บท
ตั้งค่า

บทที่1│ว่าที่สตรีหมายเลขสาม (2)

นักการเมืองท้องถิ่นและนายหน้าค้าที่ต่างก็เดินออกจากบ้านของพศุตม์ เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครได้ยิน เสียงพูดคุยก็ดังขึ้นคล้ายเสียงกระซิบ

“ที่คนเขาว่าเจ๊ชมเป็นหมัน ท่าจะจริง แต่งตั้งนานไม่ยักจะเห็นมีลูกกับเขาสักที”

นายหน้าตอบโต้บทสนทนา “เมียคนที่สองล่ะ ยังสาวยังแส้”

คนอายุมากกว่าส่ายหน้าพรืด “คนพรรค์นั้น เสี่ยไม่คิดจริงจังอะไรหรอก ไม่เห็นเหรอ แม้แต่งานแต่งยังไม่มี”

“แก้ขัดไปงั้น?”

“ก็ไม่รู้ อาจจะใช่ ไม่เหมือนหนูตี้อะไรนี่ ได้ยินว่าจะจดทะเบียนด้วย ขนาดเมียหลวงอย่างเจ๊ชมยังไม่ได้จดเลย”

คนฟังแค่นหัวเราะราวนึกสนุก “งานนี้สาวๆ ไม่ตบตีกันเละเหรอนั่น”

“ลองไปตบไปตีดูสิ เจ๊ชมน่ะคงไม่อะไร แต่อีกคนนี่สิ ถ้าทำไม่ดีกับหนูตี้ มีหวังโดนเสี่ยคิดเฉดหัวทิ้งแน่ หลงจนโงหัวไม่ขึ้นปานนั้น”

บทสนทนาเหล่านั้นได้ไหลมาเข้าหูบุคคลที่สามเข้าอย่างจัง

ศีตภา หรือก็คือบุคคลที่ถูกกล่าวถึงในนาม ‘เมียคนที่สองและคนพรรค์นั้น’ ของบทสนทนาระหว่างนักการเมืองและนายหน้าค้าที่ดิน หล่อนเพิ่งกลับมาถึงบ้านหลังจากไปขลุกตัวอยู่ที่ร้านเสริมสวยของเพื่อนสนิท ไม่มีใครบอกเธอสักคนว่าพศุตม์กลับมาแล้ว แม้แต่ตัวพศุตม์เอง

เมื่อมาถึงก็พบรถมอเตอร์ไซค์ของศัตรูหัวใจจอดอยู่ โทสะก็ปะทุขึ้นอย่างมิอาจยับยั้ง รีบสาวเท้าหวังจะเดินเข้าไปด้านใน วันนี้หล่อนต้องได้ด่าไอ้เด็กนั่นเพื่อระบายความคับแค้นสักประโยคสองประโยค แต่ยังไม่ทันได้เดินเข้าบ้านก็มีคนออกมาเสียก่อน ได้ยินคำว่าเจ๊ชมแว่วเข้าหู จึงอยากรู้อยากเห็น รีบพาตัวเองไปแอบอยู่ใกล้ๆ เพื่อลอบฟัง

หล่อนหรือก็เข้าใจว่าชมพูนุทจะถูกนินทา ที่ไหนได้ ตัวเองโดนเต็มๆ

ลำพังสามีกลับมาถึงบ้านโดยไม่ส่งข่าวบอกก็แย่พอแล้ว กลับมายังมารู้ว่าเด็กนั่นก็อยู่ที่นี่ มิหนำซ้ำต้องมาฟังคนอื่นนินทาตัวเองอีก จึงได้แต่กำหมัดแน่นอย่างนึกแค้นใจ

คนพวกนั้นไม่แม้แต่จะเรียกชื่อหล่อนด้วยซ้ำ ต่างกับรติรสที่ร่วมใจกันเรียกว่าหนูตี้ ไหนยังพวกลูกน้องของพศุตม์ที่แสนจะลำเอียง กับเมียหลวงอย่างชมพูนุทพวกมันเรียกแค่เจ๊ กับเธอถ้าไม่เรียกแค่ชื่อก็ใส่พี่นำหน้าให้เท่านั้น แต่กับรติรส ทุกคนล้วนเรียกขานว่านายหญิง

แต่สิ่งที่ทำให้ศีตภาเป็นเดือดเป็นร้อนที่สุดคงไม่พ้นเรื่องการจดทะเบียนสมรสระหว่างคนทั้งสอง

ชมพูนุทได้ตลาดไปดูแล รติรสได้ทะเบียนสมรสไปครอบครอง และทั้งสองก็มีงานแต่งงาน ต่างกับหล่อน หล่อนไม่ได้อะไรจากพศุตม์เลยสักอย่าง แม้แต่เกียรติที่ควรได้รับ ก็ไม่ได้

หากจะให้เหตุผลว่าศีตภามาทีหลังชมพูนุท เหตุใดคนที่มาหลังหล่อนถึงได้ทุกอย่างไปครอง มีเหตุผลอันใดกันที่รติรสได้ทุกอย่างที่ไม่สมควรได้เช่นนั้น

ลมหายใจถูกระบายออกอย่างแรง ก่อนจะค่อยๆ ปรับให้เป็นปกติแล้วเดินเข้าบ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ประตูถูกเปิดด้วยฝีมือคนมาใหม่ เสียงหวานแสนออเซาะทั้งยังไม่แม้แต่จะเห็นหน้าคนที่ตนอยากพบเจอ “เสี่ยขา ทำไมกลับมาแล้วไม่บอกเพลงเลย-”

เสียงขาดห้วงไปทันทีที่ประจักษ์กับภาพบาดตาบาดใจ สองร่างน้อยใหญ่ที่ซุกไซ้นัวเนียกันอยู่กลางบ้านเป็นเหตุให้ความอดทนขาดผึ่ง

“เสี่ย!”

เสียงระฆังช่วยชีวิตดังขึ้น รติรสรีบร้อนผละตัวออกจากสัมผัสหยาบโลนของพศุตม์ คว้าเสื้อกันหนาวของถิรมันมาใส่เพื่อปกปิดเนื้อหนัง เธอนึกขอบคุณการมาของศีตภาอยู่ในใจ ต่างกับเจ้าของบ้านที่หัวฟัดหัวเหวี่ยงกับการมาของเมียคนที่สอง สายตาหวานหยดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นคุกรุ่น ตวัดมองคนมาใหม่อย่างไม่สบอารมณ์

“ถ้าจะทำตัวเสียมารยาทก็ไปให้พ้น”

“นี่เสี่ยกล้าไล่เพลง?”

เขาแค่นหัวเราะ “เออ”

คนมาใหม่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ หล่อนไม่อยากให้เรื่องบานปลายไปกว่านี้ จึงพยายามคุยด้วยเหตุผล อีกนัยก็กลัวจะถูกไล่ออกจากบ้านจริงๆ “เพลงไม่ได้จะเสียมารยาท แต่เสี่ยพามันมาคั่วกลางบ้านแบบนี้ได้ยังไง”

เขาหยัดยืนขึ้นเต็มความสูง ส่งสายตาขุ่นเคืองไปยังผู้พูดอย่างไม่ปิดบัง “ก่อนจะพูดอะไรก็สำนึกไว้สักหน่อยว่าที่มีที่ซุกหัวอย่างสบายๆ อยู่ทุกวันนี้มันบ้านใคร”

ศีตภาหาคำพูดไม่เจอ ด้วยโดนตีแสกหน้าเข้าอย่างจัง

“เธอควรรู้ว่าตัวเองต้องอยู่ตรงไหน ไม่ใช่มาล้ำเส้นฉันแบบนี้”

“เพลง เพลงแค่...แค่”

“ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น แต่อย่าให้มีครั้งที่สอง รวมถึงเรื่องที่ชอบไปหาเรื่องตี้ด้วย อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ เพราะถ้าเธอยังทำอีก” เสียงของเขาเข้มขึ้น แววตาอัดแน่นไปด้วยความจริงจัง “เธอจะเป็นคนที่โดนฉันเล่นงาน”

“แต่เพลงเป็นเมียเสี่ยนะ”

“ตี้ก็เป็น”

ไม่ใช่...เสียงแว่วดังขึ้นเพื่อปฏิเสธ เธอไม่ได้เป็นเมียของเขา ต่อให้เขาถึงเนื้อถึงตัวบ้างในบางครั้ง และต่อให้เธอตกที่นั่งลำบากจนกลายมาเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาก็ตาม แต่ไม่เคยเกินเลยจนเขาสามารถเรียกขานเธอว่าเมียได้

เธอไม่ได้เป็นเมียของใคร!

เขารั้งเอวบางมาแนบชิดอีกหน ท่าทีแสนอ่อนโยน แววตาแสนอบอุ่น และน้ำเสียงแสนละมุนที่หญิงอื่นอยากได้รับ รติรสกลับได้รับมัน “เดี๋ยวเสี่ยไปส่งที่บ้านนะ”

ทว่าเธอไม่เคยอยากได้มันเลย

“เดี๋ยวน้องกลับเองได้ค่ะ น้องขี่มอ’ไซค์มา”

แรงรัดแน่นขึ้นเมื่อถูกปฏิเสธ “เดี๋ยวให้เด็กขี่ไปไว้ที่บ้านให้ เสี่ยอยากอยู่กับหนู” ไม่ว่าเปล่า ใบหน้าคมคายยังโน้มลงมาซุกไซ้ที่แก้มสีระเรื่อ “ไม่เจอตั้งหลายวัน คิดถึงหนูจะแย่”

เธอได้แต่หลุบตาลงต่ำเพื่อหลบสายตาอาฆาตจากศีตภา ทั้งยังพยายามดันตัวพศุตม์ออกห่าง ทว่าก็สู้แรงของอีกฝ่ายไม่ได้ จนกระทั่งเขาผละออกไปเอง เธอถึงพอหายใจหายคอได้บ้าง แต่แขนแกร่งก็ยังโอบไว้ที่รอบเอวไม่คิดปล่อยให้เป็นอิสระ

ขณะที่ทั้งสองก้าวเดินผ่านหน้า ส่วนเกินอย่างเมียคนที่สองก็เอ่ยรั้งไว้เสียก่อน “เสี่ยขา แล้วเสี่ยจะกลับมานอนที่บ้านหรือเปล่า เพลงก็คิดถึงเสี่ยเหมือนกัน”

เขาผินหน้าจากสาวในดวงใจไปมองผู้พูด ก่อนกลับมามองใบหน้าหวานหยดแล้วแกล้งเย้า “ถ้าตี้ให้นอนด้วย ก็คงไม่กลับ”

ห้องของเธอไม่ใช่คุกใช่ตาราง และไม่ได้เป็นโลงศพ ที่คนอย่างพศุตม์จะนอนได้

ภายในบ้านหลงเหลือเพียงศีตภา อารมณ์โกรธพุ่งทะลุปรอท อยากกรี๊ดออกมาดังๆ ให้หายคับแค้นใจ ทุกอย่างมันเป็นเพราะรติรส ที่ต่อหน้าหล่อนและคนอื่นๆ ก็พยายามแสร้งว่าไม่อยากแต่งงานกับพศุตม์ ทำเป็นสะดีดสะดิ้ง แต่หล่อนรู้ นั่นก็แค่มารยาหญิง ใจจริงแม่นั่นอยากเป็นเมียเสี่ยใจจะขาด

ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง

เรื่องจดทะเบียนสมรสก็คงจะใช้มารยาหลอกล่อจนได้มา ครั้งหนึ่งหล่อนก็เคยอ้อนวอนขอให้จดทะเบียนสมรสด้วยกัน แต่เขาไม่ยักจะเห็นด้วย กับเมียหลวงอย่างชมพูนุทก็ยังไม่ได้นามสกุลของเขาไปใช้ ด้วยเขาไม่คิดแบ่งสมบัติให้ใคร หากใคร่จะให้ เขาจะให้เอง แต่วันนี้กลับเปลี่ยนใจอยากให้รติรสใช้นามสกุลด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะมันออดอ้อน มีหรือที่คนหนักแน่นเช่นเขาจะเปลี่ยนใจ

เวลาอยู่กับหล่อน แม่นั่นก็ทำทีเป็นไม่ได้เต็มใจจะเป็นเมียคนที่สามของเสี่ย แต่กลับเอามาฟ้องทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นเสี่ยไม่มีวันรู้ว่าหล่อนหมายหัวมันไว้

รติรส...คนที่หล่อนแสนจะเกลียด

คล้อยหลังศีตภา เธอก็ลอบถอนหายใจอย่างหน่ายเหนื่อย ชีวิตที่ต้องตบตีกับคนผู้นั้นทุกวี่วัน เธอไม่อยากประสบพบเจอเลยสักนิด ไหนยังเจ้าของวงแขนที่ไม่คิดจะปล่อยออกจากเอวอีกคน

“น้องว่าพี่เพลงไม่เห็นแล้วล่ะค่ะ เสี่ยปล่อยน้องได้แล้ว”

“หืม” เขาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ “เสี่ยไม่ได้ทำเพื่อประชดใคร เสี่ยคิดถึงหนูจริงๆ อีกอย่างคนอย่างเสี่ยจำเป็นต้องสนหน้าไหนด้วยเหรอ”

“แต่พี่เพลงเป็นเมียเสี่ยนะ”

“อย่าพูดให้เสียอารมณ์น่า ตอนนี้เสี่ยรักแค่หนู” รติรสไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเพราะเดินมาถึงกลุ่มลูกน้องของเขาพอดี พศุตม์พยักพเยิดหน้าไปทางใครสักคนในกลุ่ม “เอากุญแจรถให้มัน”

เธอยังคงคัดค้าน “รบกวนเปล่าๆ ค่ะ น้องกลับเองได้”

เขายังไม่ได้ตอบสาวน้อย แต่หันไปทางลูกน้องของตน “การขี่รถไปไว้ที่บ้านตี้ถือเป็นการรบกวนพวกมึงไหม”

“ไม่ครับ” ทุกคนรับคำเสียงหนักแน่น

ก่อนหนึ่งในนั้นจะแบมือมาตรงหน้า “ขอกุญแจด้วยครับนายหญิง เดี๋ยวผมจะขี่ไปจอดให้ถึงหน้าบ้านเลยครับ”

สุดท้ายกุญแจรถก็ถูกวางลงบนมือของผู้พูด เพราะพินิจดูแล้ว เธอคงต้องยอมตามน้ำไปอีกตามเคย

“เอาของฝากที่กูซื้อมาจากเชียงรายไปด้วย ออกมาก็ลืมหยิบ”

“ให้ผมเข้าไปหยิบมาให้ไหมครับ”

“ไม่ต้อง จะไปแล้ว” ก่อนที่พศุตม์จะพาร่างแน่งน้อยไปขึ้นรถหรูของตน ที่ต่อให้หรูหรากว่านี้ รติรสก็ไม่นึกพิศวาสมันสักนิด เธอสบายใจที่จะใช้รถของตัวเองมากกว่า แม้จะเป็นแค่มอเตอร์ไซค์ไม่ได้กันแดดกันลมเหมือนอย่างรถของเขา

ระหว่างทางสารถีพยายามชวนคุยอยู่ตลอด เพราะรติรสในสายตาเขาเป็นคนพูดน้อย หากเขาไม่พูดด้วย เธอคงไม่พูดก่อน และเขายังอยากรู้จักเธอมากกว่าที่เป็นอยู่ จึงพยายามทำในสิ่งที่ค่อนข้างผิดวิสัย ทั้งๆ ที่กับเมียทั้งสองคนนั้น เขาไม่เคยต้องทำเช่นนี้เลย

พศุตม์หยิบยกทุกประเด็นที่พอจะนึกได้มาพูด ทั้งเรื่องสถานที่ที่ตนเพิ่งจากมาอย่างจังหวัดเชียงราย “หนูน่าจะลางานไปกับเสี่ย ถ้ามีหนูอยู่ด้วยกันคงสนุกน่าดู”

“น้องต้องทำงานค่ะ”

“ไอ้จีนมันไม่ว่าอะไรหรอก ทำงานเกือบทุกวันก็ต้องไปเที่ยวพักผ่อนบ้าง เสี่ยคุยให้ได้”

“ลาเยอะๆ เกรงใจค่ะ”

“หนูคงไม่ชอบเที่ยวสินะ”

รติรสแค่นยิ้ม...ไม่ได้ไม่ชอบเที่ยว แค่ไม่ชอบมึง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel