บท
ตั้งค่า

บทที่1│ว่าที่สตรีหมายเลขสาม (3)

ขณะที่ขับรถผ่านวัด เขาก็เอ่ยต่อหวังชวนคุย

“ได้ข่าวว่าตาอู๋ตาย”

“ค่ะ”

“รู้จักเหรอ”

“ไม่เชิงค่ะ แค่รู้จักชื่อ จำหน้าได้ แค่นั้น”

ใบหน้าคร้ามคมพยักรับเป็นเชิงเข้าใจ ซึ่งเขาก็เข้าใจได้ รติรสไม่ค่อยออกไปพบปะผู้คน ตั้งแต่รู้จักกันมา เธอมักจะขลุกตัวอยู่ที่ร้านสักของถิรมัน ที่ทั้งร้านมีแค่สองชายหญิง ทำใจเขาร้อนรนจนต้องหอบพายุหึงไปพัดถึงที่ แต่ถิรมันยืนยันว่าตนเองไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับว่าที่เจ้าสาวของเขา รวมถึงตัวเธอก็ยืนยันว่าไม่มีเรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้น เขาจึงวางใจ ทว่าก็ยังส่งลูกน้องไปดูความเป็นไปของร้านสักอยู่บ่อยๆ

หากใครหน้าไหนมันคิดแตะต้องผู้หญิงของเขา รับรองได้เลยว่ามันจะไม่ตายดี

“คืนนี้คืนสุดท้ายแล้ว”

“อ้อ”

“กำนันกับพวกฝ่ายปกครองต้องไปเป็นเจ้าภาพ” รติรสเข้าใจในทันทีว่าหมายถึงนักการเมืองท้องถิ่นที่เพิ่งเจอเมื่อครู่ “เสี่ยก็ว่าจะไปร่วมงานสักหน่อย พบปะชาวบ้านบ้าง เดี๋ยวคนเขาจะหาว่าใจแคบไม่มางานคนอื่น”

หนนี้เธอพูดยาวขึ้น “ถึงอย่างนั้นงานของเสี่ยก็คงมีคนมาเยอะอยู่ดีค่ะ”

พศุตม์เงียบไป กะพริบตามองตุ๊กตาหน้ารถปริบๆ

รติรสเพียงแค่ยิ้มให้ ไม่ยอมอธิบายเพิ่มเติมจนเขาต้องเป็นฝ่ายถามย้ำ “งานอะไร” เธอยังคงส่งยิ้มให้ ไม่คิดจะพูดอะไรให้เขาหายสงสัย “งานแต่งของพวกเราน่ะเหรอ”

“ค่ะ”

เขาจึงได้รู้ นอกจากรติรสจะเป็นคนเงียบๆ พูดน้อย เธอยังเป็นพวกกวนประสาทอีกด้วย ที่รอดตัวเพราะเขาดันหลงหัวปักหัวปำ หากเป็นคนอื่นมาทำแบบนี้ใส่ มีหรือจะไม่โดนสักที

“แล้วหนูจะไปหรือเปล่า เดี๋ยวเสี่ยไปรับ”

“ไม่ค่ะ”

เธอเลี่ยงการเจอผู้คนจำนวนมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ด้วยใกล้งานวิวาห์ หากชาวบ้านเห็นหน้าเธอคงมิวายพูดถึงแต่เรื่องน่าสะอิดสะเอียนนี้ ยิ่งไปพร้อมกับพศุตม์ด้วยแล้ว เธอคงโดนซุบซิบไม่เว้นวินาที ลำพังมารดาชอบเอาชีวิตเธอไปโอ้อวดกับชาวบ้านชาวช่องก็อับอายพอแล้ว ต่อหน้าคนก็สรรเสริญ ลับหลังเขาหัวเราะกันทั้งนั้น

“ทำไมไม่ไปล่ะ เสี่ยอยากออกงานกับหนูนะ”

“น้องไม่สะดวกค่ะ ต้องตื่นเช้า”

“ไปแค่แป๊บเดียวเอง พระสวดเสร็จก็กลับ”

“ถ้าอยากออกงานคู่ น้องว่าเป็นเจ๊ชมไม่ก็พี่เพลงไม่ดีกว่าเหรอคะ”

เขาเริ่มไม่สบอารมณ์ที่เธอชอบโยงถึงเมียอีกสองคน ทั้งๆ ที่ตรงนี้มีแค่เธอกับเขา คนอื่นไม่เกี่ยวเลยสักนิด “ก็เสี่ยจะออกงานกับหนู อีกไม่กี่วันเราก็จะแต่งงานกันแล้ว จะให้เสี่ยควงคนอื่นออกงานได้ยังไง และถ้าจะควงใครสักคน คนนั้นก็ต้องเป็นหนู”

รติรสตั้งท่าจะเถียง แต่เขาตัดบทเสียงเข้ม

“ค่ำๆ จะมารับ”

“แต่น้องไม่อยากไปนี่คะ”

“เสี่ยใจดีมันดีอยู่แล้ว อย่าให้ต้องใจร้าย พูดอะไรก็ฟังกันบ้าง ไม่ใช่เห็นเสี่ยยอมเข้าหน่อยแล้วได้ใจ”

“...ค่ะ”

สัญญาณเตือนจากคนข้างๆ บอกให้เธอสงบปากสงบคำ ครั้งหนึ่งเคยเห็นเขาซ้อมลูกน้องปางตาย เธอไม่รู้ตื้นลึกหนาบางว่าเหตุใดต้องลงโทษกันรุนแรงถึงเพียงนั้น จะให้เข้าไปช่วยเธอก็ไม่มีความกล้า จะให้ออกปากปรามพศุตม์ก็หาเสียงไม่เจอ แม้แต่เดินออกไปจากจุดนั้นยังทำไม่ได้ เขาบังคับให้เธออยู่ดูการทารุณกรรมที่ตนเองเป็นฝ่ายก่อ

‘ใครก็ตามที่มันเลี้ยงไม่เชื่อง กูจะสั่งสอนมันด้วยมือและตีนของกูเอง และถ้ายังไม่หลาบจำ ลูกตะกั่วจะฝังหัวสมองพวกมึง’

เขามันไม่ใช่คน เธอไม่มีทางยอมรับคนคนนี้เป็นคู่ชีวิต แต่ ณ เวลานี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มืดแปดด้าน คนที่บ้านหรือก็เห็นดีเห็นงาม หลงระเริงไปกับเงินตราและอำนาจที่พศุตม์มอบให้ เดินเชิดหน้าชูคอโดยไม่สนว่าเธอต้องแลกอิสรภาพทั้งชีวิตเพื่อให้ทุกคนได้อยู่ดีกินดี โดยที่เธอไม่ได้ร่วมก่อหนี้สักแดงเดียว

สารถีรู้ดีว่าเผลอทำให้สาวน้อยใจฝ่อ แต่ก็ไม่คิดปลอบ รติรสควรรู้ว่าเวลาไหนควรรั้น เวลาไหนควรโอนอ่อน เพราะเขาก็ไม่ใช่คนที่มีความอดทนอะไรมากนัก

เมื่อมาถึงบ้าน รติรสรีบเอ่ยคำลาก่อนจะออกจากรถอย่างไม่รอช้า ขาเสลารีบจ้ำอ้าวจนไม่สนใจจะตอบคำถามของผู้เป็นพี่สาวที่นั่งหัวเราะคิกคักกับพี่เขยอยู่หน้าโทรทัศน์

“เออ ไอ้ตี้นี่พอจะได้เป็นคุณนายแล้วหยิ่งเฉยเลย”

เอกภพจำต้องออกปากปรามภรรยา “เรียกน้องมันดีๆ”

ลมหายใจแรงๆ ถูกกระแทกออกจากหญิงสาววัยสามสิบต้น “ค่ะ คุณนายตี้”

ชายหนุ่มก็แสดงออกว่าหน่ายใจ “อย่าว่างั้นงี้เลยนะแต้ว แต่ทุกวันนี้ที่เรายังมีที่ซุกหัวนอนมันก็เพราะตี้ทั้งนั้น ไหนยังเงินที่เสี่ยเขาช่วยเหลืออีก ถ้าไม่มีตี้ ป่านนี้พวกเราต้องนอนข้างถนนแล้วมั้ง”

แม้แต่ค่าสินสอดทองหมั้น แม่ยายยังไปขอมาก่อน แต่เขาคงพูดอะไรมากไม่ได้นักเพราะเงินก้อนที่ว่า ตัวเองก็มีส่วนร่วมในการใช้ และหนี้ที่ทำให้ทุกอย่างพลิกผันเช่นนี้ก็ฝีมือเขากับภรรยา

ทั้งรู้สึกผิดและรู้สึกดีไปในที ถ้าเขาไม่สร้างหนี้เช่นนั้น ถ้าพศุตม์ไม่คิดตบแต่งกับรติรส ครอบครัวก็คงไม่มีวันนี้ เช่นนั้นแล้วเขาจะถือว่าหยวนๆ กัน

“ก็แต้วแค่ถามมันเองว่าทำไมรีบเดินนัก มันก็ได้ยิน แต่ไม่ตอบ”

“ก็ช่างน้องมันเถอะ คงรีบแหละ”

“นี่ก็เข้าข้างมันจังเลยนะพี่เอก” รจเรขทำท่าฟึดฟัด “อย่าเชียวนะ”

“แต้วนั่นแหละอย่าคิดอะไรไม่เข้าเรื่อง”

หญิงสาวกระแทกลมหายใจใส่สามีก่อนเดินเข้าไปในครัว หวังหาน้ำเย็นมาดื่มดับความร้อนรุ่มที่ก่อตัวในใจ หล่อนรู้ดีแก่ใจโดยไม่ต้องรอให้ใครบอก รติรส น้องสาวต่างพ่อที่สวยหยดราวนางฟ้านางสวรรค์ ทรวดทรงองค์เอวงามไร้ที่ติ ส่วนเว้าเป็นเว้า ส่วนโค้งเป็นโค้ง ผิวพรรณขาวผ่องราวหยวกกล้วย ใบหน้าเรียวรับกับริมฝีปากสีระเรื่อ จมูกโด่งรั้นน่ามอง

อิจฉา...หล่อนสามารถใช้คำนี้เพื่อนิยามความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวได้อย่างไม่ปิดบัง

เพราะรติรสสวยเกินไป สวยจนใครต่อใครก็ยกมาเทียบกับพี่สาวเช่นหล่อน จึงหนีไม่พ้นความชิงชังและริษยา ตอนทราบว่าพศุตม์ต้องการตัวน้องสาวเพื่อแลกกับหนี้ก้อนโต หล่อนถึงพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าให้มารดาตอบตกลง

ในเมื่อสวยนักก็ต้องใช้ความสวยให้เป็นประโยชน์สิถึงจะถูก...แบบที่ทำอยู่นี่แหละยายตี้ ดีที่สุดของชีวิตแกแล้ว

มือที่เอื้อมไปหวังหยิบแก้วน้ำเป็นอันชะงักค้างเติ่งกลางอากาศ เมื่อมีเสียงสะอื้นไห้ดังแทรกเสียงน้ำไหลกระทบพื้น ห้องนอนของรติรสอยู่ชั้นล่าง ต่างกับคนอื่นๆ ที่ได้นอนชั้นบน ห้องเธอไม่มีห้องน้ำในตัว จึงออกมาใช้ห้องน้ำด้านนอก ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับห้องครัว เมื่อครู่ก็เห็นหลังแวบๆ ว่าหลังจากเข้าห้องไป น้องสาวก็เดินออกมาเข้าห้องน้ำ จึงมั่นใจว่าเสียงนี้เป็นของเธอ ไม่ใช่ใครอื่น

รจเรขเงี่ยหูฟังอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบึ่งออกไปหาสามีโดยไม่ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว

“พี่เอก” ชายหนุ่มเพียงหันไปเลิกคิ้วใส่เท่านั้น “ไอ้ตี้มันร้องไห้แหละ”

สีหน้าของผู้ฟังมีแววเป็นห่วงระคนสงสัยปรากฏขึ้น “เป็นอะไรไปน่ะ”

“ไม่รู้สิ” เดิมทีหล่อนไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเอง แต่ความคิดบางอย่างก็ผุดขึ้น นัยน์ตาเบิกโตด้วยความหวาดหวั่น “พี่ หรือมันจะมีปัญหากับเสี่ย”

“มะ...ไม่หรอกมั้ง”

“ถ้ามีจริงๆ ล่ะ พวกเราจะไม่แย่เหรอ ถ้าเสี่ยเขาไม่ชอบมันแล้ว บ้านหลังนี้เขาจะยอมให้พวกเราอยู่หรือเปล่า แล้วเงินที่เขาให้มาล่ะ สินสอดอีก ถ้าเขาจะเอาคืนพวกเราจะทำยังไง”

เอกภพก็ไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น เพราะเขาคงไม่พ้นถูกความเดือดร้อนเล่นงานอีกหน ชีวิตความเป็นอยู่ตอนนี้มันดีอยู่แล้ว เขาตั้งใจจะเริ่มธุรกิจใหม่เนื่องจากได้เงินลงทุนจากแม่ยาย เป็นทุนที่ไม่ต้องใช้คืนทีหลัง ไม่เหมือนตอนไปกู้หนี้ยืมสินจนเกือบถูกยึดบ้าน

“ใจเย็นๆ นะแต้ว รอน้องมันออกมาก่อนค่อยถามก็ได้ บางทีตี้มันอาจจะมีเรื่องอื่นให้เครียด”

หัวใจหล่อนเต้นไม่เป็นจังหวะ แค่คิดว่าจะต้องสูญเสียทุกอย่างไปมือไม้ก็เริ่มสั่นเทา “แล้วถ้ามันทะเลาะกับเสี่ยมาจริงๆ ล่ะพี่”

“เสี่ยคิดเขาชอบตี้มากเลยนะ ไม่น่าจะมีอะไรแบบนั้นหรอก”

ลมหายใจถูกพ่นออกตามแรงอารมณ์ “ไม่รู้แหละ ถ้ามันทะเลาะกันจริงๆ แต้วจะลากมันไปง้อเสี่ยเอง หัวเด็ดตีนขาดยังไงมันก็ต้องแต่งกับเขา”

เสียงสะอื้นไห้ยังคงดังออกมาจากห้องน้ำ เคล้าเสียงน้ำกระทบพื้น ปนเปไปด้วยเสียงเสียดสีของการขัดตัว ทุกส่วนที่โดนสัมผัสจากพศุตม์ รติรสออกแรงขัดราวหวังว่ามันจะจางหายและไหลไปพร้อมสายน้ำ

การเกี่ยวข้องกับคนเช่นนี้เป็นการลดคุณค่าในตัวเธออย่างดี ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เธอได้แต่โกรธเกลียดร่างกายตัวเอง โกรธที่ไม่กล้าผลักไส เกลียดที่มีร่องรอยของคนคนนั้นประทับอยู่บนเนื้อตัว ที่ต่อให้ขัดถูด้วยแรงมากขนาดไหน ขัดจนผิวกลายเป็นสีแดง มันก็ไม่ถูกลบออกจากจิตใจ

ความขยะแขยงยังเด่นชัด เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อนาทีที่แล้วอย่างไรอย่างนั้น

หากความตายไม่ได้น่ากลัว เธอคงไม่ทนอยู่ในสภาพเช่นนี้อีกแล้ว...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel