4
เที่ยงครึ่งแล้ว...ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองก่อนจะจ้องมองไปยังโทรศัพท์ที่ถืออยู่ เมื่อคิดว่าป่านนี้ก็น่าจะตื่นแล้วเลยตั้งใจจะกดโทร.ออก แต่ก็ต้องชะงักเมื่อคิดว่ามันจะเป็นการเผยไต๋มากเกินจำเป็น เธอเป็นฝ่ายเข้าหาเขา เพราะฉะนั้นเธอก็ควรเป็นคนโทรมาก่อน สุดท้ายสายนั้นก็เป็นหมัน ร่างสูงเก็บมือถือไว้ในกระเป๋าก่อนจะเดินไปรวมกับกลุ่มเพื่อนรุ่นพี่ทั้งสามที่นั่งพักผ่อนระหว่างพัก
“มึงไม่รู้จริงเหรอ” พอมาถึงก็ได้ยินดิฐากรเอ่ยถามอะไรบางอย่างกับอรัณย์
“กูก็รู้พร้อม ๆ มึงแค่นี่แหละ ปกติเห็นลงอ่างอย่างเดียว ใครจะไปรู้ว่าเลี้ยงอีหนูไว้ด้วย”
“รอดพ้นสายตาพวกเราไปได้ไง”
“เรื่องของนายก็อย่าไปอะไรมาก เดี๋ยวพายุลงหัวนะมึง” ชยางกูรเตือนรุ่นน้อง แม้ว่าเขาเองก็จะสงสัยมากก็ตาม แต่แค่แอบมองเมื่อเช้ายังแทบจะโดนกินเลือดกินเนื้อทางสายตา จึงคิดได้ว่าเรื่องส่วนตัวของนายไม่ใช่เรื่องที่ลูกน้องอย่างเขาต้องรู้ “คุยธุระเสร็จแล้วเหรอ ไม่เห็นจะยกหูคุย”
“จับผิดผม?”
“อย่าเยอะ กูแค่หันไปเห็นพอดี สำคัญขนาดนั้นเลยดิมึง”
จีรกิตติ์ไหวไหล่ “ไม่ได้คุย ดูรีบเกิน”
“กับน้องผักกาด” ดิฐากรเอ่ยแทรกขึ้น คนโดนถามจึงพยักหน้าตอบ “ไม่ได้นะครับคุณจัด คุณจะมาฟอร์มจัดให้ได้อะไร พลาดตั้งแต่เมื่อคืนที่ไปส่งเฉย ๆ แล้ว วันนี้ยังไม่คิดจะทำคะแนน ยกให้กูแทนไหม”
“ไม่”
“น่ะ หวงไข่ซะด้วย” ว่าพร้อมยกยิ้มให้ “ก็จีบไปให้จบ ๆ จะได้มีเมีย มึงจะให้นายมีคนเดียวไม่ได้ เห็นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แล้วกูช็อกมาก”
“หรือที่นายโมโหไอ้จัดเป็นเพราะคิดว่ามันจะมีเมียก่อนวะ เมื่อเช้าไง ได้ยินแว่ว ๆ ว่าเกินหน้าเกินตา อยากเปิดตัวคนแรกมั้ง” อรัณย์ตั้งข้อสันนิษฐาน
“ที่กูพูดนี่ไม่เข้าหูพวกมึงเลยสินะ โดนนายเล่นขึ้นมากูจะอาสาขำให้เอง”
ให้หลังไม่กี่นาทีเจ้านายก็เดินออกมาพร้อมกับคู่ค้าทางธุรกิจรายใหญ่ในนครนายก พวกเขาจึงสงบปากสงบคำก่อนจะโดนเล่นกันยกกลุ่ม
ปราชญาธิปเลือกลงทุนที่นครนายกเพราะที่นี่จะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศ ประเทศไทยร้อนขึ้นอยู่ทุกวัน จะมีอะไรดีไปกว่าการได้เล่นน้ำที่บรรยากาศแสนร่มรื่น อีกทั้งยังใกล้กับกรุงเทพฯ มากด้วย นั่งรถมาไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงแล้ว และเจ้านายหนุ่มเองก็ชอบที่ได้ใช้เวลาพักผ่อนในสถานที่ร่มรื่นเช่นนี้ จากการชอบ จึงหวังครอบครองเป็นเจ้าของ สุดท้ายก็เลือกที่จะลงทุนโดยมีหุ้นส่วนเป็นนักธุรกิจชื่อดังในจังหวัด ซ้ำยังเป็นนักการเมืองเก่าที่แม้จะวางมือไปแล้วแต่บารมียังคงแผ่ขยายไปทั่วทุกอาณาเขต และปัจจุบันลูกชายของครอบครัวก็เข้าสู่สนามเลือกตั้ง แต่เหมือนจะเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรค แม้จะไม่ใช่ลำดับต้น ๆ แต่ก็สามารถพาตัวเองไปอยู่ในสภาฯ ได้ นอกจากบารมีพรรคด้วยแล้วเจ้าตัวเองก็ต้องลงมือลงแรงให้ได้มาซึ่งคะแนนเสียงด้วยเช่นกัน
“แล้วนี่โปรดจะกลับกรุงเทพฯ เลยหรือเปล่า” สุรนาถ อดีตนักการเมืองท้องถิ่นวัยเก๋าเอ่ยถามลูกชายเพื่อนสนิทเมื่อเดินออกมาจากห้องรับประทานอาหาร
ชายวัยเกษียณรู้สึกเสียดายไม่หยอกที่หนุ่มมาดเข้มไม่เดินทางเดียวกับที่พ่อของตนได้ปูไว้ให้อย่างดิบดี ถึงกระนั้นก็ยังใช้ชีวิตได้โดดเด่นไม่แพ้คนเป็นพ่อ ตัวเขาเอ็นดูปราชญาธิปเหมือนลูกชายแท้ ๆ ยิ่งพึงพอใจเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายเลือกที่จะร่วมลงทุนสร้างรีสอร์ทกับตน เพราะเงินทุนค่อนข้างสูง แม้ว่าเขาเองจะไม่ขัดสนเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แต่การมีคู่ค้าที่เงินหนาก็ทำให้รู้สึกถึงความมั่นคงอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
เด็กหนุ่มตรงหน้าแม้ว่าจะมีมาดที่น่าเกรงขาม ทว่าก็อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่เช่นตนเสมอ
“ยังหรอกครับ ตั้งใจว่าจะอยู่ดูงานที่นี่สักสิบวัน”
“โอ้ ขยันจริง ๆ” เขาเอ่ยชมจากใจ “แต่ถ้าอยากพักก็พักได้นะ ยังไงลุงก็อยู่ที่นี่ เข้ามาดูงานทุกวันเลย คนแก่ก็ขี้เบื่อแบบนี้ ต้องหาอะไรทำให้รู้สึกไม่ว่างบ้าง”
ปราชญาธิปยิ้มอย่างมีมารยาท “ใครว่าคุณลุงแก่ล่ะครับ ยังหนุ่มยังแน่นชัด ๆ” คำชมจากหนุ่มรุ่นลูกทำเอาคนแก่ยิ้มอย่างพึงพอใจ “ผมก็อยากมาดูงานด้วยตัวเองเหมือนกัน จะให้กินแรงคุณลุงอย่างเดียวก็ยังไงอยู่”
ชายวัยเกษียณที่มีผมสีเลาแทรกสีดำได้แต่โบกไม้โบกมือใส่ “อย่าคิดแบบนั้น ลุงทำได้ แต่ได้เรามาช่วยกันดูก็ดี มีอะไรจะได้แก้ไขทัน”
“ครับ”
“แล้วนี่ได้เจอกับไอ้ทัพยัง” ผู้เป็นพ่อเอ่ยถึงธนบดีหรือก็คือลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่อายุไล่เลี่ยกับคนตรงหน้า อ่อนเดือนกว่าไม่เท่าไรจึงคบค้าสมาคมเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ยังเล็ก พอเห็นว่าเด็กหนุ่มปฏิเสธ สุรนาถก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างไม่ปิดบัง “มันนะมัน งานหลวงไม่ขาด งานราษฎร์ไม่เสีย ไม่ต้องพักกันเลย อายุก็แค่นี้”
“ดีแล้วครับ สมัยหน้าคงได้เข้าสภาฯ อีก” นึกไปถึงเพื่อนนักการเมืองหนุ่มแล้วก็ได้แต่กลั้วหัวเราะ “คุยกันไม่กี่วันก่อนเห็นบ่นเรื่องไม่อยากมีเมีย”
“นี่แหละโปรด ลุงก็อยากให้มันหันมาสนใจตัวเองบ้าง บ้างานบ้าการ ทั้งงานของที่บ้านงานของพรรค ไม่ยอมหาเมียสักที คนแก่เขาก็เหงาเป็น พอพูดก็รีบหนีหน้า” คนวัยอย่างเขาจะต้องการอะไรมากมายหากไม่ใช่การอยู่บ้านเลี้ยงหลาน แต่พ่อลูกเทวดาก็ไม่มีวี่แววว่าจะหาเมียเป็นตัวเป็นตน พยายามจับคู่ให้ก็ยิ่งเตลิด พานจะยิ่งแย่ไปใหญ่ถ้าไปทำกิริยามารยาทไม่ดีใส่คู่ดูตัว สู้ให้อยู่เฉย ๆ แล้วโน้มน้าวให้มีเองจะเป็นการดีกว่า “ว่าแต่เราเถอะ ยังไง”
“ยังไม่อยากมีเหมือนกันครับ”
“หนุ่ม ๆ สมัยนี้เน้อ” เหมือนพูดกับลมฟ้าอากาศ ก่อนจะหันมายกยิ้มให้คู่สนทนา “แล้วพักที่ไหนล่ะ ไปพักบ้านลุงก็ได้ เดี๋ยวให้เด็กเตรียมห้องให้”
“ไม่รบกวนดีกว่าครับ ผมจองที่พักแถวนี้ไว้แล้ว”
“อ้อ งั้นเหรอ ก็ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ ลุงต้องแวะไปหาเพื่อนสักหน่อย”
“เดินทางปลอดภัยครับ” หลังจากสุรนาถเดินออกไปแล้ว ลูกน้องทั้งสี่ของปราชญาธิปก็เดินมาสมทบทันที “ว่าจะเข้าไปดูงานหน่อย สักพักค่อยกลับรีสอร์ท เริ่มอยากนอน"