บทที่ 6 อากัปกิริยาของลู่ว่านซาน
หลินเหมี่ยวเหมี่ยวโกรธจนสีหน้าเขียวปั๊ด
“ให้ตายเถอะ ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมเธอต้องช่วยไอ้ขยะหวังชาวด้วย!”
“ไอ้ขยะนั่นมีดีอะไร!!!”
หลินเหมี่ยวเหมี่ยวตะโกนลั่นใส่หลี่ฮุย
หลี่ฮุยก็ทำหน้างุนงง ตามหลักการแล้วไม่ควรพูดแบบนี้นะ!
คิดสักพัก เขารีบพูดขึ้น “เหมี่ยวเหมี่ยว ผู้หญิงคนนั้นคงจะเป็นคนที่หวังชาวหามาเล่นละคร ขยะแบบนั้น มีคนชอบมันสิแปลก”
“นั่นสิ เหมี่ยวเหมี่ยว หวังชาวไอ้ขยะนั่นน่าเอือมระอายังไงเราไม่รู้เหรอ? จะมีคนช่วยมันได้เหรอ? นี่ต้องเป็นละครที่มันแสดงให้เราดูแน่ๆ”
สวีปี้ฟังก็พยักหน้าพูดขึ้น
“ฉันไม่สน ยังไงฉันก็ทนไม่ได้ ที่รัก คุณต้องช่วยฉัน”
สีหน้าหลินเหมี่ยวเหมี่ยวอึมครึมเหลือเกิน เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ
“เหมี่ยวเหมี่ยว เธอไม่ต้องห่วง ฉันรู้จักพี่โหดๆ ในแวดวงนักเลง ฉันจะโทรให้เขาจัดการไอ้สารเลวหวังชาวนั่นเดี๋ยวนี้” สีหน้าหลี่ฮุยปล่อยรังสีเย็นยะเยือกออกมา
“อืม ที่รักฉันเก่งที่สุด”
หลินเหมี่ยวเหมี่ยวหอมแก้มหลี่ฮุยด้วยความพึงพอใจหนึ่งที
……
ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง
หวังชาวกับลู่อี้เข่อหันหน้าเข้าหากัน
“คุณลู่ เมื่อกี้ขอบคุณที่คุณช่วยผมอีกแล้ว”
เมื่อครู่นี้ตอนที่ลู่อี้เข่อควงแขนเขา หวังชาวประหม่าสุดขีด
เขาโตมาขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่มีสาวสวยมาควงแขนเขา
ถึงจะบอกว่าเขากับหลินเหมี่ยวเหมี่ยวแต่งงานกันมาสองปี แต่สองปีมานี้ แม้แต่นิ้วมือเธอหวังชาวก็ไม่เคยแตะเลย
“คุณหวัง ต่อไปนี้เรียกฉันว่าอี้เข่อดีกว่า คนคุ้นเคยเรียกฉันแบบนี้กันหมด”
ลู่อี้เข่อจิบกาแฟหนึ่งคำ แล้วเผยรอยยิ้มสวยงาม จากนั้นก็พูดอีก “ผู้หญิงคนเมื่อกี้คืออดีตภรรยาคุณเหรอ? น่าเกลียดเกินไปแล้ว เธอชั่วร้ายขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”
หวังชาวนิ่งเงียบไปสักพัก เรื่องที่เกี่ยวกับหลินเหมี่ยวเหมี่ยว เขาไม่อยากพูดอะไรมาก
“จริงสิ คุณลู่ อ่อไม่สิ อี้เข่อ คุณมาหาผมมีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
หวังชาวถาม
พูดถึงเรื่องสำคัญ ลู่อี้เข่อก็ทำสีหน้าเข้มงวด “คุณหวัง คืองี้ค่ะ วันนี้คุณช่วยรักษาโรคให้ปู่ฉันใช่ไหมคะ? แต่หมอจ้าวบอกว่า อาการป่วยของปู่ฉันไม่ได้หายเป็นปกติ ต้องทำการผ่าตัด ฉันมาหาคุณในคราวนี้ก็คืออยากถามว่า คุณยังมีวิธีอื่นในการรักษาอาการป่วยของปู่ฉันให้หายดีไหม?”
หวังชาวนิ่งเงียบไปสักพัก
จากความทรงจำเหล่านั้นในสมองเขา อาการป่วยนายท่านลู่สามารถรักษาให้หายได้
แค่ตอนนี้เขาเพิ่งควบคุมการสืบทอดเซียนชื่อเลี่ยนในเบื้องต้นเท่านั้น แสดงพลังยังไม่เชี่ยวชาญมากขนาดนั้น
เห็นหวังชาวเงียบ ลู่อี้เข่อก็สีหน้าเปลี่ยนไป กังวลอย่างยิ่ง “ไม่มีวิธีแล้วใช่ไหมคะ?”
หวังชาวรีบพูดขึ้น “อาการป่วยของปู่คุณ ผมรักษาได้ครับ แต่ผมต้องเตรียมการสองสามวัน”
ลู่อี้เข่อช่วยเขาตั้งหลายครั้ง หวังชาวไม่อาจปฏิเสธเธอได้
น้ำใจนี้ เขาต้องตอบแทน
“นานแค่ไหนคะ?”
ได้ยินว่ารักษาได้ ลู่อี้เข่อก็ทำสีหน้าดีอกดีใจ
“ประมาณสองสามวัน คุณทิ้งเบอร์ไว้ให้ผม ถึงตอนนั้นผมเตรียมพร้อมแล้ว จะโทรหาคุณ”
หวังชาวพูดขึ้น
มีเวลาสองสามวัน เขาอาจจะทำความเข้าใจความทรงจำในสมองเขาได้มากพอ
ได้ยินว่าใช้เวลาเพียงสองสามวัน ลู่อี้เข่อก็โล่งอก เวลานี้ปู่คงรอไหว
“ขอบคุณค่ะคุณหวัง ถ้าคุณช่วยรักษาโรคเรื้อรังของปู่ฉันให้หายดีได้จริงๆ อี้เข่อจะขอบพระคุณมากๆ เลยค่ะ” ลู่อี้เข่อยืนขึ้นมา สีหน้าท่าทางจริงจังมาก
“คุณลู่ คุณเกรงใจเกินไปแล้ว คุณช่วยผมตั้งหลายครั้ง คนที่ควรขอบคุณคือผมมากกว่า”
ปีที่ผ่านมาที่ได้แต่งเข้าตระกูลหลิน หวังชาวรู้สึกอ่อนไหวขึ้นผิดปกติ
รู้สึกได้ถึงความเคารพของลู่อี้เข่อที่มีต่อเขา ทำให้เขาประหลาดใจที่ได้รับความสำคัญอย่างอดไม่ได้
……
ณ โรงพยาบาลพระแม่เจ้า
ภายในห้องคนไข้ ลู่ว่านซานกึ่งนอนบนเตียงผู้ป่วย ถือหนังสือเล่มหนึ่งอยู่ในมือ
ในเวลานี้ ลุงฝูก็เดินเข้ามา
ลู่ว่านซานเงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วพูดขึ้น “คุณหนูไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“คุณหนูไม่เป็นไรครับ”
ลุงฝูพูดขึ้นพร้อมพยักหน้าอย่างนอบน้อม
“สืบประวัติหนุ่มคนนั้นเจอหรือยัง?” ลู่ว่านซานถาม
“ผมสืบเจอแล้วครับ ครอบครัวหวังชาวเป็นคนธรรมดา แม่ป่วยหนักนอนโรงพยาบาล จริงสิ ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าตระกูลหลิน คนในตระกูลหลินไม่ชอบเขา ไล่เขาออกจากบ้าน”
ลุงฝูเล่าชีวประวัติของหวังชาวรวบรัดสั้นๆ อย่างชัดเจน
ลู่ว่านซานขมวดคิ้ว กระซิบพึมพำ “ครอบครัวธรรมดา คุณแม่ล้มป่วย เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ถูกตระกูลหลินขับไล่?”
ข้อมูลเหล่านี้มากพอที่จะยืนยันได้ว่าหวังชาวคือคนธรรมดาจนไม่รู้จะธรรมดายังไงแล้ว
“ดูท่าฉันจะให้ค่าหนุ่มคนนี้เกินไป”
ลู่ว่านซานส่ายหน้าอย่างผิดหวังเล็กน้อย
ตอนนี้ความหวังที่หวังชาวจะรักษาโรคตนให้หายดีมีไม่มากแล้ว
“จริงสิ นายท่าน ควรเตือนคุณหนูหน่อยดีไหมครับ ให้เธออย่าใกล้ชิดหวังชาวเกินไป?”
ลุงฝูถามอย่างรอบคอบ
ลู่ว่านซานส่ายหน้าพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอก ถึงอี้เข่อจะจิตใจดี แต่มองคนได้แม่นยำ ถึงหวังชาวจะธรรมดา แต่คงไม่ใช่คนปลิ้นปล้อนหรอก”
“ครับ”
ลุงฝูพยักหน้า
สิ้นคำพูดได้ไม่นาน หลังจากลู่อี้เข่อคุยกับหวังชาวจบแล้ว ก็รีบไปที่โรงพยาบาล
“ปู่คะ ฉันเกลี้ยกล่อมคุณคนนั้นแล้ว เขาบอกว่าสามารถรักษาสุขภาพปู่ได้ อีกสองวันจะมารักษาโรคให้ปู่”
ลู่อี้เข่อนั่งข้างๆ ลู่ว่านซานด้วยสีหน้ามีความสุข
ลู่ว่านซานหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดขึ้น “อี้เข่อ ไม่ต้องหรอก อีกสองวันหมอเทวดาเฉินจะมาเมืองจงไห่แล้ว เขาจะผ่าตัดให้ปู่ด้วยตัวเอง”
“ฮะ? ปู่ ทำไมล่ะ ผ่าตัดอันตรายมากไม่ใช่เหรอ? อีกอย่างคุณหวังบอกแล้วว่าเขาสามารถรักษาอาการป่วยของปู่ให้หายได้โดยที่ไม่ต้องผ่าตัด ทักษะแพทย์ของเขายอดเยี่ยมมากเลยนะ เมื่อกี้ก็ต้องขอบคุณเขา สุขภาพปู่ถึงได้ดีขึ้นมากขนาดนี้”
ลู่อี้เข่อทำหน้าไม่เข้าใจ
ลู่ว่านซานพูดขึ้น “อี้เข่อ ความหวังดีของเธอปู่รับไว้นะ เมื่อกี้ลุงฝูสืบมาแล้ว หวังชาวนั่นเป็นแค่คนธรรมดา อีกอย่างแม่เขาก็ป่วยนอนอยู่โรงพยาบาล ถ้าทักษะแพทย์เขายอดเยี่ยมขนาดนั้นจริง ทำไมเขาไม่รักษาอาการป่วยของแม่เขาให้หายล่ะ?”
“แน่นอนว่าฉันก็ไม่ได้ดูถูกหนุ่มคนนี้ คนหนุ่มสาวน่ะ คุยโวโอ้อวดนิดหน่อยเป็นเรื่องปกติมาก”
ลู่ว่านซานไม่ค่อยพอใจ เขาไม่คิดเลยว่าหวังชาวคนนี้จะสัญญากับอี้เข่อด้วยว่าสามารถรักษาอาการป่วยตนให้หายได้
ไม่ว่าเขาจะมีจุดประสงค์อะไร แต่พฤติกรรมแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกประทับใจหวังชาวลดลงมาก
“ปู่ ปู่เชื่อฉันสักครั้งนะคะ คุณหวังไม่ใช่คนแบบนั้นหรอก” ลู่อี้เข่อค่อนข้างกังวลใจ
เธอไม่คิดว่าปู่จะคิดแบบนี้
“อี้เข่อ งั้นปู่ถามเธอ ถ้าทักษะแพทย์เขาเลิศล้ำจริง ทำไมไม่รักษาอาการป่วยแม่เขาให้หายดีล่ะ?”
“ถ้าเขาสุดยอดจริง ทำไมชีวิตยังลำบากระหกระเหินอยู่?”
“ทำไมโดนตระกูลหลินไล่ออกจากบ้าน?”
คำถามของลู่ว่านซานชุดนี้ทำให้ลู่อี้เข่ออึ้งไปเลย
นั่นสิ
ทำไมล่ะ?
หรือเขาหลอกตนจริงๆ?
“ไม่ใช่หรอก ปู่ ลางสังหรณ์ฉันบอกฉันว่าหวังชาวไม่ใช่พวกต้มตุ๋น” ลู่อี้เข่อพูดด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว
“เฮ้อ อี้เข่อ จิตใจมนุษย์มันน่ากลัว เธอน่ะ เชื่อใจคนง่ายเกินไปแล้ว” ลู่ว่านซานส่ายหน้า พูดขึ้นอย่างรักใคร่
……
หลังจากแยกกับลู่อี้เข่อที่ร้านกาแฟ หวังชาวก็ทนรอไม่ไหวรีบกลับไปที่บ้านเช่าตัวเอง
เดิมทีก่อนหน้านี้บ้านเขาคือบ้านหลังเล็ก แต่เพราะค่ารักษาพยาบาลคุณแม่ เขาจึงต้องขายมันไปในราคาที่ต่ำ
ตอนนี้ทำได้แค่เช่าห้องเดี่ยวเรียบง่ายอยู่ข้างนอก
กลับมาถึงบ้านเช่า หวังชาวก็หลับตาสองข้าง
ในที่สุดก็มีเวลาทำความเข้าใจข้อมูลมหาศาลภายในสมองสักที