บท
ตั้งค่า

ไม่เข้าตาที่หนึ่ง : ไม่ได้รับอนุญาตให้จีบ (1)

ผ่านพ้นช่วงเทศกาลไปได้ ช่างทุกคนก็กลับมาทำงานอย่างขยันขันแข็ง บัดนี้สมหมายการช่างจึงคับคั่งไปด้วยผู้คน ไหนยังอรอุมาคาร์แคร์ที่อยู่ข้างกันซึ่งเป็นธุรกิจที่ดูแลโดยภรรยาของสมหมาย เสียงน้ำกระทบรถจนกระทั่งตกลงสู่พื้นมีให้ได้ยินเป็นระยะ ถึงกระนั้นก็ไม่อาจดังเทียบเท่าเสียงที่อยู่ในอู่ ทั้งเสียงเครื่องยนต์ที่เหล่าช่างต้องลองเครื่อง เสียงพูดคุยเพื่อประสานงาน หรือเสียงเครื่องมือต่างๆ นานาที่บ่งบอกว่าต่างก็ง่วนอยู่กับงานของตนเอง

“คันนั้นเปลี่ยนยางจะเสร็จยัง” สัทธาภัคเอ่ยขึ้นขณะที่มือซ่อมกระจกรถที่มีปัญหาเรื่องการค้าง กดลงไม่มีปัญหา ทว่าพอกดขึ้นดันไม่ค่อยจะขึ้น เขาจึงต้องแงะเครื่องด้านในออกมาดู สายตาจึงตกอยู่ที่ของตรงหน้าและเหลือบมองรถที่อยู่ข้างกัน ทว่าผ่านมาเป็นนาทียังไม่มีคำตอบออกจากช่างหญิงคนเดียวประจำอู่ “ไอ้ก้าน เดี๋ยวนี้หยิ่งเหรอวะ”

คนถูกกล่าวหารีบละความสนใจจากการคลายน็อตบริเวรล้อรถแล้วหันขวับไปทางต้นเสียง เพราะเปลี่ยนล้อหลังอยู่ เธอจึงมองเห็นคนที่นั่งอยู่เบาะหลังคนขับของรถที่จอดอยู่ข้างกันได้เป็นอย่างดีเนื่องจากประตูถูกเปิดไว้

คิ้วถูกขมวดเข้าหากัน “หยิ่งอะไร”

“เหอะ” ชายหนุ่มแค่นเสียงขึ้นจมูก “พี่ถามมึงนานแล้ว ไม่ตอบ”

“ไม่ได้ยิน” จริงๆ ได้ยิน แต่ขี้เกียจตอบ

กุสุมาลย์เป็นคนเช่นนั้น เวลาใครเรียกมักจะคร้านที่ต้องเอ่ยปากขานรับจนอีกฝ่ายต้องเติมยศให้เพราะเริ่มมีน้ำโห เวลาเห็นคนฉุน เธอชอบใจนักแล

“อีกอย่างใครจะคิดว่าพี่ถามหนู หนูไม่รู้นี่ว่าในอู่มีใครกำลังเปลี่ยนยางบ้าง”

ชายหนุ่มชะงักมือกลางอากาศ “ไหนไม่ได้ยิน”

สาวเจ้ายิ้มแหยกับการโกหกหน้าด้านๆ ของตนที่หาความแนบเนียนไม่ได้ ซ้ำยังมักเฉลยให้คนอื่นรู้จนหมดไส้หมดพุง ทุกคนถึงได้ลงความเห็นว่ากุสุมาลย์เป็นพวกซื่อ ทั้งซื่อสัตย์และซื่อบื้อในเวลาเดียวกัน เจ้าหล่อนโกหกไม่เก่ง พูดอะไรที่ไม่ใช่ความจริงก็มักจะถูกจับได้ บางครั้งก็โพล่งสิ่งที่คิดออกตรงๆ อย่างไม่อ้อมค้อม

เป็นคนประเภทที่อ่านง่ายยิ่งกว่าหนังสือเด็กอนุบาล

“นิสัยไม่ดีว่ะ” ค่อนขอดเสร็จก็วกมาเข้าประเด็นเดิม “แล้วเปลี่ยนจะเสร็จหรือยัง”

“สุดท้ายแล้ว”

สัทธาภัคพยักหน้ารับ หันไปจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าแทน ทว่าปากก็ยังพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานผู้น้อง “เดี๋ยวมาเปลี่ยนสายพานคันนี้ให้หน่อย พี่จะออกไปทำธุระให้แฟนสักเดี๋ยว เย็นกว่านี้กลัวร้านปิด”

ช่างตัวน้อยพยักหน้ารับคำส่งๆ แล้วหันมาคลายน็อตต่อ หน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสามห้าสิบนาที เธอเลิกงานประมาณห้าโมงเย็น เสร็จจากคันนี้แล้วก็ต้องเวียนไปช่วยช่างคนอื่นซ่อมคันที่ยังไม่เสร็จอยู่แล้ว บางครั้งหากเก็บงานไม่เสร็จก็เลือกจะปักหลักอยู่ที่อู่ต่อ อย่างไรเสียหลังเลิกงานก็ไม่ค่อยจะกลับบ้านกลับช่องกันอยู่แล้ว หากไม่ได้รวมหัวกันตั้งวงก๊งเหล้าเห็นทีจะนอนไม่หลับ ด้วยเหตุนี้แล กุสุมาลย์ผู้ทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ เจ็ดโมงเป็นอันต้องตื่น กว่าจะได้กลับบ้านทีไม่สามก็สี่ทุ่ม แต่ไม่ยักจะรวยเหมือนอย่างพี่สาวน้องชายที่รับราชการ เพราะเอาเงินเดือนมาประเคนให้น้ำเมาเสียหมด

กุสุมาลย์เปลี่ยนยางเสร็จหมาดๆ เสียงของพี่ใหญ่เช่นภาคภูมิก็โพล่งขึ้น “เดี๋ยวไปรับลูกให้เมียก่อน ใครว่างมาเปลี่ยนยางหลังคันนี้ให้หน่อย”

ปากถามว่าใครว่าง แต่มองกุสุมาลย์ไม่วางตา

ฝ่ามือบางที่เอื้อมไปคว้ากระติกน้ำเป็นอันชะงัก มองตอบพี่ใหญ่อย่างไม่คิดหลบ เธอรู้ ‘ใครว่าง’ ไม่ใช่ประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบ แต่เขาล็อคเป้าก่อนจะพูดเสียด้วยซ้ำ

“ไม่ว่าง หนูต้องเปลี่ยนสายพานแทนพี่สิง”

“ไอ้สิงกับพี่มึงจะอยู่ข้างใคร”

ไหล่บางลู่ลง คนพวกนี้ตัวโตบึกบึน ภาพลักษณ์น่าเกรงขาม ทว่าเนื้อแท้ไม่ต่างอะไรจากเด็ก “รับปากไปแล้ว เดี๋ยวเปลี่ยนเสร็จหนูไปเปลี่ยนให้”

พี่ใหญ่อยากเอาชนะ เขาแพ้ไม่เป็น “หนึ่งแบน”

กุสุมาลย์กดยิ้มมุมปาก “ทักษะการประมูลช่างอ่อนหัดนัก พี่สิงให้หนูหนึ่งกลม”

“สองกลม”

“หนูจะไปเปลี่ยนยางให้พี่เดี๋ยวนี้เลย”

บทสนทนานั้นย่อมเป็นที่สนใจของคนอื่นๆ หลังภาคภูมิขับรถออกจากอู่เพื่อไปรับลูกๆ ที่โรงเรียน หนึ่งในสามหนุ่มโสดประจำอู่อย่างวีรากรก็เอ่ยปากถามด้วยความสงสัย

“พี่สิงให้หนึ่งกลมจริงดิ”

หญิงสาวหัวเราะร่าก่อนเดินไปยังรถคันที่พี่ใหญ่ฝากฝังให้เปลี่ยนยาง “ไม่มีใครให้อะไรหนูทั้งนั้นแหละ แต่พี่ภูมิอะ สองกลม ราตรีนี้อีกยาวไกลว่ะพี่” เธอยักคิ้วให้พี่ๆ ที่วันนี้จะได้ดื่มของฟรีจากความฉลาดของตน เรียกเสียงโห่ร้องจากชายฉกรรจ์ทั้งสี่ได้เป็นอย่างดี เห็นจะมีแค่สมหมายที่มองเด็กสาวแล้วถอนลมหายใจทิ้งอย่างนึกระอา หากไม่รู้จักมาก่อนเขาไม่อยากจะเชื่อว่าเด็กคนนี้เป็นลูกสาวผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำจังหวัด สภาพเหมือนเก็บมาเลี้ยงจากข้างถนนก็ไม่ปาน

“ไอ้ก้าน มึงนี่มันใช้ได้จริงๆ น้องรักเบอร์หนึ่งของพี่บิ๊ก” หนุ่มโสดนามว่าบวรรัชที่เพิ่งซ่อมรถเสร็จจึงเดินมาหาน้องสาวคนเก่งพร้อมแกล้งยื่นมือไปหยิกแก้มด้วยความมันเขี้ยว ทั้งยังทำเสียงอ่อนเสียงหวานประหนึ่งรักและเอ็นดูเธอราวน้องในไส้ “เอายำเล็บมือนางไหมจ๊ะ เดี๋ยวพี่สั่งให้ ตอบแทนที่น้องรักหาเหล้าฟรีให้กิน”

บวรรัชช่างรู้จักหลอกล่อ ยำเล็บมือนางนั่นถือว่าของโปรดเธอเลย

“ยำวุ้นเส้นด้วยพี่” ได้คืบ จะไม่เอาศอกก็น่าเสียดาย “มีใครจะสั่งไก่ทอดปะ หนูอยากกิน”

เธอหาเหล้าฟรี พี่ๆ ก็ต้องหากับแกล้มถึงจะเสมอภาค

คีรวันได้ทีพูดบ้างหลังเป็นผู้ฟังอยู่นาน “เดี๋ยวพี่สั่งเอง อยากกินเหมือนกัน”

“พี่ขุน แต่ไม่เอาร้านวันนั้นนะ เค็มเกิน กินแล้วเหมือนไตจะวาย หนูยิ่งโดนป๊าบ่นเรื่องการกินอยู่”

“พ่อมึงบ่นเรื่องกินเค็มแต่ไม่บ่นเรื่องเหล้าเรอะ หมอแบบใด”

“บ่น แต่ไม่ฟัง” คนฟังได้แต่ส่ายหน้าระอา ทว่ากุสุมาลย์ไม่ยักจะใส่ใจ หันไปถามเพื่อนซี้หนุ่มโสดอีกสองคนที่ยังไม่ได้ออกความเห็น “พี่วีกับพี่แชมป์อะ”

วีรากรเอ่ยก่อน “ก้านอยากกินอะไร เดี๋ยวพี่ซื้อให้”

ดูเหมือนว่าวีรากรจะเป็นคนเดียวในอู่ที่เอ็นดูเธอเหมือนน้องและไม่เคยใช้มึงกูกับสาวเจ้าเลยสักครั้งตั้งแต่รู้จักกันมา ต่างกับคนอื่นที่น้อมรับคำสอนพ่อขุนราม ไม่มึงกูสักวันคงขาดใจตาย ทว่ากุสุมาลย์ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร เพราะรู้ดีว่าพี่ๆ ให้ความรักกับเธอเหมือนน้องคนหนึ่ง แค่เตะก้นบ้าง ตบหัวในบางครั้ง ด่าโคตรพ่อโคตรแม่พอเป็นพิธี ก็ถือว่าทำเพราะรักทั้งนั้น

“คิดหนักเลยอะพี่ อยากเยอะเกิน”

“ให้แม่มึงซื้อให้ดีไหม”

ยังไม่ทันไรเตชิตก็อวยพรกันเสียแล้ว “แต่ถ้าม้ามาจริงวงแตกนะ” นั่นไม่เกินจริง มารดาของเธอเมื่อถึงคราวทนพฤติกรรมที่แสนน่ารักของลูกสาวคนรองไม่ได้ก็ปรี่มาถึงอู่ เทศนาจนไม่มีใครกล้าแตะอะไรสักอย่าง ปล่อยให้กับแกล้มเป็นหมันไปต่อหน้าต่อตาแล้วพากันแยกย้ายกลับบ้าน ถึงกระนั้นก็ไม่เคยเข็ดหลาบ ทุกวันนี้จึงไม่ตามแล้ว มีแต่ส่งตัวแทนมาเก็บศพยามเธอเมาหนักจนกลับบ้านไม่ได้

เจอหน้ากันทีๆ ก็อดแสดงความรักไม่ได้ ล่าสุดเตรียมตัว ‘เขี่ย’ ใครบางคนออกจากกองมรดกเพื่อลดตัวหาร ใครกันนะ ไม่ใช่เธอแน่ๆ แม่ออกจะรักมากปานนั้น

“จะกินจะดื่มกันข้าไม่ว่า แต่อย่าเมาแล้วเรื้อนอยู่หน้าอู่แล้วกัน”

“เคยเรื้อนตอนไหนเฮีย”

“กล้าพูดนะไอ้แชมป์ สภาพเอ็งไม่เคยต่างจากหมาเลยสักวัน”

คุยกันไป ด่ากันไป ดีจริงๆ ที่มือไม่ว่าง ไม่อย่างนั้นคงลงหมัดกันบ้างแล้ว พวกพี่ๆ ชอบพูดว่า ‘พวกเราอยู่กันแบบพี่น้อง’ พี่น้องที่อีกนิดจะต่อยกัน

หลังซ่อมรถเสร็จก็ตั้งวงอย่างไม่รอช้า เหล้ามาพร้อมคุณพ่อลูกสองที่เสียรู้กุสุมาลย์เข้าเต็มเปา เขามองไปยังรุ่นน้องแล้วมุ่นคิ้วใส่ “ไม่ไปล้างหน้าก่อนล่ะ”

“ล้างทำไม ค่อยอาบทีเดียวพรุ่งนี้” กว่าจะดื่มเสร็จก็เมาได้ที่ เมาแล้วไม่มีอารมณ์อาบน้ำ สติก็ไม่มีเหลือ สุดท้ายจึงต้องไปอาบตอนเช้าแทน นี่ถือเป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่คุณนายขวัญเรือนรับไม่ได้อย่างแรง ด่าเปิงมาแล้ว แต่มันช่วยไม่ได้

ภาคภูมิแค่นหัวเราะ “เหมือนไปตกถังน้ำมันเครื่องมา”

ได้ยินเช่นนั้นเธอก็เริ่มสงสัย ลุกขึ้นเดินไปส่องกระจกจนได้รู้ว่าหน้าขาวๆ ของตัวเองมีรอยเปื้อนไปทั้งสองแก้ม สภาพค่อนข้างมอมแมมกว่าทุกวัน นัยน์ตาหวานมีความกรุ่นปะทุขึ้นก่อนตวัดไปมองบวรรัช ต้องเป็นเขาแน่ๆ ที่แกล้งมาจับแก้มเธอในตอนที่มือเลอะคราบน้ำมัน

“พี่บิ๊ก” เพียงแค่เธอเรียกชื่อ อีกฝ่ายก็พ่นหัวเราะออกมาจนท้องคัดท้องแข็ง ตอบคำถามได้อย่างดีว่าที่เธอคิดนั้นเป็นเรื่องจริง ร่างบางเดินกลับไปกระแทกตัวนั่งลงที่ประจำแทนที่จะไปล้าง “อย่าให้ถึงตาหนู”

“มันห้าวได้ใจจริงๆ”

“ไอ้สิง” ภาคภูมิเอ่ยเรียกหลังไม่เห็นสิ่งที่ควรเห็น หนุ่มรุ่นน้องก็ขานรับในทันที “ไหนกลมหนึ่งของมึงอะ”

ประโยคนั้นก่อเกิดหลายอารมณ์ในวงเหล้า สัทธาภัคที่งุนงงเมื่อถูกทวงในสิ่งที่ตนไม่เคยเอ่ยปากบอก เตชิต บวรรัช คีรวันและวีรากร ลุ้นตัวโก่งว่าคนเก่งจะโดนเล่นงานอย่างไรบ้าง ด้านคนเก่งพยายามนั่งตัวลีบให้ได้มากที่สุด

“กลมอะไรวะพี่”

พี่ใหญ่เริ่มได้กลิ่นตุๆ “มึงไม่ได้จะซื้อเหล้ามาให้ไอ้ก้านหรอกเหรอ”

“หา ผมจะซื้อให้มันทำไม บ้านมันรวยกว่าผมอีก จริงๆ รวยกว่าพวกเราทุกคนด้วยซ้ำ กินก็เยอะ มันนั่นแหละควรซื้อมากกว่าใคร”

“กูต้องซื้อสองเพราะมันบอกว่ามึงจะซื้อให้หนึ่ง”

ภาคภูมินึกโมโหตัวเองที่เป็นคนชอบเอาชนะ ถึงได้เสียรู้คนเช่นกุสุมาลย์ที่ได้ชื่อว่าอ่านง่ายกว่าสิ่งใด แต่ง่ายถึงเพียงนั้นเขาก็ยังโดนมันต้มจนเปื่อยได้อยู่ดี น่าเจ็บใจนัก

“แหะๆ” มือบางยกขึ้นมาเกาท้ายทอย ยกยิ้มแหยส่งไปให้พี่ใหญ่ที่มองมาอย่างคาดโทษ “ถือว่าเลี้ยงน้องเลี้ยงนุ่ง”

“น้องแบบนี้กูไม่เอา”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel