ้าค่ะ” อาเจียรีบมาประคองเจ้านาย
เจียงซูซูพลันเดินออกจากศาลาในใจแอบแค้นเจียงเหมยกับเจียงหยวนไม่หาย ที่ทำให้นางขายหน้าต่อหน้าอาจารย์หวางผิง
สองสตรีพลันเห็นร่างบางหายไปไกลก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง
“เจ้าทำได้ดีมาก เจียงหยวน” เจียงเหมยพลันเอ่ยชมเจียงหยวน เพราะตอนที่ก่อนเจียงซูซูจะมาเจียงหยวนสั่งให้คนตัดสายพิณของอาจารย์หวางผิงพอนางดีดใช้แรงนิดหน่อยสายพิณก็จะขาด ตอนนั้นในศาลาอาจารย์หวางผิงไปพบฮูหยินเฒ่าก่อนจะเข้ามาในศาลาอีกครั้ง กระนั้นจึงทำให้พวกนางทั้งสองแอบตัดสายพิณอีกตัวของอาจารย์หวางผิง พวกนางไม่มีทางที่จะให้เจียงซูซูได้แต่งไปเป็นชายาของรุ่ยอ๋องเป็นแน่
ทางด้านเจียงซูซูกลับมาที่เรือนหนิงฮวาพลันนั่งที่เก้าอี้ จิบน้ำชาที่อาเจียรินให้ ในใจก็นึกชังเจียงเหมยกับเจียงหยวนไม่หาย
“คุณหนูใจเย็นๆนะเจ้าคะ”
“ข้าทำอันใดผิด เหตุใดต้องกลั่นแกล้งข้าด้วย หรือเพราะข้าเกิดมาหน้าตาอัปลักษณ์” นางเอ่ยอย่างตัดเพ้อในโชคชะตาชีวิตตัวเอง เป็นไปได้นางอยากจะเกิดมาเป็นสตรีที่งดงาม ไม่ได้อยากจะเกิดเป็นคนที่อัปลักษณ์เยี่ยงนี้
“คุณหนูเจ้าคะ ฮูหยินเฒ่าเรียกให้ไปพบที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ” สาวใช้จากเรือนใหญ่สาวเท้าเข้ามารายงานแล้วล่าถอยออกไป
ในใจเจียงซูซูไม่คิดว่าข่าวนี้จะไปถึงหูท่านย่าเร็วปานนี้
ห้องโถงเรือนใหญ่ในเวลานี้ฮูหยินผู้เฒ่าเจียงทอดสายตามองหลานสาวทั้งสองคนนั่งคุกเข่า ตรงหน้าฮูหยินเฒ่า เรื่องที่สายพิณขาดทราบไปถึงหูฮูหยินเฒ่า เพราะว่าตอนที่เจียงเหมยกับเจียงหยวนอยู่ในศาลาสองคน มีบ่าวของฮูหยินเฒ่าสอดส่องอยู่จึงได้เห็นการกระทำชั่วร้าย เดิมทีวันนี้ฮูหยินเฒ่าคิดไว้แล้วว่าวันนี้ เจียงซูซูไปเรียนเพลงพิณต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับนางเป็นแน่แท้ ความคาดการณ์ของฮูหยินเฒ่าก็เป็นจริง เพราะหลานคนรองกับคนที่สามรวมหัวกันกลั่นแกล้งหลานคนโต
ไม่คิดเลยว่าเจียงเหมยเพิ่งออกจากห้องบรรพชนก็ยังกล้าสร้างความวุ่นวายไม่สิ้นสุด “พวกเจ้าทำอะไรไว้อย่านึกว่าคนแก่อย่างข้าไม่รู้นะ พวกเจ้าสร้างความวุ่นวายให้พี่ใหญ่ของพวกเจ้า ทำให้นางขายหน้าต่ออาจารย์หวางผิงโดยการตัดสายพิณอาจารย์หวางผิง”
“ท่านย่า” เจียงเหมยกับเจียงหยวนเอ่ยขึ้นพร้อมกัน ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าส่งสาวใช้ไปเรียกพวกนางที่เรือนก็ไม่ได้เอ๊ะใจอะไร แต่พอมาถึงก็ให้พวกนางคุกเขา พวกนางไม่คิดเลยว่า ท่านย่าจะหูตาไวเยี่ยงนี้
“เอาล่ะพวกเจ้าขอโทษนางแล้วกัน” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยขึ้น สายตาเห็นเจียงซูซูพลันย่างกรายเข้ามาทันที
“คารวะท่านย่า” เจียงซูซูพลันยอบกายคำนับ ได้แต่สงสัยเหตุใดเจียงเหมยกับเจียงหยวนจึงต้องมานั่งคุกเข่าเยี่ยงนี้
“ซูเอ๋อร์มานั่งเก้าอี้ข้างข้าสิ” ฮูหยินเฒ่าเอ่ยบอกหลานสาวคนโต เจียงซูซูพลันนั่งลง
“ท่านย่าเหตุใดน้องรองกับน้องสามถึงได้คุกเข่าเยี่ยงนี้”
“พวกนางแกล้งเจ้า ทำให้สายพิณของอาจารย์หวางผิงขาด” ฮูหยินเฒ่าเอ่ยขึ้น
สองสตรีนั่งก้มหน้า
เจียงซูซูไม่คิดเลยว่าฮูหยินเฒ่าจะหูตาไวขนาดนี้
“ท่านย่าหลานไม่คิดเลยว่า พวกนางจะกล้ารังแกข้า” เจียงซูซูพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า
“ขอโทษพี่ใหญ่ของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงฮูหยินเฒ่าเอ่ยขึ้นอย่างชัดเจน
“พวกข้าไม่ขอโทษนังอัปลักษณ์” เจียงเหมยเอ่ยขึ้น
“สามหาว ช่างสามหาวยิ่งนัก” ฮูหยินผู้เฒ่าไม่คิดว่าเจียงเหมยจะเสียมารยาท
“ข้าก็ไม่ขอโทษ” เจียงหยวนเอ่ยขึ้นตาม
พวกนางเกลียดเจียงซูซูอย่างเห็นได้ชัดเจน
“ได้ในเมื่อพวกเจ้าไม่ยอมขอโทษ พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เด็กๆจับพวกนางไปโบยคนละสิบห้าหวาย” กระนั้นทำให้เจียงซูซูพลันอึ้งงันกับการทำโทษของท่านย่า
“ไม่นะ” เจียงเหมยหับเจียงหวายเอ่ยขึ้นพร้อมกัน
“ท่านแม่เกิดอะไรขึ้น” ฮูหยินรองพลันย่างกรายเข้ามาในห้องโถง
“มาแล้วรึ บุตรสาวเจ้าทำงามหน้าไว้”
“ท่านแม่ช่วยข้าด้วย” เจียงเหมยบีบน้ำตา
“ท่านแม่ เหมยเอ๋อร์ทำอันใดผิด” ฮูหยินรองใคร่อยากจะรู้ บุตรสาวของนางทำเรื่องอันใดจึงทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าพิโรธ
เจียงซูซูพลันนึกขอบคุณฮูหยินเฒ่านักที่ทวงความยุติธรรมให้นาง
“ใส่ร้ายพี่สาว”
“ท่านแม่อย่าได้ลงโทษเหมยเอ๋อร์เลยนางยังเด็ก”
“เพราะมีมารดาอย่างเจ้าให้ท้ายนางนี่เอง นางถึงได้มีนิสัยชั่วร้ายเยี่ยงนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าตอกหน้าฮูหยินรอง
“นำพวกนางทั้งสองคนไปโบยเดี๋ยวนี้”
“ท่านแม่”
“ท่านป้า”
สองสตรีพลันดิ้นพล่าน
“ท่านแม่ปล่อยพวกนางเถอะเจ้าค่ะ” ฮูหยินรองขอร้องฮูหยินผู้เฒ่า
“เงียบ”
ไม่นานนักเสียงโบยก็ดังขึ้นเป็นระยะพร้อมทั้งเสียงร่ำไห้อย่างโหยหวนของพวกนางทั้งสองคน ภาพนี้ทำให้เจียงซูซูสะใจยิ่งนัก
ฮูหยินรองได้แต่กำมือภายใต้สาบเสื้อไว้แน่น ดวงหน้ามีเส้นเลือดปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด นางเลี้ยงเจียงเหมยประดุจไข่มุกในฝ่ามือ เหตุใดฮูหยินผู้เฒ่าจึงต้องมาโบยบุตรสาวนางด้วยเล่า
เจียงซูซูพลันขอตัวกลับเรือนหนิงฮวา นางมองเจียงเหมยกับเจียงหยวนอย่างผู้ชนะ แววตานั้นทำให้คุณหนูรองกับคุณหนูสามยิ่งเกลียดเจียงซูซูเป็นหมื่นเท่า
สะใภ้รองอวิ๋นเผ่ยทราบความรีบมารับตัวบุตรสาวไปที่เรือนกิ่งไผ่ทันที ในใจก็ก่นด่าเจียงซูซูสารพัดที่ทำให้บุตรสาวของนางลงเอยเยี่ยงนี้
ด้านเจียงเหมยถูกหามไปที่เรือนอวี้หลาน ด้านฮูหยินรองฮูหยินผู้เฒ่ารั้งให้นางอยู่ต่อ สายตาฮูหยินผู้เฒ่าเจียงมองฮูหยินรองอย่างชิงชัง
“ฮูหยินรอง รู้ตัวหรือไม่ ว่าทำความผิดอันใด” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยถามฮูหยินรอง
นางทำอันใดผิด
“สะใภ้ทำอันใดเจ้าคะ”
“เจ้ามันสารเลวยิ่งนัก บังคับให้เจียงซูซูแต่งงาน ส่งคนไปสังหารเจียงซูซูระหว่างทางกลับมาที่เมืองตงหนาน จิตใจเจ้าทำด้วยอันใด” เรื่องนี้ฮูหยินผู้เฒ่าเพิ่งทราบเมื่อตอนเช้าหลังจากที่ส่งคนไปสืบความพบว่า ฮูหยินรองเป็นผู้สั่งการสังหารเจียงซูซู
“ท่านแม่” ฮูหยินรองพลันหน้าเปลี่ยนสีทันทีเมื่อถูกจับได้
“ข้า…”
“เจ้ากลับไปที่เรือนอย่าได้ออกมาให้ข้าเห็นหน้าอีก หากเรื่องนี้แพร่งพรายออก คงไม่ดีต่อตระกูลเจียงเป็นแน่แท้ เจ้าไปคัดบทสวดมนตร์หนึ่งเดือน อย่าได้ออกมาจากเรือนอวี้หลานจนกว่าจะมีคำสั่งกับข้า”
ฮูหยินรองไม่คิดเลยว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะลงโทษนาง ขนาดนายท่านเจียงชิงรู้แล้ว เขายังไม่ลงโทษนางเลยด้วยซ้ำ
“เจ้าค่ะ” ฮูหยินรองยอบกายคำนับแล้วล่าถอยออกไป
ดูเหมือนว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะห่วงเจียงซูซูเป็นอย่างมาก
“ฮูหยินเฒ่าอย่างกังวลเลยเจ้าค่ะ” จ้าวมามาปลอบเจ้านาย
“ข้าไม่คิดเลยว่า ความอัปลักษณ์ของซูเอ๋อร์ จะทำให้คนทำร้ายนางได้ถึงเพียงนี้” นางสงสารในโชคชะตาหลานสาวของนางยิ่งนัก ได้แต่ช่วยให้เจียงซูซูแต่งกับรุ่ยอ๋องแล้วเป็นที่โปรดปราน ทางเดียวที่จะไม่มีคนทำร้ายเจียงซูซูได้