CHAPTER 10 ความทรงจำ
การเดินทางไปขอพรเจ้าแม่กวนอิมที่ริมหาด Repulse Bay ไม่ยากมากนัก แต่อาจจะทำให้สับสนนิดหน่อยตอนช่วงที่ออกจากรถไฟใต้ดินแล้วต้องไปต่อรถเมล์ เนื่องจากไม่สามารถนั่งรถไฟใต้ดินไปถึงที่นั่นได้เลย การขึ้นรถเมล์ทำให้ได้บรรยากาศสนุกไปอีกแบบ รถเมล์ที่นั่งมาเป็นรถเมล์สองชั้น ซึ่งคิมหันต์เลือกให้พราวฟ้าขึ้นไปนั่งชั้นบนเพื่อชมวิว ระยะทางเป็นเชิงเขาตลอดทาง มองไปด้านล่างจะเห็นวิวทะเลได้อย่างชัดเจนแต่อาจจะ คดเคี้ยวลัดเลาะไปตามไหล่เขา ทำให้การนั่งรถเมล์ไม่ต่างกับการนั่งรถไฟเหาะขนาดย่อม ๆ
พราวฟ้านั่งชมวิวและถ่ายรูปอย่างเพลิดเพลิน จนคิมหันต์เรียกให้เธอเตรียมตัวลง
“ถึงแล้วเหรอคะ เราต้องเดินไปทางไหนต่อคะ”
พราวฟ้าเอ่ยถาม หลังจากที่ลงมาจากรถเมล์ แต่ยังไม่เห็นวี่แววสถานที่ตามรูปในหนังสือท่องเที่ยวที่ได้อ่านมา
“เออ... ผมว่าผมอาจจะลงผิดป้าย”
“หมายความว่าหลงทางหรือคะ?”
“คงอย่างนั้น...แต่ผมคุ้น ๆ ว่าอยู่อีกไม่ไกลเท่าไรแล้วเราเดินเลียบชายหาดไปเรื่อย ๆ คุณเดินไหวไหมครับ”
คิมหันต์หันไปถามคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าตาตื่นตกใจ กับการหลงทางของไกด์สมัครเล่นตั้งแต่ที่แรก
“ไหวค่ะ ถือว่าเดินชมวิวละกันนะคะ”
“ผมขอโทษนะครับที่พาคุณหลง”
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเคยมาบ่อยยังหลงได้ ถ้าฟ้ามาเองคงจะหลงเหมือนกัน”
“ผมผิดไปแล้ว ผมขอโทษ”
คิมหันต์รู้สึกร้อนตัวว่าเขากำลังโดนเธอพูดประชดอยู่หรือเปล่า ไม่น่าพลาดเลย เสียฟอร์มตั้งแต่เริ่มต้น คงเพราะไม่ได้ไปไหนมาไหนเองมานานแล้ว ปกติพี่กระเต็นจะจัดการให้ทุกอย่างจนแทบไม่ต้องคิดอะไร อุตส่าห์อาสามาเป็นไกด์ทั้งที สงสัยต้องปัดฝุ่นกันหน่อย คืนนี้ถึงโรงแรมแล้วเขาจะหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติม จะได้ไม่เสียหน้าแบบนี้อีก
“ไม่เป็นไรค่ะ คิมไม่ต้องกังวลนะคะ ขนาดว่าฟ้าอ่านคู่มือท่องเที่ยวมาก่อนแล้ว ฟ้ายังไม่รู้เลย เราเดินเล่นเลียบชายหาดตอนนี้อากาศดีนะคะ ถือว่าได้เที่ยวทะเลเพิ่มอีกอย่างหนึ่ง”
ขนาดเธอพูดเพื่อปลอบใจเขา แต่ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นจากเดิมเท่าไร พรุ่งนี้ต้องแก้ตัว ไม่พลาดอีกแล้ว เขาตั้งเป้าหมายแน่วแน่อยู่ในใจ โชคดีที่เขาลงป้ายรถเมล์ผิดไปป้ายเดียว ทำให้ระยะทางที่เดินเลียบชายหาดจนถึงวัดเจ้าแม่กวนอิมไม่ไกลนัก แต่ก็ทำให้เหนื่อยได้พอสมควร วันนี้นักท่องเที่ยวไม่เยอะมาก หรืออาจจะเป็นจังหวะที่ไม่ชนกับคณะทัวร์พอดี
“ฟ้ารู้ขั้นตอนการไหว้ที่วัดนี้ไหมครับ”
“รู้นิดหน่อยค่ะ ฟ้าอ่านมาคร่าว ๆ “
‘ฟ้ากับอิง มาไหว้เจ้าแม่กวนอิมก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่ค่อยถ่ายรูปให้ ยืนตรงนี้แล้วยกมือไหว้เลยจ้าเด็ก ๆ’
“ฟ้าครับ...ฟ้า ได้ยินผมพูดรึเปล่า”
“คะ เอ่อ ขอโทษทีค่ะ เมื่อกี้คิมพูดว่าอะไรนะคะ
“ผมบอกว่าให้ฟ้ารอแถวนี้ก่อนเดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้ เดินมาเหนื่อย ๆ จะได้พักก่อน แล้วค่อยเข้าไปไหว้ด้านในกัน”
“ได้ค่ะ ฟ้ารอแถว ๆ นี้นะคะ”
‘น้องฟ้า น้องอิง มายืนถ่ายรูปตรงนี้กับแม่เร็ว ๆ ตรงนี้วิวสวย เห็นทะเลด้วย ให้คุณพ่อถ่ายให้นะ’
พราวฟ้ายืนอึ้งกับความทรงจำวัยเด็กที่หลั่งไหลเข้ามาเหมือนกระแสน้ำ
เธอเคยมาที่วัดนี้กับครอบครัวเมื่อครั้งยังวัยเยาว์ เป็นช่วงที่ครอบครัวมีความสุข อยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา เธอมายืนอยู่ ณ จุดเดิม แต่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ ไม่มีความอบอุ่นที่โหยหา
“พ่อคะ แม่คะ ฟ้าคิดถึงคุณพ่อคุณแม่นะคะ”
พราวฟ้ารู้สึกได้ถึงน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้ม ความทรงจำและความสุขที่แสนจะมีค่าที่เธอโหยหามาตลอด ถึงแม้จะขอพรคงไม่สามารถเรียกอะไรกลับมาได้ เธอรู้สึกได้ถึงความโดดเดี่ยวอ้างว้าง ความท้อแท้ หมดหวัง ทุกสิ่งต่างระดมวิ่งเข้าหาเธอพร้อมกับความทรงจำในวัยเด็ก น้ำตาที่ ทีแรกไหลลงอาบแก้มอย่างเงียบเชียบ ตอนนี้เริ่มกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ทำให้เธอยกมือทั้งสองข้างปิดหน้ายืนสะอื้นอยู่ตรงนั้น