ไม่เข้าตาที่หนึ่ง : บริการส่งมอบความรัก (2)
กุสุมาลย์เป็นคนขี้เกียจ
สิ่งเดียวที่ทำอย่างไม่มีอิดออดคือซ่อมรถ แต่ไม่ค่อยโผล่หัวออกจากอู่ ไม่ชอบออกนอกสถานที่ ดังนั้นแล้วเรื่องอื่นที่นอกเหนือการซ่อมรถอยู่ในอู่สมหมายการช่างล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เธอไม่ปรารถนาจะทำ
แน่นอนว่ามีบางเรื่องเป็นข้อยกเว้น...ไม่ทำคงมิวายโดนยายป้าทารุณกรรม
หน้าจอสมาร์ตโฟนเครื่องบางปรากฏข้อความจากน้องชาย คุยกันมาระยะหนึ่งก็จับใจความได้ว่าแต่เดิมตั้งใจจะเลี้ยงไอศกรีมเพราะอากาศร้อน แต่เกรงว่าจะน้อยเกินไปแล้วเด็กๆ ไม่อิ่ม เลยเพิ่มของว่างจำพวกเบเกอรีต่างๆ อีกทั้งยังมีแซนด์วิชที่ไปเจอมาจากร้านชำแถวโรงพัก เลยติดต่อไปตามเบอร์โทรศัพท์ที่ไปขอจากทางเจ้าของร้าน สั่งไปเป็นร้อยๆ ชิ้น น้องชายเธอช่างใจป้ำเสียจริง แม้จะรู้มาว่าคุณนายขวัญเรือนช่วยออกก็ตาม
‘แล้วจะให้เจ๊ไปรับที่ไหน กี่โมง’
‘เอาเบอร์เขาไปได้ไหม ไปโทร. ถามเอง’
‘อยู่กับนาย ไม่สะดวกคุย’
เสียงภาคภูมิดังขึ้น “ก้านไปหยิบน้ำมันเครื่องมาให้พี่หน่อย เชลล์นะ”
“กี่”
“สี่ลิตรอะ เอามา” กุสุมาลย์วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมแล้วผละตัวไปทำธุระให้พี่ใหญ่ ไม่วายโดนจับผิดเพราะมัวแต่จับมือถือ “คุยกับใครนักหนา อกหักไปแล้วไม่ใช่”
“หมวดใบ พรุ่งนี้วันเกิด น้องมันเลยจะไปเลี้ยงขนมเด็กๆ ที่โรงเรียน แต่ไม่ว่างเลยให้หนูไปรับของแทนน่ะ”
“เอามาเลี้ยงเด็กๆ ที่อู่บ้าง” เขาว่าขำๆ
“เด็กโรงเรียนนี้กินเป็นเหรอพวกแซนด์วิชหรือโดนัทอะไรนั่นอะ เห็นกินแต่น้ำเพื่อสุขภาพ”
“เออ ไม่ต้องมาหรอก มาทีนึกว่าตำรวจลง เสียวสันหลังเปล่าๆ”
เธอไหวไหล่ก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะอีกครั้ง เห็นว่าน้องชายส่งเบอร์ติดต่อของแม่ค้าแซนด์วิชให้แล้ว เธอจึงไม่รอช้าที่จะโทร. ไปเพื่อนัดแนะเวลาและสถานที่ ด้วยตอนนี้เป็นเวลาเกือบสี่โมงเย็นแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะให้เธอไปรับเลยก็ได้ รีบไปรีบกลับ นำแซนด์วิชไปไว้ที่บ้านแล้วแอบกลับมาที่อู่โดยอ้างว่ายังเก็บงานไม่เสร็จ จากนั้นค่อยอยู่ก๊งเหล้ากับพี่ๆ
(สวัสดีค่ะ)
เสียงหวานดังออกมาให้ได้ยิน เธอจึงละความสนใจจากแผนการของตัวเองมาที่คู่สนทนา “สวัสดีค่ะ นั่นใช่คุณอัสมาไหมคะ”
(ใช่ค่ะ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรหรือเปล่าคะ)
“ก้านนะคะ โทร. มาเรื่องที่จะไปรับแซนด์วิชของน้องชาย หมวดใบน่ะค่ะ”
(อ้อ ออเดอร์ของผู้หมวดนั่นเอง จริงๆ ในส่วนของผู้หมวดเสร็จแล้วนะคะ แต่เห็นคุณเขาบอกว่าจะซื้อไปเลี้ยงวันเกิด เป็นโรงเรียนเก่าของอัสเหมือนกันเลยอยากขออนุญาตคุณก้านฝากในส่วนของตัวเองไปให้น้องๆ ด้วยได้ไหมคะ)
กุสุมาลย์หยุดคิดไปครู่สั้นๆ “เอ่อ เพิ่มเงินไหมคะ ก้านจะได้โทร. บอกม้าให้จ่ายเพิ่ม”
(ไม่ค่ะ อันนี้อัสออกเองเลย)
“ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีค่ะ แล้วจะให้ก้านเข้าไปกี่โมงคะ”
(อีกสักแป๊บก็เข้ามาได้แล้วค่ะ ใกล้เสร็จแล้ว ถ้าอย่างนั้นอัสขออนุญาตแอดไลน์กับเบอร์คุณก้านไว้นะคะ จะส่งโลเคชันให้ค่ะ)
“ได้เลยค่ะ งั้นเดี๋ยวอีกพักก้านจะรีบไปนะคะ”
หลังวางสายไม่นานก็ได้รับโลเคชันจากทางด้านแม่ค้า เธอวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะกลับไปซ่อมรถต่อ ภาคภูมิปลีกตัวไปรับลูกที่โรงเรียน ให้หลังไม่นานกุสุมาลย์ก็ขอตัวบ้าง
“จะไปรับลูกเหมือนกันเรอะไอ้ก้าน” บวรรัชเอ่ยขึ้น
กุสุมาลย์อยากเอ่ยคำสั้นๆ คำนั้นเหลือเกิน คำที่หากพูดไปแล้วเธอน่าจะโดนเล่นงานแบบทันด่วน ทว่าก็ยังรู้สึกเกรงใจหนุ่มโสดที่อายุเข้าสู่เลขสาม เพราะอย่างไรแล้วอีกฝ่ายก็ถือว่าอายุมากกว่า เป็นเหมือนพี่คนหนึ่ง การจะไปด่าเขาว่า สาระแน หรือ เสือก อะไรทำนองนั้นไม่ค่อยเหมาะสมนัก จึงไม่ได้ตอบคำถามแล้วพาไอ้เทายักษ์ทะยานไปยังหมู่บ้านคนรวย หลังเห็นที่หมายยังเผลออุทานออกมาว่า “ป๊าด แม่ค้าแซนด์วิชรวยแท้”
ที่ตั้งของสมหมายการช่างอยู่ใกล้ๆ กับห้างสรรพสินค้าหลักๆ ของตัวเมืองนครนายก โรงพักก็ห่างจากอู่ไม่มาก รวมถึงโรงพยาบาลที่บิดาและพี่สาวทำงานอยู่ ไปมาหาสู่กันได้โดยง่าย ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ถึง บ้านเธอก็อยู่ในตัวเมือง รวมถึงหมู่บ้านที่กำลังมุ่งหน้าไปนี้ก็เช่นกัน เหตุนั้นแล้วจึงใช้เวลาไม่มากก็มาถึงที่หมาย พาเจ้ายักษ์ไปจอดไว้ที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง มองดูเลขที่หน้าจอสลับกับป้ายหน้าบ้าน เมื่อเห็นว่าตรงกันทุกตัวอักษรจึงลงไปอย่างไม่รอช้า ใกล้ได้เวลาเลิกงานแล้ว วันนี้ได้ยินแว่วๆ ว่าวีรากรสั่งยำแหนมมาเป็นกับแกล้ม
เปรี้ยวปากอยากรีบไปตั้งวง
กดกริ่งอยู่ครั้งสองครั้งประตูก็ถูกเปิดออกโดยผู้ชายคนหนึ่ง เขาเอ่ยสั้นๆ ว่า “รอสักครู่นะครับ” ก่อนประตูจะถูกปิดลงอีกครั้ง
ให้หลังไม่กี่วินาทีประตูก็ถูกเปิดออกโดยผู้หญิงตัวเล็กในชุดคลุมท้อง “สวัสดีค่ะ คุณก้านหรือเปล่าค่ะ”
ช่างยนต์พยักหน้ารับ “ก้านเองค่ะ คุณอัสนะคะ?”
“ใช่ค่ะ” หล่อนระบายยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ขาเสลาก้าวมาเปิดประตูรั้วให้ “เชิญเข้ามาก่อนนะคะ พอดีว่ายังไม่เสร็จเลยค่ะ แหะๆ ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ก้านรีบมาเองแหละ ว่าแต่อีกเยอะไหมคะ”
มือบางยกขึ้นมาเกาท้ายทอย “ประมาณหนึ่งค่ะ พอดีออเดอร์เพิ่งมาเมื่อคืน ตื่นเช้ามาอัสก็รีบทำหูตาตั้งเลย ไหนยังทำเพิ่มในส่วนของตัวเองอีก ขอโทษที่ให้รอนะคะ”
มันจริงที่กุสุมาลย์ไม่อยากรอ แต่เจอคนน่ารักเช่นนี้ขอโทษขอโพยใครจะไปใจแข็งได้กัน เธอไม่ได้ชอบผู้หญิงก็จริง แต่คนน่ารักก็คือคนน่ารักวันยังค่ำ
“ไม่เป็นไรค่ะ หมวดใบน่าจะงานเร่งเอง ลำบากคุณอัสแย่เลย”
“ไม่เลยค่ะ”
ถึงกระนั้นก็เถอะ เธอมีนัดกับเหล่าช่างยนต์เหมือนกัน ใบหน้าจึงประกายความเข้าใจหนึ่งส่วน และที่เหลือเป็นความวิตก เล่นเอาแม่ค้าแซนด์วิชประหม่าไปพอสมควร ดีที่ปราชญาธิปเห็นว่าภรรยาออกไปนานแล้วยังไม่เข้ามาจึงตามมาสมทบ
“คุณโปรดคะ หรือว่าเราจะไปส่งให้คุณก้านกันเอง หนูเกรงใจถ้าต้องให้ลูกค้ารอ”
ชายหนุ่มโคลงศีรษะให้แขกเล็กน้อย ก่อนสายตาคมจะหันไปมองภรรยา “เดี๋ยวไอ้เฉื่อยก็เอาเค้กเข้ามาให้ ค่อยให้มันเอาไปส่งก็ได้ จะได้ไม่ต้องรอ”
“จริงด้วย งั้นไว้ให้คุณเฉื่อยแวะไปส่งให้ก็ได้นี่นา” อัสมาคุยกับสามีจบก็หันมาทางหญิงสาวในชุดช่างยนต์ “คุณก้านสะดวกให้ไปส่งที่ไหนคะ เดี๋ยวมีคนเอาไปส่งให้ถึงที่เลยค่ะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามารอกันอยู่ อัสเกรงใจน่ะ คิดว่าจะเสร็จไวกว่านี้เลยรีบนัดมา”
กุสุมาลย์เห็นว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่สุดจึงไม่คิดแย้ง ทางนี้มีแต่ได้กับได้ เธอได้กลับไปจับกลุ่มกับพี่ๆ แถมยังไม่ได้ผิดคำสั่งของมารดาอีกด้วย
“สมหมายการช่างค่ะ อยู่หน้าโลตัส”
“โอเคค่ะ ไว้จะรีบไปส่งให้นะคะ”
ลากันเสร็จสรรพเธอก็ขอตัวกลับ ทว่าก้าวขอออกไปได้แค่สองสามก้าวก็นึกอะไรขึ้นได้ จึงหมุนตัวกลับไปทางเดิม แต่โดนโจมตีด้วยสีหน้าคล้ายดุคล้ายไม่ดุของฝ่ายชาย พร้อมประโยคคำถาม “มีปัญหาตรงไหนหรือเปล่าครับ”
หากขอเปลี่ยนที่ส่ง เธอจะโดนเขาต่อยไหมหนอ
“เปล่าค่ะ”
กุสุมาลย์กลับเข้าไปในรถพร้อมด่าตัวเองหนึ่งยก ทำไมเมื่อครู่ถึงคิดไม่ได้ว่าควรให้ไปส่งที่บ้าน ไปที่อู่เธอก็ต้องกลับบ้านอยู่ดี หากเย็นย่ำจนเกินไปแล้วจะหนีออกมาได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ อ้างว่าเก็บงานยังไม่เสร็จก็ไม่น่าเชื่อถือเสียแล้ว ดังนั้นจึงตัดไฟแต่ต้นลม ค่อยกลับบ้านหลังประชุมวาระสำคัญกับพรรคพวกเสร็จทีเดียวจะเป็นการดีกว่า
เค้กมะพร้าวสตรอเบอร์รีเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้จัดการรุ่งรัดชาต้องแวะที่บ้านเจ้านายแทนที่จะตรงกลับบ้านพักของตน ร้านเค้กประจำของอัสมาอยู่ระหว่างทางกลับบ้านของเขา ปกติเจ้านายจะไปซื้อมาให้เมียเอง แต่วันนี้จำต้องใช้เขาด้วยเจ้านายไม่ว่างไป ติดธุระสำคัญอย่างการช่วยเมียรักทำแซนด์วิช
ยอมรับว่าภาพของปราชญาธิปหลังแต่งงานนั้นเป็นภาพที่เขาไม่เคยจินตนาการมาก่อน เขาเคยเห็นอีกฝ่ายในโหมดเลือดเย็นจนชินตา มาเป็นแบบนี้ได้เพราะอัสมาทั้งนั้น เดี๋ยวนี้มีช่วยเมียทำของขาย สวมวิญญาณเป็นพ่อค้าเสียแล้ว
นึกแล้วก็อดยิ้มไม่ได้
เมื่อมาถึงก็เจอเข้ากับจีรกิตติ์ที่กลับบ้านมาพอดี เขาเอ่ยทักรุ่นน้องพ่อลูกสามอย่างสนิทสนม
“เพิ่งเลิกงานเหรอ”
จีรกิตติ์ยกมือไหว้พี่ใหญ่ในกลุ่ม “สวัสดีครับเฮีย ออกจากเต็นท์ได้สักพักแล้วแหละ แต่แวะตลาดไปซื้อข้าวมันไก่ให้ผักกาดมา น้องบ่นอยากกิน”
ชยางกูรได้แต่คิดว่าใครๆ ที่มีเมียก็ล้วนเป็นเหมือนกันหมด ก้าวเท้าลงจากหลังเสือพร้อมถอดเขี้ยวถอดเล็บเก็บเข้ากรุ ปฏิบัติตัวเป็นพ่อบ้านอย่างขยันขันแข็ง ประโยคที่ว่าเมียเป็นช้างเท้าหลังเห็นทีจะจริง แต่มาจากการที่เมียสั่งให้ผัวเดินบุกป่าฝ่าดงไปก่อนแล้วตนจึงเดินตามในทางที่สบายกว่า ด้านผัวแต่ละคนๆ ก็ไม่เกี่ยง เมียใช้ให้ทำอะไรไม่คิดขัด เมียอยากได้อะไรรีบหามาประเคน
“แล้วเฮียมาหานายเหรอ”
พี่ใหญ่พลิกข้อมือดูหน้าปัดนาฬิกา ห้าโมงห้าสิบ ก่อนเงยหน้ามองคู่สนทนา “เวลานี้ที่จริงกูก็ควรได้กลับไปพักผ่อนแล้วแหละ ถ้าไม่ติดว่าพ่อมึงให้ซื้อเค้กมาฝากแม่น่ะ เห็นว่าวันนี้ไม่ค่อยว่าง ช่วยเมียทำแซนด์วิช”
“ผักกาดเล่าให้ฟังอยู่ เมื่อคืนมีคนโทร. มาสั่งเป็นร้อยชิ้น วันนี้น้องเลยไปช่วยทำ”
“พวกสั่งเยอะๆ นี่บางทีก็เสี่ยงจะเป็นพวกก่อกวน”
หนุ่มรุ่นน้องส่ายหน้าพรืด “จ่ายมัดจำแล้ว”
คนฟังไหวไหล่ “ไปหานายก่อน จะได้รีบกลับ”
“ทำไมรีบ กกสาวไว้เหรอ”
“กกไอ้อาร์มไว้” พูดจบก็เดินเลี่ยงเข้าบ้านเจ้านาย ได้ยินเสียงจีรกิตติ์หัวเราะดังไล่หลัง
อย่างเขาน่ะหรือจะพาสาวไปกก น้องๆ ทุกคนก็รู้โดยทั่วกันว่าเขามีสาวในดวงใจแล้ว ไม่คิดชายตาแลมนุษย์เพศหญิงคนไหนนอกจากเธอ บ้านทั้งหลังไม่เคยมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงย่างกรายเข้ามาแม้แต่คนเดียว แต่ไหนแต่ไรก็มีแค่เขากับอรัณย์มาตลอด เป็นสองหนุ่มโสดที่กอดคอกันไม่ยอมหนีไปมีเมียสักที คนหนึ่งมีได้แค่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ อีกคนมีคนที่ถูกใจแต่ไม่กล้าเดินเกมรุก อยู่กันก็ตั้งไกล ไม่รู้ปล่อยไว้เช่นนี้จะมีใครคาบไปก่อนหรือเปล่า
“สวัสดีครับนาย สวัสดีครับคุณอัส” ว่าพลางยื่นกล่องเค้กให้ปราชญาธิปที่ยื่นมือมารับอย่างไม่อิดออด “ขนส่งอย่างดีไม่มีหน้าเละ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ”
“เดี๋ยว” เมื่อถูกเจ้านายรั้งไว้ เขาจึงไปจากที่นี่ไม่ได้ “เอาแซนด์วิชไปส่งให้ที สมหมายการช่าง อยู่แถวๆ หน้าโลตัส”
อัสมาระบายยิ้มให้ลูกน้องของสามี “รบกวนหน่อยนะคะคุณเฉื่อย แต่ไปถึงอู่ก็เจอเลยค่ะ เขาบอกว่ารออยู่แถวๆ ข้างหน้าอู่นั่นแหละ แต่เดี๋ยวอัสให้เบอร์ติดต่อไปนะคะ”
“ไม่ได้รบกวนอะไรครับ ถ้าอย่างนั้นมีแค่ส่งของแค่นี้ใช่ไหมครับ” พูดกับแม่ในประโยคแรก ก่อนหันมาพูดกับพ่อที่แค่พยักหน้าให้เขาเท่านั้น
แซนด์วิชถูกบรรจุไว้ในกล่องอย่างดี ขนย้ายง่ายๆ เดินสองสามรอบสินค้าทั้งหมดก็เข้าไปอยู่ในรถเรียบร้อยแล้ว หลังได้เบอร์ติดต่อก็ออกจากบ้านเจ้านายอย่างไม่อิดออด เหนื่อยมาทั้งวัน อยากจะกลับไปพักผ่อนให้หายล้า
เขาไม่รู้ที่ตั้งที่แน่ชัดของสมหมายการช่าง ทว่าพิกัดกว้างๆ อย่างหน้าห้างสรรพสินค้าก็พอช่วยได้ในระดับหนึ่ง ชยางกูรแม้ไม่ใช่คนนครนายกแต่กำเนิด ทว่าหลายปีมานี้ก็คลุกคลีอยู่ที่นี่บ่อยครั้งจนคุ้นชินกับพื้นที่พอสมควร เมื่อมาถึงสามแยกศิลาทอง ตรงไปอีกนิดเป็นห้างสรรพสินค้าที่ว่า แต่ป้ายสีเหลืองขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านขวามือเรียกความสนใจไปจนหมด แทนที่จะตรงไป เขากลับเลี้ยวตรงแยกนั้นในทันที
สมหมายการช่างตั้งอยู่ติดริมถนน ด้านหลังเป็นห้างสรรพสินค้า ก็คงต้องเป็นที่นี่อย่างแน่นอน
ชยางกูรตบไฟเลี้ยวทางซ้ายเมื่อมาถึงปากทางเข้าอู่ สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ บริเวณ เห็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งนั่งจับกลุ่มที่โต๊ะหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ทางซ้ายมือของอู่ เหมือนจะมีการสังสรรค์กันในบรรดาช่าง ดูจากชุดที่ทุกคนสวมใส่แล้วเขาก็สามารถอนุมานได้ทันที
มีผู้หญิงด้วยแฮะ...
เขาอดจะพินิจมองเจ้าของผมยาวสลวยที่นั่งหันหลังให้ตนไม่ได้ เพราะมันดันทำให้นึกถึงใครบางคนที่โผล่เข้ามาในชีวิตแล้วก็จากไปในเวลาสั้นๆ ใครบางคนที่ไม่อยากจะเสียพื้นที่ในสมองเพื่อจดจำ แล้วได้แต่ปลอบตัวเองว่าโลกอาจจะไม่กลมถึงเพียงนั้น ชยางกูรสั่นหัวน้อยๆ ก่อนดับเครื่องแล้วตวัดขายาวลงจากรถ
เสียงร้องโหยหวนของพวกขี้เมาทะลุเข้าโสตประสาทในทันที
อารมณ์ในรสของแอลกอฮอล์ โกวเล้งยังเมาไม่พอแม้มรณาเพราะเหล้าหยิบยื่น
ท่านสุนทรภู่ชิตบูรทัตหยัดยืน ยาขอบและคนอื่นๆ ล้วนเป็นตัวยื่นเสน่ห์เมรัย
ทว่า ‘สหายสุรา’ กลับชะงักไปเสียดื้อๆ เมื่อบวรรัชพูดขึ้น “ไอ้หน้าหล่อนั่นธุระใครวะ”
วงเหล้าพร้อมใจหันกันให้พรึบ ธุระใครเป็นประเด็นรอง ไอ้หน้าหล่อเป็นประเด็นหลัก
“ฮะ ผมหล่อกว่า” เตชิตว่า
บวรรัชมองหนุ่มรุ่นน้อง ง้างมือขึ้นตั้งท่าจะเขกกะโหลกสักที “ช่างกล้านะมึง เดี๋ยวกูก็ปลุกให้ตื่นจากฝันซะหรอกไอ้หน้าข้อศอกหมา”
ในขณะที่วงเหล้ายังคงสงสัยในการมาของแขกไม่ได้รับเชิญ ‘ไอ้หน้าหล่อ’ ก็ก้าวเท้าเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ โต๊ะหินอ่อน พร้อมกับลมหายใจของกุสุมาลย์ที่ชะงักลงไปเสียดื้อๆ
“มาหาสมหมายเปล่า สมหมายอะ”
“หมาย มีคนมาหาว่ะ”
“เออๆ ไอ้หมาย”
ขี้เมาเริ่มปีนเกลียว ด้วยเหตุนี้กระมังถึงมีข่าวว่าแทงกันตายคาวงเหล้ามานักต่อนัก เพราะพอเหล้าเข้าปาก หมาก็เริ่มทำงาน พูดจาไม่ค่อยจะเข้าหูสักเท่าไร ดีแค่ไหนที่ ‘สมหมาย’ ไม่ได้อยู่ตรงนี้ ไม่เช่นนั้นได้โดนไล่ออกกันให้ควั่ก
ชยางกูรแม้ไม่รู้จักสมหมาย แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เดาได้ยากเกินความสามารถ ทั้งป้ายอันเบ้อเริ่ม ทั้งชื่อที่เหมือนคนรุ่นพ่อ พวกนี้มันเล่นเจ้านายตัวเองเข้าแล้ว แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เขาให้ความสนใจนัก เพราะมีบางอย่างดึงความสนใจไปเกือบทั้งหมด บางอย่างที่จ้องมองมายังเขาไม่วางตา
ใช่แม่นั่นจริงๆ ด้วย
“พวกพี่” กุสุมาลย์กล่าวขึ้นเสียงหลง วงเหล้าต่างครางรับในลำคอ ก่อนประโยคบ้าบอจะถูกเปล่งออกจากริมฝีปากบาง “มีความรักมาส่งให้หนูถึงที่เลยอะ”