1
ภายในรถมีแต่ความเงียบเท่านั้นที่ทำงาน เขายังไม่เอ่ยถามด้วยซ้ำว่าที่หมายที่จะต้องไปส่งเธอคือที่ไหน ได้แต่ขับไปตามทางของเขา วรัสยาได้แต่กัดริมฝีปากล่างอย่างรู้สึกประหม่า อยากเอ่ยปากพูดกับเขาแต่ก็รู้สึกกระดากอายที่เพื่อนพูดไปก่อนหน้านี้ เธอชอบเขา แถมยังขอติดรถกลับไปด้วย...ช่างหน้าไม่อาย
เธอเหลือบมองเขาเป็นระยะ ว่าบาป หน้าตาดีแท้ล่ะพ่อคุณ เธอต้องพยายามอย่างมากที่จะไม่ยิ้ม ไม่อย่างนั้นเขาจะคิดว่า ‘เพื่อนหนูชอบพี่’ เป็นความจริง เธอไม่ได้ชอบ แต่เขาหล่ออันนี้มันปฏิเสธไม่ได้
“อยู่แถวไหน” เสียงของเขาดังขึ้นเรียกสติของเธอให้กลับมาที่เรื่องสำคัญ หลังจากตอบไปแล้วชายหนุ่มก็ทำหน้าครุ่นคิด คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม นั่นทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องไปด้วยเพราะดูเหมือนจะกลายเป็นภาระของคนข้าง ๆ เข้าเสียแล้ว “คนละทางกันเลย”
“เอ่อ เดี๋ยวหนูกลับเองดีกว่าค่ะ” เธอรีบกล่าวด้วยความเกรงใจ “จริง ๆ เพื่อนแค่หยอกค่ะ พี่อย่าคิดมากเลยนะคะ ขอโทษที่ทำให้ลำบากใจ งั้นเดี๋ยวพี่จอดข้างหน้านี่เลยค่ะ เดี๋ยวนั่งแท็กซี่กลับได้”
“รับปากไปแล้ว”
“หนูทราบค่ะ แต่มันไม่จำเป็นหรอก แค่พี่ไม่ด่าที่พวกเพื่อน ๆ หนูเล่นไม่รู้เรื่องก็ดีมากแล้ว ถ้าต้องวนไปส่งหนูมันก็ไกลค่ะ เสียเวลาพักผ่อน อีกอย่างที่นี่มีรถสาธารณะเยอะ กลับคอนโดนี่เรื่องจิ๊บ ๆ ค่ะ”
เขาไม่ตอบแต่เลือกที่จะตบไฟเลี้ยวแทน เธอก็เข้าใจได้ว่าต่อให้พูดไปก็คงไม่มีประโยชน์ เขาคิดว่ารับปากแล้วก็ต้องทำ แต่มันทำให้คนเป็นภาระรู้สึกผิดไม่หยอก หากรู้ว่าอีกฝ่ายจะรักษาสัจจะแบบนี้เธอจะพยายามค้นหาสติที่หายไปชั่วขณะแล้วปรามเพื่อนที่เล่นไม่รู้ความ โตแต่ตัวกันทั้งนั้น ทำแต่เรื่องงามหน้า มีอย่างที่ไหนยัดเพื่อนให้ไปกับผู้ชาย
“ดีที่พรุ่งนี้เป็นวันหยุดนะคะ ไม่งั้น-”
“พรุ่งนี้ต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดแต่เช้าครับ” ชายหนุ่มแทรกขึ้นก่อนที่วรัสยาจะพูดจบ เหมือนมีไม้หน้าสามที่มองไม่เห็นตีแสกหน้าเข้าอย่างจัง
“พี่คะ หนูขอโทษจริง ๆ พี่จอดให้หนูได้ไหม คือตอนนี้หนูรู้สึกผิดมากเลยค่ะ”
“ข้าวสักมื้อแล้วกัน”
เธอเลิกคิ้วใส่เมื่ออีกฝ่ายพูดมาเช่นนั้น ก่อนจะทำความเข้าใจกับมันได้ในหลายวินาทีต่อมา เขามีข้อแลกเปลี่ยน “ได้ค่ะ ถ้าพี่สะดวกวันไหนพี่บอกหนูเลยนะคะ หนูสะดวกทุกวันค่ะ” เขาแค่ปรายตามอง แต่เธอเข้าใจได้จึงยิ้มแหยบนใบหน้า “เพิ่งเรียนจบน่ะค่ะ แต่ยังไม่ได้หางานทำเลย”
“ที่บ้านยังส่งให้เหรอ”
“ไม่เชิงค่ะ แต่ว่าอย่างนั้นก็ได้” เธอตอบเลี่ยง ๆ “หนูตั้งใจจะสอบเนติฯ น่ะค่ะ แต่ยังรู้สึกว่าไม่ค่อยพร้อมทั้งเรื่องสอบทั้งเรื่องทำงานเลย ใจหนึ่งก็คิดว่าถ้าทำงานก่อนสักนิดอาจสั่งสมประสบการณ์ได้ รุ่นพี่หลายคนก็แนะนำแบบนั้น แต่อีกใจก็คิดว่าเรียนไปเลยดีกว่า แต่ไม่ว่าจะเลือกทางไหน อีกทางที่ไม่ถูกเลือกก็คงจะน่าเสียดายอยู่ดี”
“เก็บประสบการณ์ก่อนก็ดี ในกรณีที่ไม่รีบ”
“ไม่รีบหรอกค่ะ หนูใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมาก” เธอว่ายิ้ม ๆ ราวกับภูมิอกภูมิใจในความเหลวแหลกของตนเอง “เข้าซอยนี้เลยค่ะพี่ ข้างหน้านี่แหละ หรือพี่จะจอดข้างหน้าก็ได้เดี๋ยวหนูเดินเข้า...ขอบคุณค่ะ”
จีรกิตติ์ไม่ฟังคำของหญิงสาวเสื้อซาติน เขาเลี้ยวเข้าซอยก่อนจะหยุดลงที่หน้าคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ดูแล้วราคาเจ็ดหลักแน่นอน
“ขอบคุณมากเลยนะคะพี่...” เธอนึกชื่ออยู่หลายวินาที “พี่จัด ใช่ไหมคะ”
“ครับ”
พอได้ยินเช่นนั้นก็ฉีกยิ้มส่งให้ “เดินทางปลอดภัยนะคะ ขอบคุณอีกครั้งที่อุตส่าห์วนมาส่งหนู ส่วนเรื่องข้าวถ้าพี่สะดวกแล้วติดต่อมาได้เลยนะคะ แยกกันตรงนี้เลยเนอะ?”
“จะให้ติดต่อยังไง”
เธอเอียงหน้ามอง “อ๋อ เบอร์นะคะ” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรแต่ส่งมือถือมาให้ วรัสยาก็รับมาแต่โดยดีก่อนจะกรอกเบอร์โทรศัพท์สิบหลักของตัวเองลงไป “ให้หนูเมมไว้เลยไหมคะ”
“เอาสิ”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ โทรมาได้แต่ไม่ทุกเวลานะคะ หนูตื่นสาย”
เขาพยักหน้ารับ เธอเองก็ไม่มีธุระอะไรต่อจึงโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณก่อนจะลงจากรถ แต่เดินห่างออกมาไม่เท่าไรก็มีเสียงเรียกเข้าดังขึ้น สองเท้าชะงักลงก่อนจะล้วงมือไปในกระเป๋า เป็นเบอร์แปลก ใจของเธอเดาว่าน่าจะเป็นหนุ่มเสื้อขาวที่เพิ่งเดินจากมาเมื่อสักครู่จึงกดรับสาย
“พี่จัดหรือเปล่าคะ”
(ครับ แค่ลองโทร.)
“กลัวหนูเบี้ยวเรื่องเลี้ยงข้าวเหรอคะ” เธอถามพร้อมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะหันหลังไปมองรถที่ยังจอดอยู่ที่เดิม “หนูไม่ให้เบอร์ปลอมหรอกน่า ถ้าอย่างนั้นเดินทางปลอดภัยนะคะ หนูวางนะ”
(ครับ)
ให้หลังไม่กี่นาทีรถก็เคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา วรัสยาได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียว ถึงจะไม่ได้ชอบอย่างที่เพื่อนเอาไปอ้าง แต่พอได้สัมผัสจริง ๆ แล้วก็ดูจะเป็นที่ใช้ได้พอสมควร แค่มาส่งตามสัญญา ไม่มีท่าทีการคุกคามกันสักนิดทั้ง ๆ ที่ถ้าเอ่ยปากพูดจริง ๆ เธออาจไหลตามได้ง่าย เรื่องแบบนี้ถ้าสมัครใจทั้งคู่จะถือว่าได้ประโยชน์ร่วมกัน แต่เขาก็ไม่คิดจะทำ เธอได้แต่ให้คะแนนเขาไว้ในใจ
ความประทับใจแรกเอาไปเต็มสิบเลยแล้วกัน
ผักกาด ;; ถึงห้องละนะ ปลอดภัยหายห่วง
ใบไผ่ ;; ห้องใคร
ผักกาด ;; ห้องกูสิ
ปิ่น ;; อีกทีซิ
ผักกาด ;; ให้เขามาส่งเขาก็มาส่งจริง ๆ
แนน ;; ทำไมมึงไม่เขมือบเขาลงท้องวะ เห็นไอ้ไผ่บอกงานดี
ผักกาด ;; อย่ารีบ แต่ดีจริง
ปิ่น ;; มึงอะ เสียเที่ยวเลย
ผักกาด ;; ได้เบอร์มา
ปิ่น ;; ไม่เสียชื่อตัวแม่
วรัสยาแค่ยิ้มให้กับข้อความของเพื่อน ก่อนจะเดินเข้าไปในลิฟต์เมื่อประตูเปิดออก ระหว่างนั้นก็ขบคิดถึงใครบางคนที่มักจะคุยกันแทบจะตลอดเวลา รอยยิ้มก็จางหายไปจากใบหน้า เธอรู้ดีว่าหลาย ๆ คนมักเลือกแฟนของตัวเองมากกว่าเพื่อน แต่สำหรับเธอแล้ว เพื่อนที่ยื่นมือมาให้จับในวันที่ไม่มีใครอยู่ข้างกายนั้นมีค่ากว่าผู้ชายอย่างไม่อาจเทียบเทียมกันได้
“บล็อกกันซะทุกทางเลยน้าไอ้ลูกเป็ด”
เธอได้แต่ส่ายหน้าให้กับมือถือก่อนจะเก็บมันเข้ากระเป๋า หวังเป็นอย่างมากว่าหากเธอมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอีกครั้ง มัญชุวีร์จะรู้สึกผิดน้อยลงและกลับมาเป็นเพื่อนเธอเหมือนเดิม อย่างที่เคยให้คำมั่นสัญญากันว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป