บท
ตั้งค่า

ไม่เข้าตาที่หนึ่ง : ไม่ได้รับอนุญาตให้จีบ (2)

“ถือว่าเลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่ง”

“น้องแบบนี้กูไม่เอา”

แล้วพี่ๆ ที่เหลือก็ล้วนพูดประโยคเดียวกันนี้

“อะบูริจี้ว่ะ” กุสุมาลย์ค่อนขอดเสร็จก็หันไปสนใจกับการเลือกเพลงที่จะเปิดเคล้าแอลกอฮอล์ เธอและเดอะแก๊งไม่ใช่สายชิลนั่งร้านเหล้าเข้าผับเข้าบาร์หรือเป็นคนมีเทสฟังเพลงสากล แต่จะชอบการสังสรรค์แบบบ้านๆ มากกว่า ได้นั่งดื่มที่อู่ไม่ก็บ้านใครสักคน เพียงแต่ที่อู่จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพราะไม่รบกวนใคร ไม่อย่างนั้นยังมีเมียพี่ มีพ่อมีแม่ วงเหล้าเสียงดังเข้าหน่อยก็พากันรำคาญอยากไล่ตะเพิดแล้ว อู่เฮียหมายจึงถือเป็นพื้นที่ปลอดภัยของพวกขี้เมา

ขี้เมากะเพราแตะดังขึ้น บทสนทนาก่อนหน้าหยุดลง คอเพื่อชีวิตอยู่ไม่สุขก่อนจะกลายเป็นการประสานเสียงร้องเพลงที่หาได้ตรงคีย์ไม่ เสียงแต่ละคนรวมๆ แล้วฟังหมาเห่าผีตอนตีสามยังสุนทรีกว่าเป็นไหนๆ แต่แล้วใครสนกันเล่า ร้องเพลงเอามันส์ ถ้าร้องเอารางวัลป่านนี้พากันไปประกวดแล้ว กลัวก็แต่จะดังจนวงอื่นดับกันหมด

เหล้าเข้าปากกันคนละแก้วสองแก้ว แต่เริ่มลุกขึ้นเต้นกันแล้ว กุสุมาลย์นั้นยังไม่ได้ที่ เธอแค่เคาะช้อนไปกับโต๊ะตามจังหวะเพลง อีกทั้งยังแหกปากร้องเพลงอย่างนึกสนุก

ขี้เมาไม่เข้าใครออกใคร พูดวนอยู่ได้กะอีเรื่องเก่าๆ

เขาถึงบอกใครได้ผัวขี้เหล้า ต้องทนทั้งขี้เมา ขี้โม้ ขี้คุย

กุสุมาลย์ดูจะชอบพาร์ทนี้พอสมควร ทุกครั้งที่เปิด สาวเจ้าจะร้องดังกว่าใครเพื่อน

พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ ร้องเพลงมั๊นมันขี้เมาช๊อบชอบ

กินเหล้าไม่ต้องการคำตอบ เอาจอกไปนำยกแก้วไปนำ คนละกรึ๊บสองกรึ๊บ

หลังร้องจบประโยคสิ่งที่ทุกคนทำคือกระดกเหล้าเข้าปากอย่างมิได้นัดหมาย เพราะมันอยู่ในดีเอ็นเอ สิ่งนี้ช่างเป็นความสุขของเหล่าช่างยนต์ในอู่เฮียหมายเสียนี่กระไร กว่าจะจบเพลงก็โดนกันไปหลายกรึ๊บ กุสุมาลย์อยู่ระหว่างคำว่ากรึ่มได้ที่กับไร้สติ เธอเริ่มนั่งไม่ติดเก้าอี้ ลุกขึ้นยืนทันทีที่ได้ยินเสียงดนตรีจากเพลงที่คุ้นเคยดังขึ้น ‘ราชันย์ฝันสลาย’ จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเธอตอนนี้เลย

“ใครยังไม่เมาไปเอาเพิ่มมาหน่อยไป คืนนี้มันต้องกองกับพื้นเท่านั้นถึงจะหลับได้” เธอออกคำสั่ง เพราะหลังดื่มแล้วไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถขับรถได้ มารดาขอไว้เท่านี้จริงๆ หลังพยายามสั่งสอนแล้วเธอไม่น้อมรับ จึงขอเพียงดื่มไม่ขับ เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาตามมาทีหลัง

อย่างไรครอบครัวก็ถือว่ามีหน้ามีตาในสังคม น้องชายก็เป็นตำรวจ เท่าที่ยอมให้เธอได้ทำตัวเช่นนี้ถือว่าเมตตามากแล้ว ด้วยเหตุนั้นในทุกๆ คืนคนที่บ้านจะวนเวียนมารับกุสุมาลย์กลับบ้าน ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัดอย่างบิดา พยาบาลสาวสวยแห่งแผนกอายุรกรรมที่เธอคลานตามเจ้าหล่อนมาในอีกหกปีให้หลัง พี่เขยใจถึงพึ่งได้ผู้ที่ถูกคุณนายขวัญเรือนยกธุรกิจซีเมนต์ผสมเสร็จของตนให้ดูแล หรือผู้หมวดดาวรุ่งที่ออกมาลืมตาดูโลกหลังเธอแค่หนึ่งปี มีแค่คนเดียวที่จะไม่มาเด็ดขาดคือมารดา หล่อนว่าตนรับไม่ได้ที่เห็นลูกสาวมีสภาพเหมือนหมาขี้เรื้อนข้างถนน

เหมือนตรงไหนกัน หมาดีกว่านี้เยอะ

คืนนี้พี่เป็นราชา ราชันย์อกหัก แห่งอาณาจักรชื่อรักสลาย

ไม่มีมเหสี ไม่มีชายใด มีแต่เพื่อนใจชื่อว่าสุรา

กุสุมาลย์คว้าขวดอะไรสักอย่างมาถือทำทีเป็นจับไมโครโฟน ทั้งยังร้องเพลงราวอินกับมันเสียเหลือเกิน สาวเจ้าแอบเปลี่ยนจาก ‘หญิง’ เป็น ‘ชาย’ เพื่อระลึกถึงใครบางคน

ใครบางคนที่ทำให้หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ใครบางคนที่แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ที่ได้พบทว่าใบหน้าเขากลับประทับแน่นอยู่ในใจจนยากจะลบเลือน

หล่อขนาดนั้นไม่เป็นของก้านแล้วจะเป็นของใคร!

“รักครั้งแรก หัวใจหนูก็แตกสลายแล้วว่ะพี่”

แน่นอนว่าทุกคนเริ่มกรึ่ม แต่มันไม่ได้อยู่ในจุดที่ไร้สติถึงเพียงนั้น พวกเขาดื่มกันก็จริง แต่ที่โหวกเหวกโวยวายเล่นใหญ่เหมือนพวกขี้เมานั้นส่วนหนึ่งมาจากเอเนอร์จี้ คีพคาแรคเตอร์ขี้เหล้าไปอย่างนั้น ฉะนั้นแล้วทันทีที่กุสุมาลย์พูดจบ ทุกคนหูผึ่งทันที ที่ยืนเต้นกันอยู่ยังรีบถลามานั่งที่เดิมด้วยความกระตือรือร้น ฝ่ามือหนาของบวรรัชเอื้อมไปคว้าแขนเรียวเล็กก่อนออกแรงดึงให้หญิงสาวมานั่งสุมหัวกันที่โต๊ะหินอ่อน

ตั้งแต่รู้จักกันมา กุสุมาลย์ไม่เคยแง้มเรื่องหัวใจให้ใครได้ฟัง เห็นทีนี่จะเป็นครั้งแรกที่พี่ๆ จะได้รู้เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ของน้องสาวบ้าง อันที่จริงพวกเขาแทบจะลืมไปแล้วว่ามันจะมีความรักกับใครเขา ไม่ยักจะเคยเห็นสนใจในตัวมนุษย์เพศผู้เลยสักครั้ง

ประโยคบอกเล่าดังกล่าวจึงถูกจัดอยู่ใน ‘รหัสแดง’ ที่จำเป็นต้องปรึกษาหารือกันโดยด่วน

คนตัวเล็กนั่งลงที่เดิม วางขวดในมือลง ความสนุกสนานเมื่อครู่จางหายไปจากร่างแน่งน้อย เธอพ่นลมหายใจอย่างไม่ปิดบังว่ามีเรื่องหนักใจ เอื้อมมือไปจิ้มยำเล็บมือนางส่งเข้าแล้วเคี้ยวตุ่ยๆ ด้วยท่าทีหมดอาลัยตายอยาก เป็นภาพหายากเลยก็ว่าได้ ปกติแล้วกุสุมาลย์ซนยิ่งกว่าลิงกว่าค่าง พอซึมเช่นนี้แล้วพี่ๆ คนเถื่อนทั้งหลายถึงกับรับมือไม่ถูก

เตชิตที่นั่งอยู่ข้างๆ ตบไปที่ไหล่บางด้วยแรงครึ่งหนึ่งที่เคยใช้อยู่ประจำ “เฮ้ย เป็นไร”

“อกหัก”

“ล้อเล่นไหม”

ใบหน้าหวานส่ายไปมา “หักจริงๆ หักดังเป๊าะเลยด้วย”

ทุกคนหยุดการกระทำ จดจ้องไปที่ช่างตัวน้อยเป็นจุดเดียว

“ใจหนูเต้นแรงมาก แล้วตอนที่มันหัก ก็แรงไม่แพ้กันเลย เหมือนจะตายเลยอะ”

“อยากเล่าไหม” สัทธาภัคเอ่ยถาม ยังไม่ทันที่กุสุมาลย์จะตอบเขาก็ชิงพูดต่อ “คือถ้าเปิดขนาดนี้แล้วไม่เล่า พี่นวดมึงละเอียดแน่ก้าน”

สาวเจ้าฟุบหน้าไปกับโต๊ะแต่ครู่เดียวก็เงยขึ้นเหมือนเดิม ซ้ำยังทำหน้าราวจะร้องไห้ ท่าทางก็เหมือนคนไร้เรี่ยวแรงจะใช้ชีวิตก็ไม่ปาน ประหนึ่งวิญญาณออกจากร่างไปแล้ว ตรงนี้มีเพียงกายหยาบเท่านั้น

“ใครทำน้องรักพี่อกหัก”

ภาคภูมิแย้งคำพูดของคีรวัน “ใครทำนั่นยังไม่น่ารู้เท่าก้านไปมีความรักตอนไหน ทำไมพวกพี่ไม่รู้เลย”

พี่ใหญ่ของกลุ่มค่อนข้างมั่นใจว่าหากน้องรักคนนี้มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมย่อมต้องแสดงออกให้คนอื่นรู้ได้โดยง่าย เธอจะต้องพูดและเผลอทำอะไรสักอย่างที่เรียกว่าพิรุธจนโดนจับไต๋ได้ แต่ที่ผ่านมาเขาไม่เคยรับรู้มาก่อนเลยว่ากุสุมาลย์มีความรัก ไม่เคยมีสักครั้งที่สาวน้อยจะทำให้รู้ว่าชอบพอใครบางคนเข้าแล้ว

“สิบสี่เมษา”

พ่อลูกสองมุ่นคิ้ว “เมื่อวานซืน?”

กุสุมาลย์พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย “อาฮะ วันที่ทุกคนได้หยุดพัก แน่นอนว่ามีสองคนไม่ควรหยุด” สายตาเธอเหลือบมองไปยังวีรากรและเตชิต ก่อนกลับมาที่ภาคภูมิ “หนูเลยต้องมาทำงานคนเดียว โดนเฮียหมายจิกหัวใช้ให้ไปแถวๆ เขื่อนเพื่อไปซ่อมรถให้พี่มอส ถามจริงเถอะ อู่แถวนั้นมันไม่มีไง๊ ใช่ มันมี แต่พี่มันไม่ซ่อม แล้วเป็นลูกเฮียแท้ๆ แต่เฮียแกไม่ยอมไป หนูก็เลยต้องไป ใครจะรู้ว่ามันจะเปลี่ยนชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไปตลอดกาล”

วีรากรกะพริบตาถี่ๆ มองผู้เล่าอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาไม่คิดเลยว่ากุสุมาลย์จะชอบใครได้ “เปลี่ยนยังไงเหรอก้าน”

“หนูเจอผู้ชายคนหนึ่ง” ชายฉกรรจ์ทั้งหลายถูกความอยากรู้อยากเห็นเล่นงานจนเริ่มโน้มตัวเข้าไปในวงสนทนาอย่างไม่รู้ตัว จนดูเหมือนกำลังสุมหัวทำอะไรกันสักอย่าง “บาดใจคัก ชนิดที่ว่าเลือดซิบ หนูนี่เข้าใจคำว่ารักแรกพบก็ตอนนั้น”

“อาการมันเป็นยังไง”

“แปลกมากเลยล่ะพี่แชมป์ ใจหนูนี่มันเต้นเหมือนจะระเบิดให้ได้ เสียงพี่มอสไม่เข้าหูเลยสักประโยค ไม่น่าเชื่อ นึกว่ามีแต่ในละคร”

วีรากรเอ่ยอีกครั้ง “ก้านชอบมันเหรอ”

“มัน?” สาวเจ้าชะงักอย่างใช้ความคิด “ไม่มัน อย่าเรียกเขามัน คือเขาหล่อมากจริงๆ พี่ แบบดูสง่า ดูดี ถ้าไม่ติดอะไรหนูเรียกท่านได้เลย”

“อย่าประดิษฐ์เยอะได้ปะ” บวรรัชรีบปราม “รู้แล้วว่าชอบ แต่ขอเนื้อๆ เถอะ มันจะหล่ออะไรขนาดนั้นเชียว”

“หล่อนะ”

“ก็มึงชอบมัน มันก็ต้องหล่อในสายตามึงดิ ไอ้สิงยังหล่อในสายตาแฟนมันได้เลย”

“อ้าวพี่”

“กูแค่เปรียบเทียบว่าถ้าชอบใคร เขาก็หล่อ แค่นั้น”

“แล้วผมไม่หล่อเหรอ”

บวรรัชเหลือบตามองหนุ่มรุ่นน้อง “อ่า หล่อ” ว่าจบก็โบกไม้โบกมือเมื่อเริ่มหลงประเด็น “สรุปเพิ่งเจอแล้วไปอกหักได้ไง ไม่ดิ คือเจอแล้วก็ชอบเลยอะนะ”

“ประมาณนั้น พี่เชื่อไหม ทุกวันนี้หนูยังคิดถึงหน้าเขาอยู่เลย”

“เออๆ เชื่อ สรุปทำไมถึงอกหัก เขามีเมียแล้วเรอะ”

เตชิตได้ยินเช่นนั้นจึงแกล้งแหย่ “เป็นเมียน้อยได้ กลัวอะไร เมียหลวงตามมาตบก็ต้องผ่านศพพี่ไปก่อนอะ”

วีรากรรีบส่ายหน้าให้เพื่อนทันที “ผู้ชายมีตั้งเยอะ คนดีๆ ใช่ว่าจะไม่มี แค่มองให้ดีก็เจอแล้วเปล่า”

“ใครคือคนดีๆ มึงเหรอ” คีรวันเอ่ยอย่างหยอกล้อ ทว่าหนุ่มรุ่นน้องกลับนิ่งไป ทำใจเขากระตุกวูบก่อนจะเผลอสบถคำหยาบเพื่อไม่ให้ใครได้ยิน

เป็นเรื่องแล้วไหมล่ะไอ้เด็กเวรพวกนี้!

“เขาไม่ได้มีเมีย เขาแค่ไม่ได้ชอบหนู”

“ทำไมรู้ว่าเขาไม่ชอบ”

เธอหันมองพี่ใหญ่ ระบายลมหายใจออก “หนูน่ะ ซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองมาตลอดทั้งชีวิต หลายๆ ครั้งการตัดสินใจของหนูมันไม่เคยถูกใจคนอื่นเลย แต่หนูก็เลือกที่จะทำ เพราะมันเป็นชีวิตของหนู”

เธอชื่นชอบเครื่องยนต์ จบมัธยมต้นก็รั้นจนไปเรียนสายอาชีพจนได้ ไม่อยากรับราชการเหมือนคนอื่นเขา ไม่ชอบธุรกิจของที่บ้าน ชอบเพียงการซ่อมรถ เธอเลือกทุกอย่างด้วยความต้องการของตนโดยไม่สนเสียงคัดค้านใด

“ถ้าชอบอะไร คนเราควรได้ทำสิ่งนั้น หนูเชื่อแบบนั้นน่ะ ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์กับตัวเอง สุดท้ายแล้วเราจะเป็นคนที่เสียใจที่สุดหรือเปล่า”

อยู่ดีๆ วงเหล้าของพวกขี้เมาก็กลายเป็นเวทีแสดงปรัชญาชีวิตของสาวน้อยในกลุ่ม

“ถ้าหนูอยากเป็นเพื่อน หนูก็จะเข้าเพื่อไปเป็นเพื่อน ถ้าอยากเป็นพี่หรือน้อง ก็จะไปอยู่ในฐานะนั้นๆ ถ้าไปกลับลำทีหลังมันจะเป็นปัญหาอะดิ ไปเป็นน้องแล้ว วันหลังอยากเป็นเมีย พี่คนไหนเขาจะให้เป็นเหรอ”

สาวเจ้าระบายยิ้มน้อยๆ

“คนนี้หนูอยากเป็นเมีย ก็เลยเข้าหาตรงๆ เลย”

ผู้ฟังเริ่มสนใจในเรื่องเล่าของกุสุมาลย์ที่ร้อยวันพันปีไม่ยักจะเคยเห็นว่ามีความรักกับเขา ใครจะคิดว่าพอมีก็อาการหนักถึงเพียงนี้

เตชิตออกปากเร่ง “แล้วเข้ายังไงวะก้าน”

กุสุมาลย์เผยยิ้มเมื่อนึกถึงเรื่องที่ตนได้ทำลงไปจริงๆ แม้ลึกๆ จะรู้สึกสะเหล่อมากก็ตาม ถึงกระนั้นก็ยังอดขัดเขินกับความใจกล้าและบ้าบิ่นของตัวเองไม่ได้

“บอกเขาไปเลยว่าหนูชอบ แล้วก็...” คนตัวเล็กยิ้มจนถึงดวงตา “ขออนุญาตจีบนะคะ”

เสียงโห่ร้องดังขึ้นเพื่อแซวการกระทำของน้องสาวที่ค่อนข้างได้ใจพวกเขาเหลือเกิน สมแล้วที่เลี้ยงมากับมือ ความใจกล้าหน้าด้านต้องเป็นหนึ่งในใต้หล้าเท่านั้น และจะรับไม่ได้เป็นอย่างมากหากเป็นสองรองคนอื่น

“แล้วเขาว่าไงอะ” สัทธาภัคเอ่ยอย่างอดตื่นเต้นไม่ได้

ต่างกับเจ้าของเรื่องที่รอยยิ้มค่อยๆ จางหายไปจากดวงหน้าหวาน

“เขาบอกว่า” เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกแรงๆ “ไม่อนุญาตครับ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel