บท
ตั้งค่า

กรุ่นกลิ่นวัยเยาว์ (1)

อายุสิบห้าของมลุลีนั้นใช่ว่าจะผ่านไปได้ง่ายๆ เหมือนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่กลับมีหนามของมันโผล่ขึ้นทุกครั้งที่ก้าวเดิน

โผล่มาตั้งแต่จำความได้ การรับมือกับ ‘สิ่งนั้น’ จึงพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเจ็บส่วนเจ็บ แต่จะเจ็บคนเดียวอยู่ไย

“พรุ่งนี้มลุลีกับชลิตามาคัดตัวอีกรอบนะ เอาล่ะ กลับบ้านได้”

สืบเนื่องจากประโยคนั้นของครูนาฏศิลป์ประจำโรงเรียนที่สาวเจ้าศึกษาอยู่ ทำให้ในช่วงห้าโมงกว่า เด็กสาวที่ถูกเลือกให้เป็นสองคนสุดท้ายในการคัดตัวเพื่อร่ายรำในวันงานของทางโรงเรียนไม่ได้กลับบ้านเหมือนคนอื่นเขา แต่กลับมายืนอยู่หลังห้องเก็บของเก่าๆ พร้อมคลื่นอารมณ์ร้อนระอุที่ปะทุขึ้นในใจ

เด็กสาวห้าชีวิตต่างก็ฟาดฟันกันด้วยสายตาที่คมดั่งใบมืด

มลุลีอยู่คนเดียว ชลิตามีกันสี่คน

เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร

“อีมิ้ม มึงถอนตัวไปซะ งานนี้ไม่เหมาะกับมึง”

เธอแค่นหัวเราะในลำคอ กดสายตามองคู่กรณีตั้งแต่หัว ไล่ไปยังส่วนที่ต่ำที่สุดแล้วจึงลากขึ้นมาอย่างเชื่องช้า “เพราะลูกหาบมึงมันตุ๊บกันหมด มึงเองก็กลัวว่าจะแพ้กูเหมือนกันสินะ ทำไม มึงโกรธจนตัวสั่นเลยเหรอ คนอย่างมึงมันก็มีปัญญาทำได้แค่นั้นแหละอีชา”

หนึ่งต่อสี่ก็ไม่อาจสั่นคลอนความแกร่งในจิตใจของเด็กสาวได้ เธอชินเสียแล้วกับเรื่องเช่นนี้

ชลิตาชี้หน้าเธอด้วยความโกรธจัด สายตาที่ใช้มองแข็งกร้าวเหมือนที่แล้วๆ มา “มึงจะถอนตัวดีๆ หรืออยากหน้าแหกก็เลือกมาเลย”

“พรุ่งนี้ก็รู้ผลอยู่แล้ว มึงจะกลัวทำไมถ้ามึงมีดี มั่นใจว่าเอาชนะกูได้” เธอบิดยิ้มอย่างสังเวช “หรือเพราะมึงไม่มีดีพอจะเอากูลงเลยพาพวกมาเห่าใส่กูแบบนี้”

“สำคัญตัวจังนะ กูแค่ไม่อยากลดตัวไปแข่งกับคนอย่างมึง”

“คนอย่างกูแล้วมันทำไม”

ชลิตาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว สองมือยกขึ้นมากอดไว้ที่อก เหยียดสายตามองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างที่เธอเคยทำกับอีกฝ่าย ริมฝีปากบางบิดเป็นรอยยิ้มหยัน นัยน์ตาประกายเพียงความเกลียดชัง

เจ้าหล่อนย่ำยีศักดิ์ศรีของมลุลีด้วยการใช้นิ้วชี้จิ้มไปที่หน้าผากมน “มันต่ำ ต่ำเหมือนแม่ของมึง”

เธอสะบัดมือของคนตรงหน้าออก จ้องมองอย่างอาฆาต

สาวน้อยหัวเดียวกระเทียมลีบตวาดลั่น “อีชา!”

“ทำไม โกรธเหรอ” ชลิตาถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “แค่พูดความจริงทำมาเป็นรับไม่ได้ ข้อร้องเหอะ มึงก็รู้อยู่เต็มอกว่าแม่มึงมันเป็นแค่กะหรี่ชั้นต่ำ”

“หุบปากของมึงไปเลยนะ”

เจ้าหล่อนยิ่งได้ใจเมื่อเห็นมลุลีเริ่มเป็นหมาบ้า “มึงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อมึงคือใคร เพราะแม่มึงมันเป็นอีตัว ผ่านผู้ชายมาเป็นร้อยเป็นพัน เผลอๆ มึงมีพ่อเป็นพันคนด้วยซ้ำ”

การได้ด่าให้มลุลีจนมุม เป็นเรื่องที่เธอพึงพอใจที่สุดในชีวิต

แต่แล้วมลุลีก็ทำเรื่องเหนือความคาดหมาย...มันยิ้ม...ยิ้ม?

“ไม่รู้ว่าพันคนที่ว่าจะรวมพ่อมึงอยู่ในนั้นด้วยหรือเปล่า”

คนฟังเบิกตาโต กำมือแน่น “อีมิ้ม!”

“มันก็ไม่แน่หรอกนะ พ่อมึงอาจจะเป็นลูกค้าแม่กูด้วยก็ได้ และบางทีกูก็อาจจะเป็นพี่น้องกับมึง ไหน เรียกกูว่าพี่มิ้มให้ชื่นใจ- อั๊ก!”

พูดยังไม่ทันจบประโยคดี ฝ่าเท้าที่มีรองเท้านักเรียนห่อหุ้มอยู่ก็ถูกยกขึ้น ชลิตาถีบเข้าที่หน้าท้องของเธออย่างเต็มแรง จนกระทั่งร่างแน่งน้อยล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าที่พื้น

เธอรู้...รู้ เปิดก่อนได้เปรียบ เธอพลาดที่เอาแต่พล่ามจนโดนมันถีบ เมื่อร่างบอบบางล้มลง คู่ปรับตลอดกาลก็รีบปรี่มาคร่อมตัว ทว่ามลุลีมิอาจยอมรับต่อความเสียเปรียบได้จึงยกเท้าขึ้นเพื่อถีบชลิตาจนอีกฝ่ายมีสภาพไม่ต่างกัน แต่สลัดเจ้าหล่อนได้ไม่ถึงนาที ลูกหาบทั้งสามอย่างนิรมน สุสิริ และพลานิชก็ตามมาสมทบ โดยที่คนหลังนั้นถือว่าแรงควายกว่าใคร ก่อนที่ชลิตาจะตั้งตัวได้แล้วกลับมาร่วมวง

ผลัดกันตบ ผลัดกันจิก ไม่มีใครยอมใคร ได้แผลอย่างเท่าเทียมกันทุกฝ่าย

มลุลีฝ่าแรงคนทั้งสี่จนลุกขึ้นมาได้ หลังมีสภาพยับเยินเหมือนเพิ่งฟัดกับหมาข้างถนน เธอปรี่ไปหาตัวต้นเรื่องอย่างชลิตา ยื่นมือไปกระชากหัวอย่างไม่ออมแรง พอดีกับที่โดนใครสักคนดึงผมจนใบหน้าเชิดขึ้น

ความเจ็บแล่นเข้ากลางใจ แต่ความคับแค้นสั่งให้กัดฟันสู้

ชลิตาเองก็เจ็บที่โดนดึงผม เจ้าหล่อนอยากหลุดพ้นจากพันธนาการนี้จึงยื่นมือไปข้างหน้า หวังใช้เล็บจิกเนื้อหนังที่เป็นส่วนใบหน้าของมลุลี ซึ่งเธอก็ทำได้ แต่หลังจากเจ้าตัวรับรู้ว่าได้แผลจนเสียเลือด ก็ปล่อยมือออกจากผม แล้วเสยหมัดไปอย่างไม่สนใจจุดไหนเป็นพิเศษ แค่อยากให้มันเจ็บเหมือนที่ตัวเองเจ็บ

ได้ผล ชลิตายกมือมากุมดวงตาของตน “อีมิ้ม! มึงต่อยกู”

มลุลีไม่พูดพร่ำทำเพลง หันมาจิกหัว แลกหมัด ฟัดจนเสื้อผ้าหลุดลุ่ยกับคนทั้งสาม ได้กันไปหลายแผล ไม่มีใครไม่เจ็บตัว มีแค่ใครเจ็บมากเจ็บน้อยเท่านั้น

“เฮ้ย! ทำไรกัน!”

เสียงเข้มเจือด้วยคลื่นอารมณ์ตกใจระคนโมโหดังขึ้น นักการภารโรงวัยห้าสิบกว่าก้าวเดินมายังห้าสาวคอซอง ที่พอรับรู้ถึงการมาของเขาก็รีบผละออกจากกันอย่างร้อนรน

สภาพของแต่ละคนไม่เหลือดี ผมที่เมื่อเช้าถูกเปียไว้อย่างดีบัดนี้ไม่มีทรงเดิมหลงเหลืออยู่ มันฟูฟ่องจนยุ่งไปทั้งห้าหัว เสื้อผ้าทั้งยับทั้งเลอะไปด้วยคราบฝุ่น บางคนก็ได้เลือด บางคนเนื้อตัวช้ำเป็นจุดๆ

เป็นนักเรียนดีๆ ไม่ชอบ อยากเป็นนักมวยกันเสียอย่างนั้น

เขาอดจะถอนหายใจไม่ได้ “อีกแล้วรึ”

ชลิตาโพล่งขึ้น “มันมาทำหนูก่อน”

สาวน้อยผู้ตัวคนเดียวตวัดตามองผู้พูดที่ให้การเท็จ เธอโดนถีบจนจุกไปทั้งท้อง แม่นี่ยังกล้าจะรับบทเหยื่อ

“ที่นี่โรงเรียนนะ ไม่ใช่ค่ายมวยที่จะมาเตะต่อยตบตีอะไรกันแบบนี้ มันไม่งามนะไอ้หนู”

ทั้งห้าอ้อมแอ้มตอบ “...ค่ะ”

“ครั้งนี้ลุงคงทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ ไป ไปห้องพักครู”

สิ้นประโยค ทุกคนต่างก็ใส่เกียร์หมาออกตัววิ่งชนิดไม่เห็นฝุ่น

ลมหายใจถูกพ่นออกอีกครั้ง “เด็กหนอเด็ก กว่าจะโตจะได้กันคนละกี่แผลกันหนอ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel