2
“ทำไมมันถึงมาสายนะ” เสียงเข้มถามย้ำอีกครั้ง
“ติดหญิงครับ” ดิฐากรเป็นฝ่ายเอ่ยตอบเจ้านายหลังจากนาฬิกาบอกเวลาเจ็ดโมงสามนาทีแล้วแต่ยังไม่เห็นหัวของจีรกิตติ์ ซึ่งควรจะมารออยู่ที่บ้านตั้งแต่ก่อนเจ็ดโมงเช้าด้วยซ้ำ
ได้ฟังเช่นนั้นปราชญาธิปจึงดุนดันลิ้นอยู่ภายในปากอย่างสะกดอารมณ์ ฝ่ามือหนาตีไปที่หน้าขาตามจังหวะการหายใจ ท่าทีดูสบาย ๆ นั้นไม่น่าเชื่อว่าสามารถกดดันเหล่าลูกน้องทั้งสามชีวิตตรงหน้าได้อย่างมหาศาล อรัณย์กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคออย่างยากลำบาก ขนาดเขาไม่ใช่คนที่จะโดน ‘เล่น’ ยังรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
อันที่จริงดิฐากรและคนอื่น ๆ ไม่รู้เหตุผลที่แน่ชัดของการมาสาย แต่เขาตั้งใจจะหยิกหลังน้องชายพอเป็นพิธีจึงเอ่ยวาจาออกไปเช่นนั้น แต่อาจจะเพราะไม่ทันฉุกคิดถึงอารมณ์ของผู้เป็นนายที่เปรียบเสมือนพายุจับตัวกันเป็นกลุ่มย่อม ๆ หากน้องเล็กเป็นอะไรขึ้นมาเขาคงรู้สึกผิดไปจนวันตาย
“เมื่อคืนไปดื่มกันมานี่”
“ครับ”
“มันหิ้วสาวกลับห้อง”
“ไม่เชิงครับ แต่จะว่าอย่างนั้นก็ได้” เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนั้นไม่ใกล้เคียงกับคำว่าหิ้วสาวกลับห้องเลยสักนิด แต่เป็นสาวขอให้หิ้วไปด้วยต่างหาก แต่เขาคร้านจะอธิบายให้ยืดยาว อีกอย่างนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เจ้านายสนใจใคร่ฟังด้วย เลยทั้งปฏิเสธและยอมรับกลาย ๆ
ปราชญาธิปกระตุกยิ้มเย็น เหล่าลูกน้องได้แต่ยืนตัวเกร็ง “เกินหน้าเกินตามาก”
เจ็ดนาฬิกาแปดนาที...เจ้าของเรื่องที่โดนคำครหาว่า ‘ติดหญิง’ ก็ก้าวเท้าเข้ามาภายในบ้าน ชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้าคู่กับกางเกงสแล็คสีดำ ส่วนสูงกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ใบหน้าเกลี้ยงเกลาเว้นเสียแต่ตอหนวดสีเข้มๆ เริ่มจะมีให้เห็น ทว่าก็ไม่สามารถฉุดเอาคำว่าดูดีออกไปจากตัวของเขาได้
“สวัสดีครับนาย ต้องขอโทษด้วยที่ผมมาสาย เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยครับ”
“แบบนั้นไม่เรียกอุบัติเหตุนะจัด” พูดเสียงนิ่ง แต่คนฟังหรือจะไม่เข้าใจว่ามันไม่ปกติ
“ครับ?” เขาหันไปหาเพื่อนรุ่นพี่ทั้งสามคนเพื่อขอความเห็นก็พบว่าทั้งหมดเอาแต่ยืนก้มหน้ามองเท้าตัวเอง จึงหันมาสบตากับผู้เป็นนายอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ผมไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ครับ ถึงจะไม่ชอบหมาแต่ก็ไม่คิดจะทำร้าย”
คนเป็นนายขมวดคิ้ว “อะไร”
“ก็ผมขับรถชนหมา มันวิ่งตัดหน้ารถ ดีที่แค่เฉี่ยว ๆ เลยไม่เจ็บมาก เจ้าของเขาก็ไม่เอาความอะไรแค่ซื้อยูกซื้อยาให้ ไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาล” จีรกิตติ์อธิบายยาวเหยียด “ผมให้ค่าชดเชยไปตามเห็นสมควร เพราะแบบนี้เลยมาสายครับ”
“แล้วเมื่อคืน”
ถึงคราวคนเป็นลูกน้องขมวดคิ้วบ้าง “ผมไปดื่มกับพวกเฮีย ๆ มา ก่อนจะไปก็บอกนายไปแล้วนะครับ” จีรกิตต์เข้าใจที่เจ้านายจะโกรธเรื่องที่ตนมาสาย แต่ไม่เข้าใจท่าทีที่ถามถึงเรื่องเมื่อคืน ไม่เห็นว่ามีประโยชน์ให้ถามถึงสักนิด
“อ้อ ก็นึกว่าได้เมียแล้วเสียงาน” ชายหนุ่มผู้ทรงอำนาจในวัยเพียงสามสิบสี่กล่าวด้วยทีเล่นทีจริง
ได้ยินเจ้านายพูดเช่นนั้นจีรกิตติ์ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงพาดพิงไปยังเรื่องของเมื่อคืน ก็คงจะเป็นเพราะใครสักคนที่ยืนก้มหน้าอยู่เอาเขามาเผาให้นายฟังนั่นเอง พี่ก็พี่เถอะ อย่าให้ถึงตาเขาบ้างแล้วกัน
“ไม่ใช่ครับ แค่ไปส่งเขาเฉย ๆ”
ปราชญาธิปได้ยินคำแก้ตัวหรือที่อีกฝ่ายคิดว่ามันเป็นเหตุผลของลูกน้องก็ได้แต่ไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ ก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทางไปยังจังหวัดนครนายก สี่หนุ่มเห็นคนเป็นนายทำเช่นนั้นก็ไม่รอช้า รีบเดินตามไปทันที มือแกร่งยื่นไปคว้าข้อมือของรุ่นพี่ที่เดาว่าน่าจะเป็นตัวการให้เดินรั้งท้ายคู่ตน
“เฮียไปพูดอะไร”
“เปล่า กูจะไปพูดอะไรได้เล่า” ดิฐากรปฏิเสธทันควัน ทว่าจีรกิตติ์กัดไม่ปล่อย “ก็นึกว่าสายเพราะนอนดึก แค่แหย่เล่น”
เขาปล่อยให้หนุ่มรุ่นพี่ได้เป็นอิสระ “แค่ไปส่งที่คอนโดแล้วกลับมานอน”
“ทำไมเป็นงั้น”
“กับคนนี้ไม่อยากรีบ”
“โดนคาบไปแดกนะ สวย ๆ แบบนั้นหลุดมือง่ายจะตาย”
“ไม่ให้หลุด” ประโยคนี้เขาตั้งใจบอกกับคนสามคน ทั้งเพื่อนรุ่นพี่ ตัวเขาเองและสุดท้าย ตัวของวรัสยาด้วย
จีรกิตติ์เปิดประตูรถให้ผู้เป็นนายก่อนจะปิดลงเมื่อเจ้าตัวนั่งเป็นที่เรียบร้อย เขาเปิดประตูด้านข้างคนขับแล้วแทรกตัวลงตามด้วยชยางกูรที่นั่งลงในตำแหน่งคนขับรถ อรัณย์และดิฐากรจะขับตามหลังไปอีกหนึ่งคัน รถหรูสัญชาติยุโรปเคลื่อนตัวออกไปจนในที่สุดก็ลับสายตาชายชราที่นั่งมองอยู่บนระเบียงห้องนอนที่ชั้นสอง ริมฝีปากเป็นเส้นโค้ง แววตาที่คล้ายจะใจดีอ่อนยวบลงไปมากพอควรเมื่อเป็นเรื่องของหลายชายหัวแก้วหัวแหวน
“โปรเจกต์ที่เจ้าโปรดเริ่มทำไปถึงไหนแล้วล่ะ”
“เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วครับท่าน” เอ่ยตอบชายชราผู้เป็นนายก่อนจะพูดต่อ “ผมได้เห็นบ้างแล้ว ทำงานได้ไวมากครับ ถ้าเสร็จแล้วท่านน่าจะไปพักผ่อนที่นั่นบ้าง”
“แน่อยู่แล้ว ฉันต้องไปสิ รีสอร์ทของหลานเชียวนะจะไม่ไปได้ยังไง” ท่านประมวลเอ่ยยิ้ม ๆ
จากครอบครัวเจ้าพ่อ บ่อนการพนัน เงินกู้ จนมารุ่นลูกถึงอยากวางมือไปเล่นการเมือง มารุ่นหลานไม่มีคนสานต่อ แม้แต่การเมืองปราชญาธิปยังไม่สนใจ หลานชายเลือกที่จะประกอบธุรกิจส่วนตัว ถึงอาชีพจะไม่ถูกส่งต่อ ทว่าความเยือกที่อยู่ในสายเลือดนั้นยากจะสลัดทิ้ง สุดท้ายต่อให้ไม่ทำเรื่องผิดกฎหมายก็ใช่ว่าตระกูลของเขาจะเป็นตระกูลที่ใครจะมากระตุกหนวดเสือเล่นได้ ที่เห็นนิ่ง ๆ ไปไม่ใช้สิ้นลาย แค่อยากใช้ชีวิตปกติสุขเฉกเช่นคนทั่วไปเท่านั้น แต่มันก็ยากเหลือเกิน ชายชราที่รวยล้นฟ้าแต่ไม่สามารถทิ้ง ‘ความสุข’ ไปได้ ต่อให้ไม่มีคนสานต่อแต่เขาก็ยังชักใยอยู่ตลอดเวลาที่ผ่านมา อันที่จริงเจ้าหลานชายที่ฉากหน้าเป็นนักธุรกิจก็ใช่ว่าจะไม่มีส่วนเกี่ยวกับงานของคนเป็นปู่
“มีใครไม่จ่ายดอกไหม”
“มีครับ แต่ผมให้คนไปหาซ้ำสองแล้ว”
“ไม่ค่อยชอบซ้ำสองนะ แต่ยังดีกว่าสาม”
“ไม่พลาดแน่นอนครับ”
ชายชราพยักหน้าเปื้อนรอยยิ้มพร้อมหยิบแก้วชาขึ้นมาจิบ เขาแค่ดูเหมือนใจดี แค่เหมือน...