3
โทรศัพท์มือถือเครื่องบางของเจ้านายหนุ่มแตะลงเบา ๆ ที่ต้นแขนของจีรกิตติ์ เขาหันไปรับมันมาถืออย่างรู้งาน “แวะให้ด้วย เดี๋ยวจะถึงแล้ว”
ภาพที่ปรากฏอยู่ในจอสี่เหลี่ยมเป็นร้านกาแฟที่ขายทั้งเครื่องดื่มและอาหารเช้า หนุ่มรุ่นน้องจึงเอ่ยบอกกับรุ่นพี่ที่ทำหน้าที่ขับรถว่าให้จอดที่ไหน ซึ่งก็จวนจะถึงอย่างที่เจ้านายว่า จบธุระจึงส่งมือถือกลับไปให้เจ้าของ จังหวะนั้นเองก็ผ่านซอยที่เขาเพิ่งขับมาส่งใครคนนั้นเมื่อคืนนี้ การห้ามสายตาให้หันไปมองดูเป็นเรื่องยากเกินกำลัง เขาทำไมไม่ได้ จึงหันมองออกไปแม้ว่าจะไม่มีทางได้เห็นแม่ผักกาดหัวเล็ก ๆ นั่น เพราะเจ้าหล่อนเป็นพวกตื่นสาย
ผ่านมาสักพักก็ถึงที่หมาย ร้านขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่มีคนจับจองที่นั่งจนไม่มีที่ว่าง
“นายจะรับอะไรครับ” เขาเอ่ยถามและตั้งท่าจะลงไปซื้อให้
ฟากปราชญาธิปยกมือมาห้ามในทันที “ไปเอง รออยู่นี่แหละ”
ไม่บ่อยนักที่ผู้เป็นนายจะลงจากรถเองโดยที่ไม่วานลูกน้อง สองคนที่ตามมาจอดด้านหลังก็อดแปลกใจไม่ได้ ต่างก็มองตามเข้าไปด้านใน ดีที่เป็นกระจกใจจึงมองเห็นทะลุปรุโปร่ง พวกเขาคิดว่าเจ้านายคงจะไปซื้อกาแฟแต่แทนที่จะตรงไปยังเคาน์เตอร์กลับไปนั่งที่โต๊ะแทน มากกว่านั้นคือโต๊ะไม่ได้ว่าง มีหญิงสาวเกล้าผมดังโงะดูยุ่ง ๆ คนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่นั่งหันหลังให้ถนนจึงไม่เห็นหน้าคร่าตาว่าเป็นเช่นไร
ปราชญาธิปเอื้อมมือไปโยกศีรษะของสาวเจ้าก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงตรงข้าม ใบหน้าที่ปกติมีแต่ความเรียบสนิท หากจะยิ้มก็เป็นยิ้มที่แสนจะเยือกเย็นบัดนี้กลับฉายแววใจดีอย่างไม่น่าเชื่อ จีรกิตติ์กับชยางกูรหันมาสบตากันอย่างสื่อความหมาย เวลาเดียวกันนั้นก็มีข้อความเด้งเข้ามาจากไลน์กลุ่ม
ดิน ;; เด็กนายหรอวะ
ขึ้นอ่านครบทั้งสามคนทว่าไม่มีใครตอบอะไรกับไป เพราะเข้าใจตรงกันว่าคำถามของเพื่อนก็มีคำตอบอยู่ในสี่พยางค์นั้นแล้ว
“ไม่เคยเห็นนายอยู่กับเด็กมาก่อนเลย” ชยางกูรพูดขึ้น “ขึ้นชื่อว่าผู้ชายดุแค่ไหนก็แพ้ผู้หญิงหมด”
ปกติปราชญาธิปจะลงอ่างมากกว่า ไม่มีมาเลี้ยงเด็กเล็กเด็กน้อยอย่างที่เขาได้เห็น เพราะฉะนั้นมันจึงเป็นภาพที่แปลกตาอยู่พอสมควร
“แล้วเฮียจะกลับวันไหน” หญิงสาวที่นั่งหัวยุ่งถามขึ้นหลังจากเพิ่งยัดครัวซองต์เข้าปาก สภาพไม่น่าดูนัก แต่คู่สนทนากลับยิ้มอย่างนึกเอ็นดู ปากก็เคี้ยวตุ้ย ๆ แล้วยังมาพูดกับเขาอีก
“ทำไม คิดถึง”
“ถ้าตอบว่าคิดถึงจะได้กี่บาท”
“สองหมื่น”
“คิดถึงค่า” ฉีกยิ้มให้อย่างพยายามที่จะจริงใจ ไม่นานก็มีแจ้งเตือนว่ามีเงินถูกโอนเข้าบัญชีจำนวนสองหมื่นบาทถ้วน เธอหัวเราะอย่างถูกอกถูกใจก่อนจะยื่นมือข้างที่ไม่มีขนมไปเกาคางของชายหนุ่มตรงหน้า “แสนรู้มากเลย พันธุ์อะไรเนี่ย”
“พันหัว ผ้าก๊อซน่ะ ระวังตัวไว้เถอะ” เหมือนจะดุแต่แค่หมั่นไส้สาวน้อยขี้เล่นเท่านั้น
ทว่าภาพนั้นทำเอาสี่หนุ่มที่ซุ่มดูอยู่ในรถได้แต่มองกันตาค้าง ถึงฉากหน้าเจ้านายของเขาจะเป็นนักธุรกิจ แต่มาดก็ใช่ว่าจะเป็นมิตร กลับกัน มันดูน่ากลัวไม่หยอก แววตาที่ดูจะขวางโลกอยู่ตลอด หนวดที่นาน ๆ ทีจะนึกครึ้มอยากโกน ท่าทียียวนกวนประสาทโดยรวม ต่อให้ไม่รู้ว่าลับหลังจะไปยุ่งเกี่ยวกับบ่อนการพนันก็ตาม แต่แค่นี้ก็พอให้น่าเกรงขามแล้ว ทว่าตอนนี้เจ้านายคนที่ว่ากลับมานั่งให้สาวเกาคางเหมือนลูกหมา
“เมื่อไรจะสร้างเสร็จ อยากไปเที่ยวแล้ว”
“อีกไม่นานแล้วครับ”
เจ้าหล่อนฉีกยิ้มกว้างกับคำตอบที่ได้รับ “อะ นี่ของเฮีย เอาไปกินระหว่างทางนะ”
“ครับ ของเฮีย ที่เฮียก็จ่ายเอง ของที่อยู่ในปากนั่นเฮียก็จ่าย” ว่าพลางจิ้มไปที่ปากเล็ก ๆ นั่นอย่างรู้สึกมันเขี้ยว “เดี๋ยวจะสาย ไปก่อนนะ ไว้กลับมาจะซื้อของมาฝากครับ”
“ค่า ไม่ออกไปส่งนะ”
เป็นอีกครั้งที่หัวยุ่ง ๆ นั่นถูกยีด้วยมือใหญ่จนสภาพดูไม่ได้มากกว่าเดิม ปราชญาธิปเดินออกมานอกร้านพร้อมกาแฟหนึ่งแก้วกับเบเกอรี่อีกสองสามชิ้น เขาเป็นคนกินง่าย ของที่ได้มาจึงสามารถกินคนเดียวจนหมด ใบหน้าที่เปื้อนยิ้มอย่างในร้านกาแฟได้หายไปแล้ว คงเหลือเพียงถุงกระดาษที่เคยมีขนมปังบรรจุอยู่ในนั้นกับแก้วกาแฟที่พอจะยืนยันได้ว่า ‘ยิ้ม’ เมื่อครู่มันเกิดขึ้นจริง
ออกจากกรุงเทพฯ ได้ไม่นานมือถือของปราชญาธิปก็ส่งเสียงร้อง เจ้าของคว้าเจ้าเครื่องมือสื่อสารออกมาถือไว้ เมื่อเห็นว่าเป็นสายของใครก็กดรับอย่างไม่อิดออด และการที่ปรายสายเป็นคนที่น่าเอ็นดูในสายตาเขา ต่อให้เป็นการพูดคุยทางโทรศัพท์ก็ไม่อาจหยุดรอยยิ้มนั้นไว้ได้
(หน้านี้มีมะยงชิดไหมอะ) เสียงเจื้อยแจ้วดังขึ้นแต่ไม่ดังพอให้อีกสองคนรับรู้ รู้เพียงแค่ว่าเป็นเสียงของผู้หญิงที่จับใจความไม่ได้ว่าพูดอะไร
“หาแต่เรื่องกิน”
(เพิ่งนึกได้ว่ามันของดีที่นั่น ถ้ามีซื้อมาฝากหนูด้วยนะ)
“ซื้อไปนี่จะจ่ายเงินเฮียไหม”
(ไม่จ่ายค่ะ)
“ชื่นใจจังเลยครับ อยากซื้อให้ทั้งสวน” เขาว่าแกมประชดแต่ดูเหมือนจะถูกอกถูกใจปลายสายเป็นอย่างมาก เจ้าตัวถึงได้หัวเราะออกมาราวกับเป็นเรื่องตลก
(หอมกลิ่นเงิน)
“หมั่นไส้ เรามีอะไรทำก็ไปทำเถอะ”
(ว่างมาก)
“ช่วยไม่ได้นะ เด็กขี้เกียจ วัน ๆ กินแล้วก็นอน อ้วนเป็นโอ่งแล้วจะขำให้”
(หนูเปล่าน้า) เธอปฏิเสธเสียงสูง (กำลังอยู่ในระหว่างเลือกทางเดินของชีวิตต่างหาก)
ปราชญาธิปยิ้มรับ “อือ ไม่ต้องรีบ เอาที่ใช่จริง ๆ แล้วค่อยเดิน เดี๋ยวเฮียช่วยทุกอย่างแหละ”
(ช่วยซื้อมะยงชิดมาให้ก่อนก็แล้วกันค่ะ)
“เหมาให้ทั้งสวนเลย”
(ไม่เกรงใจน้า ไว้เจอกันค่ะ รักนะเจ้าตุ่นปากเป็ด)
“รักเหมือนกันครับไอ้ตูดหมึก” ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้ม ๆ ก่อนจะกดวางสาย ในขณะที่พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติก็เห็นว่าคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยได้ลอบมองมาด้วยสายตาแปลก ๆ “เฉื่อย ทำไมมองแบบนั้น”
“เปล่าครับ แค่ดูว่าไอ้อาร์มอยู่ตรงไหน”
“อ้อ เหรอ”
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าพวกมันคิดอะไรกันอยู่ มันน่า!